Super God Gene – ตอนที่ 2166

หานเซิ่นยังคงจับด้ามมีดเอาไว้แน่นขณะที่คุกเข่าลงกับพื้น ตอนนี้เขาใช้สมาธิทั้งหมดไปกับการควบคุมมีดเส้นไหม

 

ถ้าเขาไม่เพ่งความสนใจไปที่มีดเส้นไหม พวกมันก็จะไปชนเข้ากับหินมหาสมุทรซะก่อน

 

แต่การอยู่นิ่งๆของหานเซิ่น ทำให้คนอื่นๆรู้สึกสับสน ในที่สุดผู้นำปราสาทนภาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง และดวงตาของเขาก็เบิกว้างเล็กน้อย

“เจ้าหนูนั่นกำลังจะทำอะไร?”

 

ศิษย์ของปราสาทนภาเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน พวกเขาเริ่มพูดคุยกันถึงท่าทางของหานเซิ่น

 

“มันคงจะไม่จบเพียงแค่นี้หรอกใช่ไหม เขาจะทิ้งเอาไว้แค่รอยเดียวอย่างนั้นหรอ?”

 

“ข้าคิดว่านี่เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น แต่ถ้าเขาทิ้งเอาไว้แค่รอยเดียวเท่านั้น แบบนั้นมันจะไปมีความหมายลึกซึ้งอะไรได้? ทำไมเขาถึงไม่เลือกวาดอะไรบางอย่างแทน?”

 

ศิษย์ของปราสาทนภารู้สึกผิดหวัง อนุสาวรีย์มหาสมุทรคือโอกาสที่ศิษย์แต่ละคนจะได้แสดงพลังของพวกเขาก่อนจะจากไป ด้วยเหตุนั้นผู้ชมที่ดูอยู่จึงคาดหวังว่าพวกเขาจะได้เห็นบางสิ่งที่ยอดเยี่ยม แต่ดูเหมือนว่ามันจะสิ้นสุดลงเพียงแค่การแทงลงพื้นครั้งเดียว

 

ขณะที่ศิษย์ของปราสาทนภากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น มีเสียงแตกร้าวดังออกมาจากภูเขา ทุกคนเงียบไปทันที พวกเขาจับจ้องไปทางภูเขามหาสมุทรและเห็นหานเซิ่นยังอยู่ในท่วงท่าเดิม เขานั่งคุกเข่าและจับที่ด้ามมีด ดูเหมือนว่าเขายังไม่ได้เคลื่อนไหวเลยแม้แต่นิดเดียว

 

ภูเขามหาสมุทรก็ดูปกติดีเช่นกัน ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าผิดหวังสำหรับผู้ชม ในตอนแรกพวกเขาเชื่อว่าเสียงดังขึ้นมาเป็นเพราะมีดของหานเซิ่นเริ่มเคลื่อนไหว

 

มีเสียงดังขึ้นมาอีกเสียง และมันก็ฟังดูเหมือนว่าหินกำลังแตกหัก ครั้งนี้ทุกคนได้ยินเสียงนั้น และพวกเขาก็สามารถบอกได้ว่ามันดังมาจากจุดที่หานเซิ่นแทงมีดลงไป ทุกคนจึงมองไปทางนั้น

 

แต่ผู้ชมส่วนใหญ่ไม่ได้มีสายตาที่เฉียบแหลม แถมหานเซิ่นก็อยู่ไกลออกไป พวกเขาจึงบอกไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 

แต่ผู้นำของปราสาทนภา ผู้หญิงสวมหน้ากากและยวิ๋นฉางคงเห็นว่ามันมีรอยร้าวเล็กๆ 2 รอยปรากฏขึ้นในตำแหน่งที่ภูเขาและด้ามมีดเชื่อมต่อกัน

 

รอยร้าวนั้นเกิดขึ้นมาจากจุดที่มีดถูกแทงเข้าไปในหิน มันบางราวกับเส้นผมและยาวไม่ถึงสิบเซนติเมตร ด้วยเหตุนั้นมันจึงไม่ได้เป็นที่สะดุดตาเท่าไหร่ แต่ตัวตนของมันทำให้ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือก

 

ในเมืองหยก อวี้ซ่านซินที่กำลังป้อนอาหารให้กับเฒ่าหวังสุนัขของเขา จู่ๆก็ลุกขึ้นยืน เขาเดินขึ้นไปบนหอคอยของเมือง และจากจุดสูงสุดของหอคอย เขาก็มองไปทางภูเขามหาสมุทร

 

บนเกาะความฝัน ดรีมบีสต์ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล มันลุกขึ้นมาและหันไปมองทางภูเขามหาสมุทรเช่นเดียวกัน

 

“นี่มันอะไรกัน? ทำไมถึงมีเสียงหินแตกร้าวดังขึ้นมา?”

 

“ข้าคิดว่าหานเซิ่นคงจะทำให้หินบริเวณรอบๆเขาแตกร้าว นั่นเป็นสิ่งที่ข้าคาดหวัง เพราะนี้เป็นหานเซิ่น”

 

ขณะที่ทุกคนเริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง เสียงแตกร้าวก็ดังขึ้นมา แถมแต่ละครั้งก็ดังขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้ทุกคนต้องหันไปมองที่ยอดของภูเขาด้วยความสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น

 

เสียงแตกร้าวดังขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ศิษย์ของปราสาทนภาบางคนเริ่มมองเห็นรอยแยกที่กำลังแพร่ขยายออกไป

 

“ไม่แปลกใจเลยเลยนี่คืออาจารย์หาน เขามีพลังเขี้ยวที่แข็งแกร่ง แม้แต่หินมหาสมุทรก็ถูกเขาทำลายได้”

 

“ใช่ นั่นเป็นวิชาที่ทรงพลังจริงๆ ข้ารู้อยู่แล้วว่าหานเซิ่นไม่ได้เพียงแค่แทงลงพื้นธรรมดาๆ เขาคิดจะทิ้งรอยร้าวเอาไว้ทั่วทั้งภูเขา”

 

“มันต้องทิ้งจิตแห่งมีดที่สุดยอดเอาไว้เบื้องหลังอย่างแน่นอน ผู้คนที่ฝึกการใช้มีดนั้นโชคดีมากๆ”

 

เสียงแตกร้าวยังคงดังขึ้นอีก และมันเหมือนกับว่าภูเขากำลังถูกสายฟ้าผ่าซ้ำๆ เสียงนั้นดังจนทำให้หูของคนที่มองดูอยู่รู้สึกปวด แต่พวกเขารู้สึกตกใจกับสิ่งที่กำลังมองเห็นมากกว่า

 

ทุกคนจ้องมองไปที่ยอดของภูเขามหาสมุทรด้วยความตกตะลึง จากจุดที่หานเซิ่นแทงมีดเขี้ยวผีสิงลงไป มีรอยร้าวยาวลงมาสิบเมตรทั้ง 2 ข้าง

 

ที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือรอยแยกยังคงแพร่ขยายต่อไปเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันหานเซิ่นก็เริ่มจะร่วงลงไป

 

หลังสิ้นเสียงที่สุดท้ายที่ดังเหมือนกับปืนใหญ่ ภูเขาลูกใหญ่ยักษ์ก็แตกออกเป็น 2 ส่วน ทุกคนยืนอึ้งกับสิ่งที่ได้เห็น ตอนนี้หานเซิ่นยังคงลอยอยู่ในอากาศขณะที่จับมีดเขี้ยวผีสิงเอาไว้แน่น ภูเขาใหญ่ยักษ์ถูกตัดขาดครึ่งภายใต้มีดของเขาขณะที่เขาค่อยๆร่วงลงมาอย่างนิ่มนวล

 

ผู้นำของปราสาทนภา ผู้หญิงสวมหน้ากากและผู้อาวุโสทุกคนยืนแข็งทื่อไป ขณะที่พวกเขาจ้องมองภูเขามหาสมุทรที่ถล่มลงมา

 

“นี่หานเซิ่นตัดภูเขามหาสมุทรจนขาดครึ่งอย่างนั้นหรอ?” ผู้ชมคนหนึ่งพูดขึ้นมาและคิดว่าดวงตาของตัวเองกำลังจะหลุดออกมาจากเบ้า

 

“นี่ข้าต้องเผลอหลับไปแน่ๆ นี่มันเป็นแค่ความฝัน”

 

“ข้ากำลังฝันไป ข้าต้องฝันไปแน่ๆ ใครก็ได้ตบข้าที”

ผู้อาวุโสทั้งหมดรีบมุ่งหน้าไปที่เกิดเหตุ พวกเขาใช้พลังของตัวเองเพื่อหยุดการถล่มของภูเขาเอาไว้

 

ภูเขามหาสมุทรลอยตัวอยู่ในอากาศด้วยความสมดุลของมัน ตอนนี้เมื่อมันถูกตัดครึ่ง มันก็เสียสมดุล ทำให้พวกมันเริ่มจะร่วงลงมา

 

เหล่าผู้อาวุโสใช้พลังของพวกเขาเพื่อพยายามรักษาสมดุลของภูเขาเอาไว้ แต่เนื่องจากคุณสมบัติพิเศษของหินมหาสมุทร ทำให้พวกเขาไม่สามารถรักษาสมดุลของมันเอาไว้ได้

 

ภูเขายังคงถล่มลงมาพร้อมกับเสียงดัง และเหล่าผู้อาวุโสไม่สามารถทำอะไรเพื่อหยุดมันเอาไว้ได้ พวกเขาหยุดเอาไว้ได้แค่ครึ่งหนึ่งของภูเขาเท่านั้น

 

หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าการกระทำของเขาจะส่งผลกระทบถึงขนาดนี้ เขาสาบานว่าแค่ส่งมีดเส้นไหมลงไปในรูน้อยๆเท่านั้น ซึ่งเมื่อพวกมันสัมผัสกับแมลงหินที่อยู่ภายใน หานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าแมลงหินยังคงมีชีวิตอยู่ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงดึงมีดเส้นไหมกลับมา แต่เขาไม่รู้ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

 

ตูม!

 

ภูเขามหาสมุทรร่วงลงไปบนก้อนเมฆ ซึ่งทำให้เกิดเป็นคลื่นขนาดใหญ่ที่พุ่งออกไปรอบๆราวกับสึนามิ ก้อนเมฆเหล่านั้นซัดเกาะลอยฟ้ารอบๆกระเด็นออกไป ทุกคนหนีกระจัดกระจายออกไปด้วยความกลัว ขณะที่ข้าวของถูกซัดกระเด็นไปทั่ว ทั้งปราสาทนภาตกอยู่ในความโกลาหลอย่างรวดเร็ว

 

โชคดีที่ก้อนเมฆไม่ได้รับความเสียหายอะไร พวกมันแค่ซัดสิ่งของที่มีขนาดเบากระจัดกระจายไปทั่ว แต่พวกมันไม่ได้ทำให้ใครได้รับบาดเจ็บ

 

“นี่มัน…ขี้โกง…” ศิษย์ของปราสาทนภาหลายคนตื่นจากความมึนงงและจ้องมองไปที่หานเซิ่นอย่างตกตะลึง

 

ผู้นำของปราสาทนภาดูโกรธขึ้นมาจริงๆ “เจ้านั่น… โยนเขาออกไปจากปราสาทนภา! ข้าไม่ต้องการเห็นหน้าของเขาอีกต่อไป…”

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset