Super God Gene – ตอนที่ 2167

หานเซิ่นนั่งอยู่บนยานอวกาศที่กำลังเดินทางไปที่แนร์โรว์มูน เขาไม่ได้รับอนุญาตให้นำครึ่งหนึ่งของภูเขามหาสมุทรติดตัวกลับไป แต่ผู้นำของปราสาทนภาอนุญาตให้เขาเก็บหินมหาสมุทรไปได้จำนวนหนึ่ง

 

โดยปกติแล้วหานเซิ่นจะใช้ยานโดยสารสาธารณะ แต่วันนี้เขาใช้ยานบรรทุกสินค้า การขนหินมหาสมุทรทั้งหมดขึ้นไปนั้นใช้เวลาพอสมควร และผู้คนของปราสาทนภาที่ผ่านมาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองหินมหาสมุทรจำนวนมาก

 

โดยปกติแล้วศิษย์ของปราสาทนภาจะนำของไม่กี่ชิ้นติดตัวกลับไปเท่านั้น พวกเขาไม่เคยเห็นศิษย์คนไหนกลับไปพร้อมกับยานบรรทุกสินค้าที่ขนหินมหาสมุทรจนเต็มลำ

 

ถึงหินมหาสมุทรพวกนั้นจะไม่ได้ใกล้เคียงกับครึ่งหนึ่งของภูเขาที่หานเซิ่นผ่า แต่มันก็มากพอที่จะสร้างฐานทัพขึ้นมาใหม่ ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงพึงพอใจแล้ว

 

เรื่องราวที่หานเซิ่นทำลายภูเขามหาสมุทรนั้นแพร่กระจายออกไปทุกซอกทุกมุมของปราสาทนภา ผู้นำปราสาทนภาและผู้อาวุโสได้ทำการสืบหาความจริงถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และพวกเขาก็ได้รู้ว่าภูเขามีรอยแตกร้าวอยู่ก่อนแล้ว พวกเขาจึงได้ข้อสรุปว่าการถล่มไม่ได้เกิดจากพละกำลังของหานเซิ่น แต่หานเซิ่นเพียงแค่ใช้ประโยชน์ต่อข้อบกพร่องของมันที่มีอยู่ก่อนแล้ว

 

แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องราวที่หานเซิ่นผ่าภูเขามหาสมุทรขาดครึ่งก็เป็นที่พูดถึงอย่างแพร่หลาย และไม่นานมันก็กลายเป็นตำนานของปราสาทนภา

 

ในอนาคตข้างหน้าเมื่อศิษย์คนอื่นต้องไปจากปราสาทนภา พวกเขาก็ต้องมาทิ้งชื่อหรือร่องรอยบนครึ่งหนึ่งของภูเขาที่ลอยอยู่ มันจินตนาการได้ง่ายๆว่าพวกเขาจะต้องถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับภูเขา

 

ซึ่งผู้คนของปราสาทนภาก็สามารถตอบได้อย่างภาคภูมิว่ามีใครคนหนึ่งเคยตัดภูเขามหาสมุทรจนขาดครึ่งได้สำเร็จ หานเซิ่นจะกลายเป็นบางสิ่งที่ถูกจดลงในหนังสือประวัติศาสตร์ของปราสาทนภา

 

หานเซิ่นรู้ดีว่าภูเขามหาสมุทรไม่ได้แตกร้าวตั้งแต่แรก แต่มันถูกผ่าครึ่งเพราะแมลงหินที่อาศัยอยู่ภายใน

 

แต่เนื่องจากในตอนที่ภูเขามหาสมุทรถูกผ่าครึ่ง สถานการณ์นั้นยุ่งเหยิงเกินกว่าสังเกตเห็นแมลงหินตัวนั้น เขาได้พยายามใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อหาตำแหน่งของมัน แต่มันได้หายตัวไปเรียบร้อยแล้ว

 

‘เจ้าแมลงตัวนั้นอยู่ระดับไหนกันแน่ มันเป็นระดับเทพเจ้าอย่างนั้นหรอ?’ ขณะที่หานเซิ่นคิดถึงเรื่องนี้ จู่ๆเป่าเอ๋อก็เรียกน้ำเต้าของเธอออกมา

 

หานเซิ่นคิดว่านั่นเป็นอะไรที่แปลก เป่าเอ๋อไม่ใช่คนที่จะเรียกน้ำเต้าออกมาอย่างไม่มีเหตุผล แต่เขาไม่รู้เลยว่าทำไมจู่ๆเธอถึงเรียกมันออกมาในตอนนี้

 

ท่ามกลางความสับสนของหานเซิ่น เป่าเอ๋อเขย่าน้ำเต้าของเธอ หลังจากนั้นเธอก็ตบไปที่ก้นของน้ำเต้าและบางสิ่งก็กระเด็นออกมา

 

เมื่อหานเซิ่นเห็นมัน เขาก็ทั้งประหลาดใจและดีใจ แมลงหินที่ดูเหมือนกับตัวไหมกระเด็นออกมาจากน้ำเต้า มันเป็นตัวเดียวกับที่อยู่ภายในภูเขามหาสมุทร

 

“ไม่แปลกใจที่หาเจ้าแมลงหินไม่เจอ เป่าเอ๋อเอามันไปนี่เอง” หานเซิ่นมองดูเป่าเอ๋อจิ้มไปที่ร่างของแมลงหินด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

แมลงหินยกร่างกายของมันขึ้น แต่มันไม่มีแขนขา และนิ้วของเป่าเอ๋อก็ดันมันเคลื่อนที่ไปอย่างต่อเนื่อง มันไม่สามารถต่อต้านแรงผลักจากนิ้วของเธอได้

 

แมลงหินนั้นสร้างภูเขาหินที่ใหญ่โตขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดูไม่ทรงพลังเลยสักนิด ดูแล้วมันมีความแข็งแกร่งไม่ถึงระดับบารอนด้วยซ้ำไป

 

‘ดาวอุปราคามีภูเขาไฟอยู่ บางทีเราควรจะโยนเจ้าตัวนี้ลงไปในนั้นเพื่อดูว่ามันจะสร้างหินมหาสมุทรขึ้นมาได้อีกไหม’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง

 

เป่าเอ๋อยังคงเล่นกับแมลงหินต่อไป ขณะที่เธอทำอย่างนั้น หานเซิ่นก็ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับหินมหาสมุทรและแมลงหินที่สร้างพวกมันขึ้นมา

 

สถานที่ที่มีหินมหาสมุทรอยู่มากที่สุดก็คือเพอร์กาทอรี่ร็อกซี มันเป็นซีโน่เจเนอิคสเปชที่ประกอบไปด้วยลาวาเกือบจะทั้งหมด แต่บางครั้งมันจะมีเกาะปรากฏขึ้นมาท่ามกลางลาวา และเกาะพวกนั้นก็ประกอบไปด้วยหินมหาสมุทร

 

แต่เพอร์กาทอรี่ร็อกซีมีซีโน่เจเนอิคธาตุไฟเป็นจำนวนมากที่จำเป็นต้องระมัดระวัง พวกมันหลายตัวเป็นถึงระดับราชัน และยังมีตัวที่เป็นระดับเทพเจ้าอีกด้วย การไปที่นั่นเพื่อเก็บหินมหาสมุทรจึงเป็นงานที่อันตราย จำนวนผู้เสียชีวิตจากการเดินทางไปที่นั่นนั้นสูงมากๆ

 

หานเซิ่นได้เรียนรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับหินมหาสมุทร แต่น่าประหลาดที่เขาไม่สามารถเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับเจ้าแมลงหินได้เลย ราวกับว่าไม่มีใครคนอื่นที่รู้ว่าหินมหาสมุทรเกิดขึ้นมาได้ยังไง

 

หานเซิ่นหันกลับไปมองเจ้าแมลงหิน หลังจากที่เป่าเอ๋อก่อกวนมันไปสักพัก มันก็หยุดเคลื่อนไหวและแกล้งตายเมื่อมันรู้สึกตัวว่ายิ่งมันขัดขืนมากเท่าไหร่ เป่าเอ๋อก็ดีใจมากเท่านั้น

 

หลังจากที่มันตัดสินใจหยุดเคลื่อนไหว เป่าเอ๋อก็หมดความสนใจอย่างรวดเร็ว

 

หานเซิ่นสังเกตเจ้าแมลงหินอย่างละเอียด ร่างกายของมันเหมือนกับหินสีเทา พลังชีวิตของมันไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมาก ดังนั้นหานเซิ่นไม่แน่ใจว่ามันทำลายภูเขามหาสมุทรแบบนั้นได้ยังไง

 

หานเซิ่นปล่อยให้เป่าเอ๋อนำแมลงหินกลับเข้าไปในน้ำเต้า เขาคิดที่จะตรวจดูมันอีกทีหลังจากที่ไปถึงภูเขาไฟ เขาคิดว่าถ้าพามันไปในสภาพแวดล้อมแบบนั้นอาจจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น

 

ยานอวกาศของหานเซิ่นถูกคุ้มกันโดยยอดฝีมือของปราสาทนภาหลายคน ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงกลับไปถึงแนร์โรว์มูนได้อย่างปลอดภัย

 

บนดาวดึกดําบรรพ์ที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่โหดร้ายจำนวนมาก มีชายคนหนึ่งยืนถือมีดอยู่ในมือ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่เข้ามาขวางทางของเขาถูกฆ่าตายทั้งหมดจนไม่มีเหลือแม้แต่กระดูก เพราะหลังจากที่ฆ่าพวกมันตาย มีดของเขาก็จะดูดกลืนพวกมันทั้งหมดเข้าไป

 

มีดเล่มนั้นดูแปลกประหลาด มันถูกทำขึ้นมาจากกระดูกและรูปร่างของมันก็ดูเหมือนกับกระดูกสันหลังของสิ่งมีชีวิต มีดนั้นหยักเหมือนกับฟันปลาและมีความยาวประมาท 2 เมตร เมื่อชายคนนั้นกวัดแกว่งมัน มันก็ฆ่าสิ่งมีชีวิตต่างๆที่เข้ามา และเนื้อทั้งหมดของพวกมันก็จะถูกดูดกลืนเข้าไปในมีดกระดูก ยิ่งสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นตายไปมากเท่าไหร่ ใบมีดก็เต็มไปด้วยเลือดมากขึ้นเท่านั้น

 

ชายคนที่ถือมีดกระดูกอยู่ในมือก็ดูแปลกประหลาดเช่นเดียวกัน หัวของเขามี 3 ใบหน้าเหมือนกับเดสทรอยเยอร์ แต่เขามีแขนเพียงแค่คู่เดียว และใบหน้าทั้ง 3 ก็ดูแตกต่างไปจากเดสทรอยเยอร์คนอื่นๆ

 

เดสทรอยเยอร์ทั่วๆไปจะมีหัวนกอยู่ตรงกลางพร้อมกับมีใบหน้าของชายและหญิงประกบข้าง แต่ใบหน้าทั้ง 3 ของชายคนนี้เป็นใบหน้าของผู้ชายทั้งหมด ใบหน้าตรงกลางดูไร้อารมณ์ความรู้สึก ใบหน้าด้านซ้ายดูเหมือนกับผี ส่วนใบหน้าด้านขวาดูหล่อเหลา

 

ชายคนนั้นทำการฆ่าฟันต่อไปโดยไม่เบื่อหน่ายหรือรำคาญ ชีวิตนับไม่ถ้วนถูกกลืนกินโดยมีดกระดูกของเขา แต่อารมณ์ความรู้สึกของเขาไม่เปลี่ยนแม้แต่ครั้งเดียว

 

ในขณะที่ชายคนนั้นกำลังฆ่าฟันอยู่ ใบหน้าที่งดงามของเขาก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า เนื่องจากมียานอวกาศบินผ่านชั้นบรรยากาศและลงมาจอดข้างๆเขา

 

มีหุ่นยนต์ตัวหนึ่งลงมาจากยานและเดินมาตรงหน้าชายคนนั้น

 

“บาร์ มีใครบางคงยินดีจะมอบเงินก้อนโตเพื่อแลกกับการฆ่าศิษย์ของราชินีแห่งมีด เจ้าจะยอมรับสัญญานี้ไหม?” หุ่นยนต์พูดด้วยเสียงอิเล็กทรอนิกส์

 

“เจ้าเองก็รู้กฎ” ชายที่ชื่อบาร์ยังคงฆ่าฟันต่อไปขณะที่พูดออกมา เขาตัดร่างของสิ่งมีชีวิตตรงหน้าจนขาดครึ่ง และมีดที่เหมือนกับฟันก็เริ่มกลืนกินร่างของมันเข้าไป

 

มีดกระดูกดูแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลังจากนั้น สีแดงของมันก็เข้มยิ่งกว่าเดิม

 

“วิดีโอนี่คงจะเพียงพอสินะ ข้ารับประกันว่าเป้าหมายนี้จะคุ้มค่าต่อเวลาของเจ้า” หุ่นยนต์เริ่มแสดงวิดีโอของหานเซิ่น

 

บาร์มองดูมัน และหลังจากผ่านไปช่วงสั้นๆ ดวงตาของเขาก็แว็บขึ้นมา

“ข้าจะรับงานนี้”

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset