Super God Gene – ตอนที่ 2190

คางคกน้อยมารวมตัวกันรอบๆหานเซิ่น ดูเหมือนพวกมันจะคิดว่าเขาเป็นพวกมัน ซึ่งนั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ เขาคิดกับตัวเอง ‘ฉันไม่ใช่คางคกที่สกปรกสักหน่อย!’

 

หลังจากวันนั้นหานเซิ่นก็ยังคงกลับมาเพื่อดูดซับพลังจันทราและพลังน้ำแข็งเดือนละ 2 ครั้ง และเขาก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแผ่นหยกผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นอีกแล้ว แถมเจ้าคางคกระดับเทพเจ้าก็ยังอนุญาตให้เขาตามพวกคางคกน้อยขึ้นไปบนน้ำตก

 

นั่นทำให้วิชากายหยกของหานเซิ่นพัฒนาเร็วขึ้นอย่างมาก ในตอนแรกเขาคิดว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาอีกหนึ่งปีกว่าที่จะพัฒนาสู่ระดับดยุก แต่ตอนนี้เขาเชื่อว่าถ้ายังคงดูดซับพลังจันทราและพลังอันหนาวเย็นต่อไปในระดับนี้ เขาจะกลายเป็นดยุกในอีก 3 เดือน

 

แต่เมื่อวิชากายหยกพัฒนาสู่ระดับดยุกแล้ว เขาก็ต้องเริ่มหาแหล่งทรัพยากรคุณภาพสูงสำหรับตัวเอง เขาไม่สามารถพึ่งพาดาวอุปราคาได้อีกต่อไป

 

มันเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการเริ่มต้น แต่เขาจะไม่สามารถพัฒนาได้อย่างเต็มที่ถ้ายังติดแหง็กอยู่ที่นี่

 

ในวันที่ 15 ของเดือน เมื่อหานเซิ่นเสร็จจากการเฝ้าประตูตำหนักเย็น เขามีแผนจะเดินทางออกจากดาวเบลดและกลับไปที่ดาวอุปราคา แต่เมื่อเขาไปถึงปราสาทของอี๋ซา พ่อบ้านชาวรีเบท 2 คนรวมถึงดยุกวิหคหิมะก็เดินเข้ามาหาเขา

 

“หานเซิ่น ราชากงล้อจันทราอยากจะพบกับเจ้า ได้โปรดตามพวกเราไปที่ห้องประชุมฟูลมูน” หนึ่งในพ่อบ้านพูดด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก

 

“ทำไมราชากงล้อจันทราถึงอยากจะพบกับข้า?” หานเซิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

ห้องประชุมฟูลมูนเป็นสถานที่สำหรับพูดคุยเรื่องที่มีความสำคัญต่อเผ่ารีเบท มีแค่ราชันของแนร์โรว์มูนเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปร่วมการประชุมได้ มันถือเป็นอะไรที่หาได้ยากที่ราชากงล้อจันทราจะเรียกมาร์ควิสคนหนึ่งเข้าไปในห้องประชุมฟูลมูน

 

“เมื่อไปถึง เจ้าก็จะได้รู้เอง” พ่อบ้านอีกคนพูด

 

หานเซิ่นมองไปที่ดยุกวิหคหิมะ ท่าทางของเธอดูแปลกๆ และเธอก็ดูเคร่งครัดกว่าปกติ หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไรอีก เขาแค่พยักหน้าให้กับเธอ

 

“ไปกันเถอะ ราชากงล้อจันทราและราชาคนอื่นกำลังรอเจ้าอยู่” พ่อบ้านพูดขึ้นด้วยความเร่งรีบ

 

หานเซิ่นตามพวกเขาไปที่ห้องประชุมฟูลมูน ในระหว่างที่อยู่บนยาน หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘มันต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับอี๋ซาแน่ๆ ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่มีทางที่เราจะถูกเรียกไปที่ห้องประชุมฟูลมูน ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอล่ะก็ ช่วงเวลาของเราในที่แห่งนี้ก็คงจะถึงการสิ้นสุด’

 

หานเซิ่นรู้ว่าในบรรดาคนที่ครองอำนาจภายในแนร์โรว์มูนมีเพียงคนเดียวที่ชอบเขา ซึ่งก็คือราชาแบล็คมูน

 

ถึงแม้เขาจะเป็นลูกศิษย์ของอี๋ซาก็ตาม แต่ราชาคนอื่นๆก็ไม่ได้ชื่นชอบเขามากนัก เพราะยังไงซะเขาก็ไม่ใช่คนเผ่ารีเบท แถมเขายังใช้ทรัพยากรของเผ่าไปเป็นจำนวนมาก มันถือเป็นเรื่องที่โชคดีแล้วที่รีเบททุกคนไม่ได้รังเกลียดเขาซะทีเดียว

 

ถ้าหานเซิ่นสามารถฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วล่ะก็ เหล่าราชันก็อาจจะมองเขาต่างออกไป แต่การเพิ่มระดับของหานเซิ่นต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมาก พวกเขาไม่คิดว่าหานเซิ่นจะไปถึงระดับราชันได้ด้วยซ้ำ ระดับเทพเจ้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่พวกเขาไม่มองหานเซิ่นสูงจนเกินไป

 

สำหรับพวกเขาแล้ว หน้าที่ผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นที่หานเซิ่นได้รับก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของข้อบกพร่อง ถ้าหน้าที่เดียวกันถูกมอบให้กับมาร์ควิสคนอื่นที่มีพรสวรรค์ล่ะก็ คนๆนั้นก็จะกลายเป็นดยุกหลังจากเวลาผ่านมาอย่างยาวนาน แต่หานเซิ่นยังคงไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาไม่ได้รับอะไรจากมันเลย

 

หานเซิ่นได้รับการหนุนหลังจากอี๋ซา แต่ถ้าเธอไม่อยู่แล้ว ทางรีเบทก็ไม่คิดจะสูญเสียทรัพยากรจำนวนมากให้กับคนนอกอย่างเขา

 

‘รีเบทยังคงเป็นฝ่ายที่เล็กเกินไป พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงที่เคยเป็นทาสมาก่อน พวกเขาไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์ที่จะเสียสละตัวเองเพื่อคนนอกคนหนึ่ง มีเพียงแค่อี๋ซาคนเดียวที่ยินดีช่วยเรา นี่เป็นอะไรที่น่าเสียดาย!’ หานเซิ่นระบายออกมาอย่างเงียบๆ เขารู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นในการเดินทางครั้งนี้

 

เมื่อหานเซิ่นไปถึงห้องประชุมฟูลมูน ทุกคนก็นั่งรอบโต๊ะตัวใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง

 

ราชาเกือบทุกคนของแนร์โรว์มูนอยู่ที่นี่ ราชากงล้อจันทรานั่งอยู่ตรงกลางโดยที่มีราชาแบล็คมูน ราชาชาโดว์ ราชาฟลาวเวอร์ ราชาไนท์ริเวอร์และราชาคนอื่นนั่งถัดจากเขาไป โต๊ะตรงกลางดูเหมือนกับพระจันทร์ครึ่งซีก และขณะที่หานเซิ่นเดินเข้าไปข้างใน ทุกคนก็หันมามองที่เขา

 

“คารวะราชาทุกท่าน” หลังจากที่หานเซิ่นโค้งคำนับต่อพวกเขาแต่ละคนแล้ว เขาก็ยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

 

ราชากงล้อจันทราถอนหายใจออกมาและพูดกับหานเซิ่น

“เมื่อวานทางเอ็กซ์ตรีมคิงได้ส่งข่าวมาบอกพวกเรา อาจารย์ของเจ้าถูกฆ่าตายในระบบเคออส มันไม่มีแม้แต่กระดูกของนางหลงเหลืออยู่ พวกเราจะสร้างสุสานขึ้นมาเพื่อเป็นเกียรติต่อนาง เจ้าเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของนาง ดังนั้นมันมีหลายๆเรื่องที่พวกเราต้องร่วมมือกัน”

 

“ข้าจะทำเท่าที่ทำได้ แต่ข้าขอถามได้ไหมว่าอาจารย์ของข้าตายยังไง?” หานเซิ่นโค้งคำนับ เขารู้สึกแปลกๆเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

ความจริงแล้วอี๋ซาเป็นศัตรูของหานเซิ่น เขาก็แค่เสแสร้งเป็นลูกศิษย์ของเธอเท่านั้น และอี๋ซาเองก็ดูเหมือนจะยอมรับเขาเป็นลูกศิษย์ด้วยเหตุผลส่วนตัว ไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนที่เห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นแต่อย่างใด

 

แต่ในเวลาที่พวกเขาใช้ร่วมกัน อี๋ซาปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดี เธอมอบโอกาสมากมายให้กับเขา ถ้าไม่มีโอกาสพวกนั้น เขาก็อาจจะต้องใช้เวลาเป็นสิบๆปีกว่าจะมาถึงจุดที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้ได้

 

ดังนั้นความรู้สึกที่เขามีต่ออี๋ซาจึงเป็นอะไรที่ซับซ้อนอย่างมาก ตอนนี้เมื่อได้ยินว่าเธอตาย เขาก็ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอะไร

 

“จากคำกล่าวของทูตจากเอ็กซ์ตรีมคิง นางเข้าร่วมการต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าและถูกมันกลืนกินเข้าไป” ราชากงล้อจันทราพูด พร้อมกับถอนหายใจออกมา

 

การถอนหายใจของราชากงล้อจันทราไม่ใช่การเสแสร้ง มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่รีเบทจะให้กำเนิดนักสู้ระดับครึ่งเทพขึ้นมา และอี๋ซาก็เป็นความหวังของเผ่าที่จะได้รับเป็นระดับเทพเจ้าเต็มตัว

 

ความตายของอี๋ซาถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของเผ่าพันธุ์รีเบท

 

แต่ถ้าอี๋ซาไม่ได้ไปที่เอ็กซ์ตรีมคิง เธอก็จะกลายเป็นระดับเทพเจ้าไม่ได้ ถ้าเธอยังอยู่ในแนร์โรว์มูน เธอก็จะเป็นครึ่งเทพไปตลอดการ

 

สำหรับคนอย่างอี๋ซาแล้ว การหยุดอยู่แค่นั้นเป็นอะไรที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย

 

หานเซิ่นยังคงนิ่งเงียบหลังจากที่ได้ยินเกี่ยวกับความตายของเธอ การถูกซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าฆ่าตายโดยไม่มีแม้แต่กระดูกเหลือทิ้งเอาไว้นั้นเป็นการจากไปที่หมดจด นั่นเป็นบางสิ่งที่เหมือนกับสไตล์ของเธอ

 

เมื่อราชากงล้อจันทราเงียบไป ราชาไนท์ริเวอร์ก็พูดขึ้นมา

“หลังจากที่จัดการเรื่องสุสานของราชินีแห่งมีดเสร็จแล้ว มันยังมีบางสิ่งที่เจ้าจำเป็นต้องทำ เจ้าเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของนาง ดังนั้นมันมีเรื่องมรดกที่เจ้าจะสืบทอดต่อ ข้าจะยืนยันพวกมันในภายหลังและมอบพวกมันให้กับเจ้า”

 

หานเซิ่นรู้ว่านี่เป็นเรื่องหลักที่เขาถูกเรียกมา แต่เขาไม่รู้ว่ามรดกมากขนาดไหนที่รีเบทยินดีจะทิ้งเอาไว้ให้กับเขา

 

หานเซิ่นรู้ว่าไม่สามารถพูดอะไรในเรื่องนี้ได้ เพราะราชาไนท์ริเวอร์ไม่ต้องการจะมอบอะไรที่มีค่าให้กับเขาอย่างแน่นอน และมันก็เป็นการตัดสินใจฝ่ายเดียว

 

แต่หานเซิ่นก็คาดเอาไว้แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไร เขาแค่ฟังสิ่งที่เขาถูกบอก หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องประชุมฟูลมูนไป

 

“เอ็กซ์ตรีมคิงได้ส่งรางวัลที่อี๋ซาได้รับจากการเข้าร่วมการต่อสู้ เราควรจะมอบมันให้กับหานเซิ่น…” ราชาแบล็คมูนพูด แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ราชาไนท์ริเวอร์ก็พูดแทรกขึ้นมา

 

“หานเซิ่นไม่ใช่รีเบท เจ้าลืมไปแล้วหรอ? เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะรับมันไป พวกเราได้ตกลงเรื่องนี้กันเรียบร้อยแล้ว อย่าได้พูดอะไรอีก” ราชาไนท์ริเวอร์พูดอย่างหนักแน่น

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset