Super God Gene – ตอนที่ 2199

 

นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นได้มองดูร่างกายขั้นสุดยอดของหวงฟูจิ้งอย่างใกล้ชิด ถึงแม้ระดับของหวงฟูจิ้งจะยังต่ำอยู่ แต่ความสามารถในการเทเลพอร์ตของเธอก็เหนือกว่าปีกมังกรของเขาซะอีก

 

ปีกมังกรของหานเซิ่นสามารถเทเลพอร์ตในเส้นตรงได้เท่านั้น แต่มันดูเหมือนว่าความสามารถในการเทเลพอร์ตของหวงฟูจิ้งจะไม่มีข้อจำกัดแบบนั้นอยู่ และเมื่อเธอใช้วิชาจีโนเพื่อโจมตี พลังของเธอก็จะถูกเทเลพอร์ตมาพร้อมกับร่างกายของเธอด้วย นั่นเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ

 

ตอนนี้ระดับของหวงฟูจิ้งยังต่ำอยู่ ดังนั้นระยะการเทเลพอร์ตของเธอจึงไม่ไกลมากนัก ถ้าระยะการเทเลพอร์ตของเธอไกลกว่านี้ล่ะก็ มันจะเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวมากๆ

 

“มันก็แค่มาร์ควิสจากเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” หวงฟูจิ้งพูดอย่างเรียบง่าย

 

ถ้าใครคนอื่นพูดออกมาแบบนั้น มันจะฟังเหมือนกับการโอ้อวด แต่หวงฟูจิ้งหมายความอย่างที่เธอพูดจริงๆ

 

หานเซิ่นแค่ยักไหล่ แต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะมันเป็นอย่างที่หวงฟูจิ้งพูด อีกฝ่ายเป็นแค่คนจากเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำ ดังนั้นมันจึงไม่ได้เป็นการต่อสู้ที่ยากจนเกินไป

 

หวงฟูจิ้งนำทางหานเซิ่นกับเป่าเอ๋อลึกเข้าไปในเหมือง ซึ่งมันเป็นที่ที่เธอหาเจดดรัมพบอย่างเงียบๆ

 

เนื่องจากเธอไม่ต้องการให้เจดดรัมถูกค้นพบ เธอจึงไม่ได้พกมันไปไหนมาไหนด้วย เธอยังคงเก็บมันเอาไว้ในเหมืองที่เธอพบมันครั้งแรก

 

หานเซิ่นตามเธอเข้าไปในเหมืองและเห็นหนึ่งในดรัมทันที

 

แต่มันไม่ใช่เจดดรัมที่สะดุดสายตาของเขา มันคือสตีลดรัมที่ยื่นออกมาจากหิน มันมีความยาวประมาทหนึ่งฟุตและมีสีดำเหมือนกับเหล็ก ซึ่งมันดูเหมือนกับกลองที่ใช้ห้อยรอบๆเอว

 

ผู้คนที่มาค้นหาต้องขุดสตีลดรัมขึ้นมาจากหิน และหลังจากนั้นก็ตีมัน ถ้ามันสร้างเสียงขึ้นมา นั่นก็เป็นสัญญาณบอกว่าคนนั้นได้รับการยอมรับจากมัน หลังจากนั้นพวกเขาก็จะสามารถนำดรัมออกไปจากดาวเจดดรัมได้

 

แต่ตั๋วหนึ่งใบจะมอบสิทธิ์ในการนำสิ่งมีชีวิตนี้ออกไปแค่ตัวเดียวเท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าคนๆหนึ่งจะพบดรัมมากสักกี่ตัว พวกเขาก็เอามันติดตัวออกไปได้แค่ตัวเดียวต่อคนเท่านั้น

 

สตีลดรัมถือเป็นอะไรที่หาได้ไม่ยากบนดาวเจดดรัม ดังนั้นมันไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้เวลาเพื่อตามหามัน น้อยคนนักที่จะมาที่นี่เพื่อมองหาพวกมัน

 

หานเซิ่นตามหวงฟูจิ้งลึกเข้าไปในเส้นทางที่ซับซ้อน และในระหว่างทางพวกเขาก็เห็นสตีลดรัมหลายตัว แต่มันไม่มีแม้แต่บรอนซ์ดรัมสักตัวให้เห็น มันดูเหมือนกับว่าเหมืองขนาดใหญ่นี้จะเป็นที่อยู่อาศัยเฉพาะเหล่าสตีลดรัมเท่านั้น

 

โดยปกติแล้วสถานที่ที่เต็มไปด้วยสตีลดรัมจะไม่มีบรอนซ์ดรัมหรือซิลเวอร์ดรัมอาศัยอยู่รอบๆ และมันก็มีโอกาสน้อยยิ่งกว่าที่จะหาดรัมที่มีระดับสูงยิ่งกว่านั้น การที่หวงฟูจิ้งหาเจดดรัมเจอในที่แบบนี้นั้นถือเป็นอะไรที่โชคดีอย่างที่สุด

 

พวกเขาเดินไปเส้นทางแคบๆของเหมืองเป็นเวลากว่าหนึ่งวัน และในที่สุดพวกเขาก็พบกับสถานที่ที่เธอพูดถึง

 

ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา พวกเขาแทบไม่เห็นบรอนซ์ดรัมเลยสักตัว มันจึงดูเป็นไปไม่ได้ที่จะหาเจดดรัมเจอในที่แบบนี่ แต่มันก็มีเจดดรัมอยู่ในหินจริงๆ มันเป็นดรัมที่มีสีขาวและผิวของมันก็ดูโปร่งใส

 

หวงฟูจิ้งตีไปที่เจดดรัมอย่างอ่อนโยน และมันก็ตอบสนองด้วยเสียงตูม สำหรับหานเซิ่นแล้ว เสียงนั้นเหมือนกับว่ามีการระเบิดเกิดขึ้นภายในหัวของเขา

 

และนั่นเกิดจากการที่เธอตีมันเพียงเบาๆเท่านั้น ถ้าพลังทั้งหมดของมันถูกกระตุ้นให้ทำงาน มันก็เป็นไปได้สูงที่จะทำให้ดยุกเลือดออกหูได้

 

และถ้าสามารถเพิ่มระดับมันไปสู่ระดับราชันได้ มันก็จะทรงพลังขึ้นไปอีก

 

แต่การจะเพิ่มระดับของเจดดรัมไปสู่ระดับราชันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ด้วยพลังของหวงฟูจิ้ง เธอยังต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของเจดดรัม

 

“ทำไมเธอถึงไม่ขุดมันขึ้นมา?” หานเซิ่นถาม

 

“หินบริเวณนี้แข็งเกินไป ก่อนหน้านี้ฉันพยายามจะขุดมัน แต่มันก็ไม่คืบหน้าเลยสักนิด” หวงฟูจิ้งพูด

 

หานเซิ่นกดมือลงบนหินและพบว่ามันเป็นอะไรที่แข็งมากจริงๆ

 

หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ชักมีดเขี้ยวผีสิงออกมาและขุดเจดดรัมออกมาในเวลาไม่กี่นาที เขาลองตีกลองดูด้วยตัวเอง แต่มันไม่มีเสียงดังออกมา ดังนั้นเขาจึงส่งมันไปให้กับควีน

 

หานเซิ่นมีแผนจะไปจากดวงดาวนี้พร้อมกับควีน แต่จู่ๆความอยากรู้อยากเห็นก็เปล่งประกายในดวงตาของเป่าเอ๋อ เธอกระโดดออกจากไหล่ของหานเซิ่นและมุ่งหน้าไปที่ทิศทางหนึ่ง เธอตะโกนกลับมาหาหานเซิ่น

“พ่อ ไปทางนี้กันเถอะ!”

 

“เป่าเอ๋อ หนูพบอะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นตามเธอไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

หวงฟูจิ้งที่ถือเจดดรัมอยู่ก็ตามหลังหานเซิ่นไปเช่นกัน และในที่สุดเป่าเอ๋อก็มาหยุดอยู่ที่รอยแยกแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นเธอก็ปีนเข้าไปข้างใน

 

รอยแยกมีขนาดที่เล็กมาก แม้แต่เป่าเอ๋อก็ยังเข้าไปได้อย่างยากลำบาก หานเซิ่นและควีนจำเป็นต้องบีบอัดกระดูกของพวกเขาเพื่อลอดผ่านรอยแยกนั้นเข้าไป หลังจากนั้นไม่นานเป่าเอ๋อก็กระโดดไปที่ก้อนหินก้อนหนึ่ง

 

“พ่อ ขุดนี่!” เป่าเอ๋อชี้ไปที่กำแพงหิน

 

มันมีสตีลดรัมอยู่รอบๆเต็มไปหมด ดังนั้นมันดูเหมือนจะไม่มีของมีค่าอะไรอยู่ในบริเวณรอบๆนี้ แต่หานเซิ่นก็ยังคงเชื่อใจเป่าเอ๋อ ดังนั้นเขาหยิบมีดเขี้ยวผีสิงออกมาอีกครั้งและเริ่มแทงใส่กำแพงหินสีดำ

 

ภายใต้ความคมของมีดเขี้ยวผีสิง หินพวกนี้เป็นเหมือนกับเต้าหู้ ผิวของกำแพงเปิดออกอย่างรวดเร็ว แต่ไม่นานความคืนหน้าของเขาก็ช้าลงไป ยิ่งลึกเข้าไปเท่าไหร่ มันก็กลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้น ไม่นานจากหินที่มีสีเหมือนกับเหล็กก็เปลี่ยนไปเป็นสีของหยกต่างๆ ในที่สุดเขาก็ขุดไปถึงชั้นผิวที่เป็นคริสตัลสีดำ ซึ่งมันทำให้ขุดได้ยากขึ้นมาก เขาเริ่มจะเหงื่อตก

 

หลังจากที่ขุดไปได้ 7 เมตร หานเซิ่นก็ยังไม่พบอะไร แต่หลังจากนั้นจู่ๆมันก็มีดของเขาก็ไปถูกอะไรบางอย่างเข้า ทำให้ไม่สามารถขุดลึกไปมากกว่านั้นได้

 

หานเซิ่นตัดหินที่อยู่รอบๆทั้งหมดออกไป และไม่นานเขาก็พบกับเจดดรัมสีขาวที่อยู่ในกำแพง

 

“เจดดรัม!” หานเซิ่นปลาบปลื้ม เขาเริ่มกวัดแกว่งมีดเขี้ยวผีสิงอย่างรวดเร็ว

 

หลังจากที่หานเซิ่นขุดมันออกมา เขาก็หอมแก้มเป่าเอ๋อและพูด

“เป่าเอ๋อ หนูเป็นลูกสาวที่ดีที่สุด!”

 

ถ้าเขามีเจดดรัมอยู่ มันก็มีโอกาสที่หานเซิ่นจะต่อกรกับราชันได้ มันเหมือนกับว่าเขาพกนักสู้ระดับราชันติดตัวเขาเอาไว้ ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่สุดยอดอย่างแท้จริง

 

เป่าเอ๋อกระพริบตาและมองไปที่ผิวของภูเขา เธอชี้ไปที่มันและพูดอีกครั้ง “พ่อ ขุดต่อไป!”

 

“มันยังมีเจดดรัมอื่นอยู่อีกอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นประหลาดใจ เขาทำตามที่เป่าเอ๋อบอกและขุดต่อไป

 

โดยปกติแล้วในเหมืองๆหนึ่งไม่ควรมีเจดดรัมมากไปกว่าหนึ่งตัว มันเหมือนกับการที่ในบริเวณหนึ่งแทบจะไม่มีผู้ล่า 2 ตัว ถึงแม้เหมืองแห่งนี้จะมีขนาดใหญ่ แต่มันก็มีเจดดรัมอยู่ที่นี่ถึง 2 ตัวแล้ว ดังนั้นมันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะมีเจดดรัมตัวที่ 3 อยู่อีก

 

แต่เป่าเอ๋อต้องมีเหตุผลที่ให้เขาขุดต่อไป ดังนั้นหานเซิ่นจึงทำตามที่เธอบอก

 

ชั้นหินแข็งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ หานเซิ่นใช้พละกำลังทั้งหมดของเขา แต่เขาก็สามารถเฉือนชิ้นผิวของหินได้ทีละนิดทีละหน่อยเท่านั้น หลังจากผ่านไปครึ่งวัน หินสีดำก็เริ่มเรืองแสงสีแดงออกมา

 

หานเซิ่นดีใจยิ่งกว่าเดิม การขุดอย่างต่อเนื่องทำให้ตัวของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ขุดชั้นผิวคริสตัลสีดำออกมาได้มากพอที่ผิวของดรัมตัวหนึ่งจะเผยออกมาให้เห็น

 

มันเป็นเจดดรัมจริงๆ แต่มันดูแตกต่างไปจากเจดดรัมปกติ เจดดรัมนี้ดูเป็นหยกก็จริง แต่มันยังมีเครื่องหมายสีแดงอยู่บนผิวของมันด้วย การผสมผสานระหว่างสีขาวและสีแดงทำให้การดีไซน์ดูพิเศษ

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset