Super God Gene – ตอนที่ 2219

เมื่อก่อนเซเคร็ดเคยเป็นกลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุด และเซเคร็ดก็รักษาตำแหน่งที่สูงส่งได้เป็นเวลานานพอสมควร

 

ตอนนี้กลุ่มอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือเวรี่ไฮ แอนเชี่ยนท์ก็อตและเอ็กซ์ตรีมคิง แต่ก่อนนั้นเซเคร็ดมีกองกำลังมากพอที่จะปกครองทั้งจักรวาล

 

ผู้นำของเซเคร็ดเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งปวง และสิบขุนพลของเขาก็เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุด

 

โบราณสถานที่ทีมของไป๋เหวินเซวียนค้นพบมีข้อความที่เขียนว่า “เมืองโกสต์โบน” และมันก็มีรูปปั้นของหนึ่งในสิบขุนพลตั้งอยู่ด้วย พวกเขาจึงสันนิษฐานว่านั่นคือเมืองที่เคยเป็นของขุนพลโกสต์โบน

 

“ขุนพลโกสต์โบนทิ้งโบราณสถานนี้เอาไว้อย่างนั้นหรอ? แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มีเหตุผลที่อัศวินไอซ์บลูจะฆ่าเจ้านิ ใครกันที่เป็นคนนำทีมอัศวินไอซ์บลูนั่นมา?” หานเซิ่นถามขณะที่เป่าเอ๋อหยุดถ่ายภาพไป๋เหวินเซวียน

 

หลังจากเหตุการณ์ผีเสื้อเนตรม่วง หานเซิ่นใช้เวลาพอสมควรเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเซเคร็ด แต่เซเคร็ดนั้นล่มสลายไปเป็นเวลานานแล้ว และเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเขาก็หายสูญไปตามกาลเวลา ข้อมูลที่หานเซิ่นค้นพบจึงเป็นแค่ข้อมูลทั่วไปที่ไม่มีประโยชน์อะไรหรือไม่ก็เป็นตำนานที่ฟังดูไม่น่าเชื่อ

 

ขุนพลโกสต์โบนนั้นเป็นหนึ่งในสิบขุนพลของเซเคร็ด หานเซิ่นรู้ว่าเขาชื่นชอบการฆ่าฟัน เขาเป็นกัปตันของกองทัพเซเคร็ดบลัดของเซเคร็ด เขานำทัพเซเคร็ดบลัดเพื่อสังหารทุกสิ่งและทุกคน ซึ่งตลอดช่วงเวลาของเขา เขาได้ฆ่าชีวิตไปหลายพันล้านชีวิต ในสมัยก่อนเพียงแค่เอยชื่อของเขา มันก็มากพอที่จะทำให้ประชากรของจักรวาลจีโนหวาดกลัว

 

แต่ก็เช่นเดียวกับขุนพลคนอื่น ขุนพลโกสต์โบนหายสาบสูญไปหลังจากการล่มสลายของเซเคร็ด

 

แต่หานเซิ่นไม่เชื่อว่าอัศวินไอซ์บลูจะฆ่าอัศวินสำรอง เพียงเพราะพวกเขาไปเจอโบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับขุนพลโกสต์โบน

 

ถ้าพวกเขาเข้าไปสำรวจในโบราณสถานและพบอะไรบางอย่างเข้าแล้ว มันก็อาจจะสมเหตุสมผลอยู่บ้างที่จะฆ่าพวกเขา แต่พวกเขาเพิ่งจะไปถึงหน้าโบราณสถานที่ซับซ้อน และพวกเขาก็ยังไม่ได้เข้าไปสำรวจภายใน ดังนั้นการฆ่าพวกเขาดูเป็นอะไรที่ไม่สมเหตุสมผล

 

หานเซิ่นจึงคิดว่ามันมีความเป็นไปได้ 2 อย่างที่เป็นไปได้ ความเป็นไปได้อย่างแรกคือไป๋เหวินเซวียนพูดโกหก ส่วนอีกความเป็นไปได้คือทีมของพวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปสำรวจมากกว่านั้น เพราะพวกเขาได้พบอะไรบางอย่างที่ไม่ควรได้เห็นเรียบร้อยแล้ว

 

“ข้าเพิ่งได้เข้าร่วมกับหน่วยอัศวินไอซ์บลูได้ไม่นาน ข้าจึงรู้จักแค่ผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดเท่านั้น ข้าไม่รู้จักคนอื่น แต่ข้าคิดว่าพวกอัศวินที่มารับฟังคำสั่งจากเขา” ไป๋เหวินเซวียนพูด

 

หานเซิ่นขมวดคิ้ว ผู้ตรวจการคือคนที่คอยจับตาดูเหล่าอัศวิน พวกเขาไม่สามารถออกคำสั่งกับเหล่าอัศวินได้ แต่พวกเขาสามารถสังเกตเหล่าอัศวินและเขียนรายงานให้กับเอ็กซ์ตรีมคิงระดับสูง ผู้ตรวจการนั้นเป็นเหมือนกับตาของผู้นำเอ็กซ์ตรีมคิง

 

โดยปกติแล้วผู้ตรวจการไม่จำเป็นต้องต่อสู้ และถ้าพวกเขาเข้าร่วมภารกิจบางอย่าง พวกเขาจะไม่ถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้า พวกเขาไม่สามารถออกคำสั่งได้ พวกเขาทำได้แค่สังเกตและตรวจเช็คเท่านั้น พวกเขาไม่ได้มีอำนาจใดๆ

 

จากที่ไป๋เหวินเซวียนบอก ผู้ตรวจการคนนี้ปฏิบัติตัวไม่เหมือนกับที่ผู้ตรวจการคนหนึ่งควรจะทำ ถ้าสิ่งที่ไป๋เหวินเซวียนพูดไม่ใช่เรื่องโกหก มันก็ต้องมีเรื่องบางอย่างที่หานเซิ่นพลาดไป

 

“พาข้าไปที่โบราณสถานนั่น” หานเซิ่นพูดกับไป๋เหวินเซวียน

 

“แต่…” ไป๋เหวินเซวียนลังเล

 

“พิสูจน์ให้ข้าเห็นว่าที่เจ้าพูดมาเป็นเรื่องจริง พาพวกเราไปที่โบราณสถาน ไม่อย่างนั้นพวกเราจะพาเจ้าไปหาหน่วยอัศวินไอซ์บลู เจ้าเป็นคนเลือก” หานเซิ่นพูดอย่างสงบ

 

จากคำบอกเล่าการของไป๋เหวินเซวียน เมื่อทีมของเขาค้นพบโบราณสถาน ราชาอัศวินไอซ์บลูได้ออกไปข้างนอกระบบจักรวาลเคออส แบบนั้นถ้าสิ่งที่เขาพูดมาเป็นความจริงล่ะก็ บางทีผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดอาจจะต้องการได้อะไรบางอย่างจากภายในโบราณสถานไปเป็นของตัวเอง

 

หานเซิ่นอยากรู้ว่ามันมีอะไรอยู่ข้างในกันแน่ ถึงทำให้ผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดต้องฆ่าทุกคนเพื่อมัน และหานเซิ่นก็รู้สึกสนใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซเคร็ดเป็นอย่างมาก

 

ไป๋เหวินเซวียนเป็นแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง ถึงเขาจะเป็นคนของเอ็กซ์ตรีมคิง แต่เขาไม่ได้เหนือไปกว่าประชากรทั่วๆไป ถ้าเขาเป็นบุคคลพิเศษล่ะก็ เขาก็คงจะไม่ได้เป็นเพียงแค่อัศวินสำรอง

 

สำหรับมาร์ควิสคนหนึ่งของเผ่าพันธุ์ชั้นสูง พลังของเขาถือว่าค่อนข้างดี แต่เมื่อเทียบกับหานเซิ่น เขายังด้อยกว่ามาก

 

ดังนั้นหานเซิ่นจึงแสดงพลังของเขาให้อีกฝ่ายเห็น หลังจากนั้นไป๋เหวินเซวียนก็ยอมเชื่อฟัง เขาพากลุ่มของหานเซิ่นไปที่โบราณสถาน

 

แต่ไป๋เหวินเซวียนหลงทางขณะที่เขาพยายามหนีตายภายในเขาวงกตใต้ดินนี้ มันเต็มไปด้วยอุโมงค์ที่พันกันอีนุงตุงนัง ด้วยเหตุนั้นเขาจึงใช้เวลานานเพื่อค้นหาเส้นทางที่เขาหนีมา

 

หานเซิ่นไม่สามารถเดินทางบนพื้นปกติได้ เพราะทีมของเขาไม่ได้รับผิดชอบการเก็บกวาดบริเวณอื่นๆ ถ้าทางอัศวินไอซ์บลูพบว่าพวกเขาไปที่ทะเลทราย มันก็จะถือว่าพวกเขาขัดคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย และมันก็มีโอกาสที่อัศวินไอซ์บลูจะเชื่อว่าพวกเขาเป็นสายลับจากเผ่าพันธุ์อื่น

 

ถึงแม้พวกเขาจะต้องเดินวนไปมาอยู่บ้าง แต่เส้นทางที่พวกเขามุ่งหน้าไปก็ถูกต้อง และหลังจากเดินทางอยู่หนึ่งวัน หานเซิ่นและพวกพ้องก็มาถึงระบบน้ำใต้ดิน

 

ก่อนที่พวกเขาจะลงไปในแม่น้ำ น้ำก็กระเด็นขึ้นมาพร้อมกับงูขนาดยักษ์ที่ขนาดตัวหนาราวกับถัง มันพ่นควันสีเขียวเข้าใส่พวกเขา

 

“งูแม่น้ำหยินระดับดยุก!” ไป๋เหวินเซวียนตะโกน เขาหันกลับและเตรียมที่จะหนี

 

แต่หวงฟูจิ้งจับเสื้อของเขาเอาไว้และดึงเขากลับมา ขณะที่เธอทำอย่างนั้น หานเมิ่งเอ๋อก็ยิงธนูของเธอออกไป แสงสีดำพุ่งออกไปและฉีกผ่านควันสีเขียวเข้าไประเบิดหัวของมอนสเตอร์ตัวนั้น ร่างขนาดยักษ์ของงูแม่น้ำหยินล้มลงริมฝั่งแม่น้ำใต้ดิน

 

ไป๋เหวินเซวียนรู้สึกแปลกใจ เขาหันไปมองหานเมิ่งเอ๋อด้วยสับสน “พวก… พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?”

 

อัศวินสำรองระดับมาร์ควิสคนหนึ่งเพิ่งจะฆ่างูแม่น้ำหยินระดับดยุกในการโจมตีเพียงครั้งเดียว คนแบบนั้นควรจะเป็นสมาชิกของหน่วยอัศวินอย่างเต็มตัว แถมหานเซิ่นยังบอกอีกว่าเขาต้องการไปที่โบราณสถาน อย่างนั้นแล้วพวกเขาไม่มีทางเป็นแค่อัศวินสำรองไปได้

 

“เจ้ารู้จักมิสเตอร์ไวท์ไหม?” หานเซิ่นถามพร้อมกับหลี่ตาของเขา

 

“เจ้าหมายถึงกุนซือไวท์อย่างนั้นหรอ? นี่พวกเจ้าเป็นคนของกุนซือไวท์หรอเนี่ย?” ไป๋เหวินเซวียนดูดีใจจนน่าประหลาดใจ

 

“ฟังนะ เจ้าอาจจะมีโอกาสรอดชีวิตไปจากที่นี่ การพาเจ้ากลับไปที่เอ็กซ์ตรีมคิงนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไร”

หานเซิ่นแกล้งทำเป็นคนใหญ่คนโต เขาตบไหล่ของไป๋เหวินเซวียนและหันหน้ากลับไปมองที่แม่น้ำ

 

ตอนนี้เมื่อไป๋เหวินเซวียนรู้ว่าพวกหานเซิ่นรับคำสั่งจากมิสเตอร์ไวท์ นั่นก็ช่วยเสริมความมั่นใจให้กับเขา

 

พวกเขาได้เจอกับซีโน่เจเนอิคใต้น้ำมากมาย แต่มันไม่มีตัวไหนที่เป็นระดับราชัน พวกมันส่วนใหญ่เป็นระดับมาร์ควิสไม่ก็ดยุก ซึ่งหานเมิ่งเอ๋อสามารถฆ่าพวกมันทุกตัวได้ก่อนที่พวกมันจะมีโอกาสได้ทำอะไร

 

“ข้าจำที่นี่ได้… ไปที่หินก้อนนั้นและพวกเราจะได้เห็นสระๆหนึ่ง ว่ายลงไปในสระนั้นและมันจะมีทางไปที่บ่อน้ำ” ไป๋เหวินเซวียนชี้ไปที่ก้อนหินประหลาดก้อนหนึ่งขณะที่พูดออกมา

 

ไม่นานหลังจากนั้นหานเซิ่นก็พบกับสระน้ำตามที่เขาบอก ทุกคนดำลงไปตามเส้นทางใต้น้ำ หลังจากนั้นหานเซิ่นก็คอยโผล่หัวขึ้นจากผิวน้ำและมองรอบอย่างลับๆล่อๆ ซึ่งสิ่งที่ได้เห็นก็ทำให้เขาต้องประหลาดใจ

 

“แมวเก้าชีวิต?” หานเซิ่นประหลาดใจอย่างมาก เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอกับรูปปั้นของแมวเก้าชีวิตที่นี่

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset