Super God Gene – ตอนที่ 2221

แผ่นหินกองอยู่ท่ามกลางเศษหิน และถ้าหานเซิ่นอยากจะดึงมันออกมา เขาก็ต้องยกกองก้อนหินที่ทับถมมันอยู่ออกไปซะก่อน แต่โชคร้ายที่ดยุก 2 คนยังคงเฝ้าที่นั่นอยู่ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาแผ่นหินมาโดยที่ไม่ทำให้พวกเขารู้สึกตัว

 

หานเซิ่นพยายามคิดหาหนทางที่จะคว้าแผ่นหินมาโดยที่ไม่ดึงความสนใจของพวกเขา

 

การฆ่าดยุกทั้ง 2 คนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหานเซิ่น แต่ถ้าดยุกทั้ง 2 คนตายไป มันก็จะทำให้ผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดรับรู้ว่ามีใครบางคนพบโบราณสถานนี้เข้า และผู้ตรวจการก็คงจะตรวจสอบขึ้นมา

 

เพราะยังไงซะสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่ซีโน่เจเนอิคท้องถิ่นบนดาวดวงนี้ก็มีแค่หน่วยอัศวินไอซ์บลูเท่านั้น เป้าหมายของผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดจึงจำกัดอยู่แค่ใครบางคนในฐานทัพ

 

ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดของหานเซิ่นก็คือการขโมยแผ่นหินไปโดยไม่ดึงความสนใจของดยุกทั้ง 2 นั่นจะช่วยทำให้เขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่อาจจะตามมาในภายหลัง

 

แต่ดยุกไฟร์แบร์และดยุดดราก้อนเลือดผสมยังคงรักษาตำแหน่งบนรูปปั้น และพวกเขาก็หันหน้าไปในทิศทางของแผ่นหินเช่นกัน ดังนั้นการจะเอามันไปในตอนนี้จึงเป็นไปไม่ได้

 

หลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ หานเซิ่นก็เดินกลับออกมาจากห้องโถง เขามองไปรอบๆเมืองและรู้สึกตัวว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในทะเลทรายที่ไร้สิ่งมีชีวิตอื่นๆ มันไม่มีซีโน่เจเนอิคที่หานเซิ่นจะใช้ล่อพวกเขาออกไปได้

 

หลังจากนั้นหานเซิ่นก็กลับลงไปในบ่อน้ำและเรียกอสูรกาแลกซี่ออกมา เขาวางล่องหนน้อยลงบนหลังของอสูรกาแลกซี่ หลังจากนั้นก็สั่งให้มันไปขโมยแผ่นหินนั้นออกมา

 

อสูรกาแลกซี่สามารถเคลื่อนที่ผ่านของแข็งได้ ดังนั้นมันจึงสามารถคว้าแผ่นหินภายใต้เศษหินที่กองอยู่ได้โดยไม่ดึงดูดความสนใจใคร

 

หานเซิ่นเพียงแค่ต้องดึงความสนใจของดยุกทั้ง 2 ให้นานพอที่อสูรกาแลกซี่จะทำให้แผ่นหินหายไป แบบนั้นมันจะไม่มีร่องรอยอะไรหลงเหลืออยู่ และก้อนหินที่เหลือก็จะไม่ถูกเคลื่อนย้าย

 

หลังจากที่อสูรกาแลกซี่เข้าไป มันทะลุเข้าไปในกองของเศษหิน และในขณะที่ดยุกทั้ง 2 หันหน้าไปมองทางอื่น มันก็กลืนแผ่นหินเข้าไปและกลับออกมา

 

“ทำได้ดีมาก!” อสูรกาแลกซี่และล่องหนน้อยนำแผ่นหินกลับมาให้เขา ความสำเร็จของพวกมันทำให้หานเซิ่นดีใจอย่างมาก เขาเก็บแผ่นหินเข้ากระเป๋าและพาพวกพ้องของเขาออกไปจากเมืองโดยใช้ระบบน้ำใต้ดิน

 

หานเซิ่นกลับไปยังบริเวณที่เขาถูกมอบหมายให้เก็บกวาดและจับไป๋เหวินเซวียนเข้าไปขังเอาไว้ภายในหอคอยแห่งโชคชะตา เขาพาจีชิงไปสังหารซีโน่เจเนอิคเพิ่มอีก แต่ในขณะที่พวกเขาต่อสู้ เครื่องบันทึกของพวกเขาก็พัง

 

วิดีโอที่ถูกบันทึกเอาไว้ไม่สามารถลบได้ และพวกเขาก็ได้ถ่ายภาพของไป๋เหวินเซวียนไปแล้ว ดังนั้นหานเซิ่นจึงจำเป็นต้องแกล้งทำให้เครื่องบันทึกถูกทำลายโดยซีโน่เจเนอิค

 

หานเซิ่นกลับไปที่ฐานทัพเพื่อขอเครื่องบันทึกเครื่องใหม่และทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี ไม่มีใครสงสัยอะไร เพราะดูเหมือนพวกซีโน่เจเนอิคจะมีนิสัยชอบทำลายเครื่องบันทึกของทีมสำรวจอยู่แล้ว

 

เมื่อทุกอย่างลงตัวแล้ว หานเซิ่นก็กลับไปที่ห้องของเขาภายในฐานทัพเพื่อพักผ่อน เขายังคงใช้เวลาเพื่อตรวจสอบแผ่นหินที่ได้รับกลับมา

 

แผ่นหินนั้นดูธรรมดาอย่างมาก และมันก็มีขนาดพอๆกับมือของคนเท่านั้น มันไม่ได้มีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์อะไรอยู่บนผิวของมัน แต่มันก็โค้งเว้าเล็กน้อยเหมือนกับจานหิน

 

หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อตรวจสอบมัน แต่เขาก็ไม่สามารถวิเคราะห์ถึงโครงสร้างของมันได้ เขาไม่สามารถหาได้ว่ามันถูกสร้างขึ้นมายังไง

 

เนื่องจากเขาไม่สามารถหาข้อมูลอะไรเกี่ยวกับมันได้ เขาจึงเอามันไปเก็บ

 

หานเซิ่นรวบรวมทีมของเขาและเตรียมจะออกไปเพื่อล่าซีโน่เจเนอิคอีกครั้ง และมันเป็นโชคดีของหานเซิ่น เพราะหน่วยอัศวินไอซ์บลูสั่งให้พวกเขาไปเก็บกวาดหุบเขาลาวา

 

ทีมที่รับผิดชอบการเก็บกวาดหุบเขาลาวาก่อนหน้านี้โชคร้ายไปเจอกับมอนสเตอร์ระดับดยุกตัวหนึ่งเข้า เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่พวกเขาได้รับ ทำให้พวกเขาไม่สามารถทำงานในบริเวณนั้นได้อีกต่อไป ด้วยเหตุนั้นหน้าที่ในการเก็บกวาดหุบเขาลาวาจึงตกมาที่พวกหานเซิ่น

 

เนื่องจากมันเป็นสถานที่ที่อันตราย ทำให้มีน้อยทีมที่อยากไปที่นั่น ด้วยเหตุนั้นทีมอื่นจึงเสนอชื่อหานเซิ่นและทีมของเขา

 

หานเซิ่นยินดีจะรับหน้าที่นี้ เพราะเขาอยากจะไปที่นั่นอยู่แล้ว แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีแบบนี้ เขาไม่แม้แต่จะต้องหาข้ออ้างไปที่นั่น โดยไม่รอช้า หานเซิ่นรวบรวมพวกพ้องและออกเดินทางไปยังหุบเขาลาวา ความกระตือรือร้นของหานเซิ่นทำให้หน่วยอัศวินไอซ์บลูที่มอบหมายหน้าที่ให้กับเขารู้สึกสับสน

 

หุบเขาลาวานั้นยาวและคดเคี้ยวราวกับมังกร มันทอดยาวออกไปในระยะไกลสุดลูกหูลูกตา ซีโน่เจเนอิคธาตุไฟสามารถเจอได้ทุกหนทุกแห่ง นกซีโน่เจเนอิคมากมายบินวนไปมาใกล้ๆกับหุบเขาเพื่อจับซีโน่เจเนอิคธาตุไฟอย่างแมลงกินเป็นอาหาร

 

หานเซิ่นมองเห็นอีกกาอัคคี พวกมันมีความยาวแค่ไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น แต่ร่างกายสีแดงของพวกมันบินเร็วมากจนยากที่จะเห็นได้ว่าพวกมันมีปีกจริงๆหรือเปล่า พวกมันบินกันเป็นฝูงใหญ่ราวกับก้อนเมฆสีแดงที่ก่อตัวเหนือหุบเขา

 

ฝูงของอีกาอัคคีโบยบินเหนือแม่น้ำลาวา และพวกมันจะโฉบลงไปที่ผิวของแม่น้ำลาวาเป็นระยะๆเพื่อกินแมลงธาตุไฟ

 

หลังจากที่อีกาอัคคีจับแมลงไฟได้ พวกมันจะกลับไปที่รังของพวกมันที่อยู่ในหุบเขา ที่นั่นมันจะป้อนแมลงที่จับมาได้ให้กับอีกาอัคคีทารกของพวกมัน

 

อีกาอัคคีมีความสามารถในการให้กำเนิดที่สุดยอด พวกมันสามารถให้กำเนิดลูกออกมาเป็นจำนวนมากในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ถ้าพวกมันไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมเฉพาะล่ะก็ จำนวนของพวกมันก็คงจะล้นดาวดวงนี้ไปแล้ว

 

จีชิงอยากจะแสดงฝีมือ ทันทีที่ได้เห็นฝูงของอีกาอัคคี เธอก็หยิบอาวุธออกมาและพุ่งเข้าไปหาพวกมัน

 

หานเซิ่นก็ไม่ได้ออมมือเช่นเดียวกัน ขณะที่เขายิงจรวดออกไปใส่เหล่าอีกาอัคคี

 

“ซีโน่เจเนอิคอีกาอัคคีระดับไวเคานต์ถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ คุณได้รับวิญญาณอสูรอีกาอัคคี”

 

หานเซิ่นไม่เคยรู้สึกเบื่อกับการได้ยินเสียงประกอบ เขารีบตรวจเช็ดว่าได้รับวิญญาณอสูรแบบไหนมากันแน่

 

“วิญญาณอสูรอีกาอัคคีไวเคานต์ : วงแหวน”

 

หานเซิ่นอึ้งไป วิญญาณอสูรประเภทวงแหวนนั้นหายาก แต่ที่เขาต้องการจริงๆก็คืออาวุธ

 

หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรอีกาอัคคีออกมา และวงแหวนไฟก็ปรากฏขึ้นรอบเท้าของเขา มันเหมือนกับว่ากำลังมีนกไฟบินวนรอบๆขาของเขา

 

เมื่อหานเซิ่นโจมตี การโจมตีของเขาก็จะสร้างความเสียหายธาตุไฟ

 

“วงแหวนที่สร้างความเสียหายธาตุไฟอย่างนั้นหรอ น่าเสียดายที่มันเป็นแค่วงแหวนวงเดียว” หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ การรวมวิญญาณอสูรเรเวนอาทิตย์เข้ากับมันเป็นอะไรที่เสียของ

 

โชคดีที่มันยังมีนกซีโน่เจเนอิคธาตุไฟอีกหลายชนิดที่อาศัยอยู่ในหุบเขาลาวา หานเซิ่นจึงอยากจะหาวิญญาณอสูรที่เหมาะสมมากกว่า ถ้าเกิดเขาไม่สามารถหาวิญญาณอสูรที่เหมาะสมได้จริงๆ เขาก็ต้องคิดเกี่ยวกับการจะรวมมันเข้ากับวิญญาณอสูรของอีกาอัคคี

 

ขณะที่หานเซิ่นเริ่มการเก็บกวาดซีโน่เจเนอิคบนหุบเขาลาวา ชายผมสีทองที่เปลือยเปล่ากำลังตรงไปที่เมืองโกสต์โบน เขายิ้มแย้มและร่างกายของเขาก็ดูเหมือนกับอะพอลโล เขาเป็นหนึ่งในเอ็กซ์ตรีมคิง

 

“มิสเตอร์เอ็ดเวิร์ด” เมื่อดยุกไฟร์แบร์และดยุกมังกรเลือดผสมเห็นเอ็กซ์ตรีมชายคนนั้นตรงเข้ามา พวกเขาก็รีบโค้งคำนับด้วยความเคารพ

 

เอ็ดเวิร์ดพยักหน้า เขามองไปรอบๆห้องโถงและไปหยุดอยู่ที่กองหินใกล้กับรูปปั้น เขาขมวดคิ้วและพูด “พวกเจ้าได้เคลื่อนย้ายอะไรในห้องโถงหรือเปล่า?”

 

ทั้ง 2 คนดูหวาดกลัวอย่างมาก พวกเขารีบพูดขึ้นมา

“พวกเราทำตามคำสั่งของท่านทุกอย่าง พวกเราไม่ได้ขยับไปจากรูปปั้นตั้งแต่ที่ท่านสั่ง และพวกเราก็ไม่ได้เคลื่อนย้ายอะไรในห้องโถงเลยแม้แต่น้อย”

 

เอ็ดเวิร์ดพยักหน้าและถาม “เจ้าเห็นอะไรแปลกประหลาดรอบๆหรือเปล่า?”

 

“มันไม่มีอะไรแปลกประหลาด” ทั้ง 2 คนพูดหลังจากคิดอยู่ชั่วขณะ

 

เอ็ดเวิร์ดมองไปที่ก้อนหิน เขาคิดอยู่สักพัก หลังจากนั้นก็บอกให้ดยุกทั้ง 2 อยู่ประจำบนรูปปั้นต่อไป ขณะที่เขาหันกลับและเดินทางอออกจากเมืองโกสต์โบนไป

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset