Super God Gene – ตอนที่ 2244

หานเซิ่นมองไปรอบๆถ้ำ แต่เขาหาทางออกทางอื่นไม่เจอ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงปล่อยอสูรกาแล็กซี่ออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตา

 

“อสูรกาแล็กซี่ มาดูสิว่านายจะทำได้ดีแค่ไหน” หานเซิ่นกระโดดขึ้นบนหลังของอสูรกาแล็กซี่

 

อสูรกาแล็กซี่ร้องตอบ แสงของดวงดาวเริ่มเรืองแสงออกมาจากร่างกายของมัน ขณะที่มันและหานเซิ่นเริ่มโปร่งใส หลังจากนั้นมันก็วิ่งเข้าไปในกำแพงหินข้างหน้า

 

สิบนาทีหลังจากที่หานเซิ่นและอสูรกาแล็กซี่จากไป เอ็ดเวิร์ดก็มาปรากฏตัวที่ปากถ้ำ หลังจากที่เขาก็เข้ามาข้างใน เขามองไปรอบๆ

 

“ไม่อยู่ที่นี่?” เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้ว เขามั่นใจในตรรกะของตัวเอง ด้วยเหตุนั้นเขาจึงรู้สึกประหลาดใจเมื่อหาหานเซิ่นไม่พบ

 

“ดูเหมือนเจ้านี่จะเป็นปัญหามากกว่าที่คิดเอาไว้ ทุกสิ่งมีชีวิตจะทิ้งร่องรอยของตัวเองเอาไว้ แม้มันอาจจะเล็กเพียงแค่ไม่กี่โมเลกุลก็ตาม แต่ทว่าเขากลับไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้เลย เขาทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?” เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้วขณะที่สำรวจรอบๆ

 

ถึงแม้จะไม่พบหานเซิ่น แต่เอ็ดเวิร์ดก็มั่นใจว่าหานเซิ่นเข้ามาในถ้ำนี้จริงๆ

 

‘ตรรกะของเรานำมาสู่ทางตันหรอเนี่ย ดูเหมือนว่าเราจะต้องหาตัวเขาด้วยวิธีอื่น’

เอ็ดเวิร์ดครุ่นคิดขณะที่มองไปรอบๆรัง สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่หนึ่งในกำแพงของถ้ำ หลังจากนั้นเขาก็กลับออกไป

 

ด้วยความช่วยเหลือจากอสูรกาแล็กซี่ ทำให้หานเซิ่นสามารถเดินทางผ่านหินได้โดยตรง พวกเขาทั่งคู่ต้องเดินทางไปหลายร้อยไมล์ก่อนที่จะมาถึงถ้ำใต้ดินอีกแห่งหนึ่ง

 

หานเซิ่นปล่อยให้อสูรกาแล็กซี่หยุดพัก ขณะที่เขาสำรวจภายในถ้ำแห่งนั้น

 

‘เอ็ดเวิร์ดคงจะหาเราไม่เจอในเร็วๆนี้ แต่ยังไงก็ตามเรายังออกไปสู่พื้นผิวไม่ได้ เราจำเป็นต้องหาให้ได้ว่าแผ่นหินนี่มีความพิเศษยังไง’

หานเซิ่นมองไปรอบๆ ถ้ำที่พวกเขามาถึงนั้นเป็นส่วนหนึ่งของระบบถ้ำใต้ดินที่ดูซับซ้อน

 

ในบริเวณที่พวกเขาอยู่นั้นปราศจากซีโน่เจเนอิค ดังนั้นหานเซิ่นจึงตัดสินใจพักก่อน ขณะที่เขาพิงหลังกับก้อนหินอย่างผ่อนคลาย เขาก็คิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมด

 

‘แผ่นหินนี่ดูเหมือนจะเป็นบางสิ่งที่มีค่ามหาศาล และน้อยคนนักที่จะรู้เกี่ยวกับมัน คนระดับสูงของเอ็กซ์ตรีมคิงบางคนอาจจะรู้ แต่อย่างน้อยๆราชาไป๋ก็ดูเหมือนจะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของมัน ถ้าเขารู้ล่ะก็ ราชาอัศวินไอซ์บลูก็ไม่มีทางขัดคำสั่งของเขาแบบนี้’ ขณะที่หานเซิ่นครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากภายในถ้ำหิน มันฟังดูเหมือนกับว่าบางสิ่งกำลังคืบคลานเข้ามา

 

หานเซิ่นเปิดใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียน และเขาก็สัมผัสได้ว่าพลังชีวิตของตัวอะไรบางอย่างกำลังเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ

 

แต่พลังชีวิตนั้นดูจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไร นั่นช่วยทำให้หานเซิ่นคลายความกังวลลง

 

เสียงนั่นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ และไม่กี่นาทีหลังจากนั้น หานเซิ่นก็เห็นซีโน่เจเนอิคประหลาดตัวหนึ่งปรากฏตัวออกมา

 

ร่างกายของมันปกคลุมด้วยขนที่มันเงาสีดำ ขนของมันดูแวววาวและเรียบเนียนอย่างน่าตกใจ มันมีขนาดพอๆกับแมวและดวงตาของมันก็โตราวกับชิ้นอัญมณีสีดำที่เปล่งประกาย

 

หานเซิ่นมองไปที่ซีโน่เจเนอิคตัวนั้น และเจ้าซีโน่เจเนอิคก็มองกลับมาที่เขา พวกเขาจ้องกันและกันอยู่สักพัก

 

แต่หลังจากนั้นเจ้าซีโน่เจเนอิคตัวนั้นก็เมินเฉยต่อเขา มันหันกลับและเดินไปในอุโมงค์หินอีกทาง มันส่ายก้นขณะที่เดินไปและหางของมันก็โบกสะบัดอย่างช้าๆ

 

หานเซิ่นหลี่ตาของเขาและสังเกตเห็นว่าที่หางของซีโน่เจเนอิคตัวนั้นดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่ดูเหมือนกับกำไลข้อมืออยู่

 

หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อตรวจสอบมัน และเขาก็สังเกตเห็นตัวอักษรที่สลักอยู่บนของสิ่งนั้น

 

“ขุนพลเซเคร็ดโกสต์โบน” ดวงตาของหานเซิ่นเบิกกว้าง และเขาก็ตัดสินใจตามหลังเจ้าตัวน้อยไป

 

“เจ้าตัวนั้นมีความเกี่ยวข้องขุนพลโกสต์โบนอย่างนั้นหรอ? แต่มันดูไม่แข็งแกร่งเลยสักนิด อย่างมากมันก็ไม่ได้เหนือไปกว่าระดับไวเคานต์ ถ้าขุนพลโกสต์โบนต้องการสัตว์เลี้ยงจริงๆ เขาก็คงจะไม่เลือกบางสิ่งที่อ่อนแอแบบนั้น” หานเซิ่นไม่รีบร้อนที่จะจัดการกับอสูรน้อยตัวนั้น เขาแค่ตามหลังมันไป

 

อสูรตัวน้อยไม่ได้แสดงท่าทีว่ามันหวาดกลัวต่อเขา มันไม่ได้หันกลับมามอง มันเดินคดเคี้ยวไปภายในระบบถ้ำใต้ดินที่ซับซ้อน มันดูไม่ได้รีบร้อนอะไร และมันก็เดินไปอย่างขาดความกระตือรือร้น

 

หานเซิ่นติดตามมันไปตามอุโมงค์อย่างอดทน และตลอดช่วงเวลานั้น เขาก็มีความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัว

‘เมืองโบราณนั้นมีชื่อว่าเมืองโกสต์โบน แต่รูปปั้นของโกสต์โบนกลับเป็นเพียงแค่ยามเฝ้าประตู ภายในห้องโถงของปราสาทมีรูปปั้นของจักรพรรดิมนุษย์อยู่ และเหนือรูปปั้นของจักรพรรดิมนุษย์นั้นมีแผ่นหินนี่อยู่ นั่นหมายถึงอะไรกันแน่?’

 

หลังจากที่อสูรตัวน้อยเดินทางกว่าหนึ่งชั่วโมง มันก็มาถึงแม่น้ำแห่งหนึ่ง มันหมอบลงกับพื้นเพื่อดื่มน้ำจากแม่น้ำ

 

‘เจ้าตัวนี้เดินมาตั้งไกล มันคงจะไม่ได้มาถึงที่นี่เพียงแค่จะดื่มน้ำหรอกใช่ไหม?’ หานเซิ่นคิด

 

ในที่สุดเจ้าอสูรตัวน้อยก็ดูเหมือนจะดื่มน้ำจนอิ่ม และโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง มันกระโดดลงไปในแม่น้ำที่มืดมิด มันนอนหงายกับผิวน้ำราวกับนากและลอยตัวไปตามกระแสน้ำ

 

หานเซิ่นเก็บอสูรกาแล็กซี่เข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตา หลังจากนั้นเขาก็ติดตามเจ้าอสูรตัวน้อยไป

 

แต่ไม่นานแม่น้ำก็ไหลลงไปในพื้นดิน เจ้าอสูรตัวน้อยดำลงไปเช่นเดียวกัน หานเซิ่นกัดฟันและกระโดดลงไปในน้ำ เขาใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงขณะที่ตามหลังของอสูรตัวน้อยไป

 

น้ำใต้ดินนั้นไหลอย่างรวดเร็ว แต่โชคดีที่หานเซิ่นไม่ได้เจอกับซีโน่เจเนอิคธาตุน้ำตัวไหน หานเซิ่นติดตามมันไปเป็นระยะทางหลายร้อยไมล์ แต่มันก็ยังไม่มีปลายทางให้เห็น

 

หลังจากที่ใช้เวลาอยู่ในน้ำอย่างยาวนาน จู่ๆอสูรตัวน้อยก็ว่ายเข้าไปหากำแพงด้านหนึ่ง

 

หานเซิ่นมองตามมันไป และที่นั่นเขาก็เห็นอุโมงค์ขนาดเล็กที่ทะลุผ่านกำแพงหินไป รูนั้นมีขนาดพอๆกับลูกแตงโม ซึ่งเจ้าอสูรตัวนั้นสามารถรอดผ่านเข้าไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร

 

แต่หานเซิ่นตัวใหญ่เกินไป ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเรียกอสูรกาแล็กซี่ออกมาและให้มันพาเขาเข้าไปข้างใน

 

ไม่นานหานเซิ่นก็ค้นพบว่ารูนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จริงๆแล้วมันเป็นท่อโลหะ

 

“ทำไมท่อโลหะที่ดูเหมือนจะถูกสร้างด้วยมือคนถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” หานเซิ่นประหลาดใจ

 

อสูรตัวน้อยว่ายไปตามท่อโลหะ ขณะที่หานเซิ่นติดตามมันไปบนหลังของอสูรกาแล็กซี่ พวกเขาเดินทางอีกหลายไมล์ก่อนที่อสูรกาแล็กซี่จะไปโผล่อีกด้านหนึ่งของกำแพง

 

ขณะที่มองไปรอบๆ หานเซิ่นก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ สถานที่ที่เขามาถึงคือปราสาทใต้ดิน และท่อโลหะที่เขาเข้ามานั้นพาเขาออกมาจากปากของรูปปั้นปลาขนาดใหญ่ น้ำไหลออกมาจากท่ออย่างต่อเนื่องและเกิดเป็นน้ำตกน้อยๆที่ไหลลงสู่สระ

 

สระน้ำนั้นดูเหมือนจะทำมาจากหินที่เหมือนกับหยก น้ำในสระใสอย่างมากจนหานเซิ่นมองเห็นก้นของสระได้

 

แต่เมื่อหานเซิ่นมองลงไปข้างล่าง เขาก็อึ้งไป ภายในสระมีดวงตาสีดำและขาวกำลังจ้องกลับมาที่เขา

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset