Super God Gene – ตอนที่ 2249

หานเซิ่นมองดูกิเลนโลหิต และดวงตาของเขาก็เปล่งประกายราวกับว่าเขากำลังมองดูชิ้นเค้กที่น่าเอร็ดอร่อย

 

ในที่สุดหานเซิ่นก็เข้าใจว่าทำไมลูกของไวคานต์ตัวหนึ่งถึงสามารถพัฒนามาถึงระดับราชันได้

 

เจ้ามอนสเตอร์นั้นเรียนรู้วิธีที่จะดูดซับพลังที่อยู่ภายในเลือดและกระดูก ใครจะรู้ว่าร่างของสิ่งมีชีวิตมากมายเท่าไหร่ที่ถูกทิ้งเอาไว้ในสถานที่แห่งนี้ เจ้ามอนสเตอร์นั้นถูกล้อมไปด้วยอาหารเป็นภูเขา เหล่ากระดูกสามารถเป็นเชื้อเพลิงที่เร่งการเจริญเติบโตของมอนสเตอร์ได้ ในสภาพแวดล้อมเฉพาะแบบนี้เจ้ามอนสเตอร์ตัวนั้นมีศักยภาพมากยิ่งกว่าทารกเกิดใหม่ของยอดฝีมือที่เก่งกายจากเผ่าพันธุ์ชั้นสูงซะอีก

 

มันมีทรัพยากรมากมายอยู่ที่นี่ และเจ้ามอนสเตอร์นั้นก็ไม่จำเป็นต้องแก่งแย่งกับใคร การกลายเป็นระดับเทพเจ้าจึงขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

 

แต่หานเซิ่นไม่ได้โฟกัสไปที่ร่างกายของเจ้ามอนสเตอร์ กิเลนโลหิตนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตหายากที่แก่นแท้ของมันถูกกำหนดด้วยเลือด มันมีพลังแบบเดียวกันกับวิชาชีพจรโลหิตของหานเซิ่น

 

ถ้าเขาดูดซับยีนซีโน่เจเนอิคของกิเลนโลหิตหรือกินเนื้อของมันเข้าไป วิชาโลหิตชีพจรของเขาก็จะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

หานเซิ่นรู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่าในภาพรวมแล้วการกลืนกินกิเลนนั่นจะเป็นประโยชน์ต่อเขาเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น แต่ทว่าถ้าเขาสามารถทำให้เจ้ากิเลนโลหิตยอมเชื่อฟังได้ เขาก็จะสามารถศึกษาพลังของมันและฝึกวิชาโลหิตชีพจรในรูปแบบเดียวกัน การที่ดูดซับพลังกระดูกภายในไวท์โบนเฮลล์ด้วยตัวเองนั้นเป็นอะไรที่มีประโยชน์ยิ่งกว่าการแค่กลืนกินซีโน่เจเนอิคระดับราชันเข้าไป

 

แต่ซีโน่เจเนอิคระดับราชันเป็นอะไรที่ยากจะทำให้เชื่องได้ และเห็นได้ชัดกิเลนโลหิตถือเป็นกรณีพิเศษ การเติบโตภายในไวท์โบนเฮลล์ทำให้มันโหดร้ายและป่าเถื่อน มันแข็งแกร่งกว่ายอดฝีมือระดับราชันทั่วๆไปมาก หานเซิ่นอาจจะไม่มีความสามารถพอที่จะเอาชนะมันได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นการจะทำให้มันเชื่องจึงไม่ต้องพูดถึงเลย

 

แถมมันก็ดูเป็นมอนสเตอร์ที่กระหายเลือด ดวงตาของดูโหดเหี้ยมอำมหิตจนหานเซิ่นไม่คิดว่าจะมีพลังไหนๆที่สามารถทำให้มันเชื่อฟังได้ ถึงแม้มันจะรู้ว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ มันก็คงจะเลือกยอมตายดีกว่าที่จะยอมตกอยู่ใต้การปกครองของผู้อื่น

 

หานเซิ่นมองดูเจ้ากิเลนโลหิตอย่างเงียบๆขณะที่ขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด เขารอคอยจนกระทั่งมันดูดซับพลังของกระดูกจนเสร็จ ซึ่งหลังจากนั้นมันก็กลับไปยังภูเขาดอกบัวที่แม่น้ำเลือดไหลออกมาในตอนแรก

 

“ตอนนี้เจ้ารู้แล้วสินะว่าข้าไม่ได้โกหก ความโหดร้ายและป่าเถื่อนโดยธรรมชาติของมอนสเตอร์ตัวนั้นทำให้ข้ากลัว ถึงแม้มันจะยังไม่แข็งแกร่งเท่าข้าก็ตาม แต่ถ้ามันกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้เมื่อไหร่ มันจะออกไปจากไวท์โบนเฮลล์และสังหารทุกคนที่พบเจอ นั่นรวมถึงเจ้าและข้าด้วย” ราชินีจิ้งจอกพูด

 

หานเซิ่นไม่สงสัยในคำกล่าวอ้างของราชินีจิ้งจอกอีกต่อไป กิเลนโลหิตนั้นดูโหดร้ายกว่าซีโน่เจเนอิคธรรมดามาก ถึงแม้มันจะมีสติปัญญา แต่มันก็ยังอยากจะฆ่าฟันอยู่ดี เพราะนั่นคือธรรมชาติของมัน

 

“ข้าเป็นแค่ดยุกคนหนึ่ง ข้าจะเอาชนะอะไรแบบนั้นได้ยังไง? ท่านคิดจะช่วยข้าด้วยวิธีการแบบไหนกัน?” หานเซิ่นถามขณะที่หันกลับมาที่ราชินีจิ้งจอก

 

ถึงแม้หานเซิ่นพอมีไอเดียที่อาจจะเอาชนะมอนสเตอร์ตัวนั้นได้ แต่เขาก็ยังหวังที่จะได้รับบางสิ่งจากราชินีจิ้งจอก

 

ถ้าราชินีจิ้งจอกคิดที่ขอให้หานเซิ่นไปฆ่ากิเลนโลหิตให้กับเธอ เธอก็ต้องเตรียมของรางวัลที่น่าประทับใจบางอย่างเอาไว้แล้ว ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่มีทางที่ดยุกคนไหนจะยอมไปต่อสู้กับซีโน่เจเนอิคระดับราชันตัวหนึ่ง

 

หานเซิ่นไม่คิดจะปล่อยให้โอกาสดีๆหลุดมือไป

 

แทนที่จะตอบคำถาม ราชินีจิ้งจอกเดินกลับเข้าไปที่ประตูโครงกระดูกนรก

“ตอนนี้พวกเรากลับไปที่ถ้ำกันก่อน เจ้าเป็นแค่ดยุกคนหนึ่ง ดังนั้นเจ้ายังไม่พร้อมที่จะฆ่ามัน ข้ารอคอยมานานหลายปีกว่าที่โอกาสนี้จะมาถึง ข้าไม่รู้ว่าจะมีคนอย่างเจ้าผ่านมาอีกครั้งหรือไม่ ดังนั้นอย่าได้กังวล ข้าไม่คิดจะปล่อยให้เจ้าตาย เพราะยังไงซะเจ้าก็อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของข้า”

 

หานเซิ่นตามราชินีจิ้งจอกกลับไปที่ปราสาท เธอเดินไปที่กองสมบัติและหยิบสิ่งของบางอย่างขึ้นมา หลังจากนั้นเธอก็โยนพวกมันให้กับหานเซิ่น

 

หานเซิ่นรับชิ้นเสื้อผ้ามาและตรวจดูมัน เธอโยนเสื้อคลุมผ้าไหมสีขาว รองเท้าหนังสีดำและถึงมือโปร่งใสให้กับเขา

 

“สวมของพวกนี้ พวกมันเป็นสิ่งของระดับราชัน ถึงแม้เจ้าจะใช้พลังเต็มที่ของพวกมันไม่ได้ แต่พวกมันก็ต้องพอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง” ราชินีจิ้งจอกพูดอย่างขาดความกระตือรือร้น

 

หานเซิ่นจึงไม่เกรงใจและสวมใส่พวกมันอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาใส่เสื้อคลุม เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังที่กำลังสนับสนุนทั้งร่างกายของเขา เขาไม่ต้องปลดปล่อยพลังอะไรออกมา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกราวกับว่าสามารถทยานออกไปบนท้องฟ้าได้

 

ส่วนรองเท้าหนังนั้นทำให้เขารู้สึกเบาราวกับขนนก สายลมดูเหมือนจะมารวมตัวกันใต้เท้าของเขา มันให้รู้สึกราวกับว่าแค่ก้าวเดียวก็สามารถส่งเขาไปไกลเป็นหมื่นไมล์ได้

 

ถุงมือโปร่งใสเมื่อมาอยู่ในมือของเขาแล้ว มันประสานเข้าไปกับผิวหนังของเขา แต่หานเซิ่นคิดไม่ออกมามันมีพลังอะไรกันแน่

 

หานเซิ่นเพิ่งจะได้รับสมบัติระดับราชัน 3 ชิ้น ดังนั้นเขาค่อนข้างพึงพอใจกับเรื่องนั้น แต่ใบหน้าของเขายังคงดูเคร่งขรึมและเย็นชา เขามองไปที่ราชินีจิ้งจอกและพูด

“ราชินีจิ้งจอก ท่านคิดว่าสิ่งของระดับราชันไม่กี่อย่างจะทำให้ดยุกคนหนึ่งต่อกรกับซีโน่เจเนอิคระดับราชันได้อย่างนั้นหรอ?”

 

ราชินีจิ้งจอกยิ้ม เธอบีบแก้มของหานเซิ่นและพูด “อย่าได้กังวล ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องตาย”

 

“ตามข้ามา” ราชินีจิ้งจอกเดินออกไปจากห้องโถงขนาดเล็กและมุ่งหน้าไปสู่ห้องโถงขนาดใหญ่

 

แต่ราชินีจิ้งจอกไม่ได้หยุดอยู่ที่นั่น เธอเดินต่อไปข้างหน้าไปสู่ห้องโถงขนาดเล็กที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง

 

หานเซิ่นตามเธอไปอย่างไม่ลังเล ในตอนนี้มันไม่สำคัญว่าเขาจะฆ่ากิเลนโลหิตได้หรือไม่ เขาแค่ต้องการจะกอบโกยของมีค่าให้มากที่สุด

 

เมื่อดูจากความร่ำรวยของราชินีจิ้งจอกแล้ว ทรัพย์สมบัติของเธอก็ควรจะเป็นสิ่งของระดับสูงทั้งหมด

 

ขณะที่พวกเขาเดินไป หานเซิ่นก็จินตนาการถึงสมบัติมีค่าที่ราชินีจิ้งจอกอาจจะมอบให้กับเขา แต่เมื่อเขาเข้าไปในห้องโถงขนาดเล็กอีกห้อง เขาก็พบว่ามันไม่มีสมบัติอะไรอยู่ภายใน ห้องโถงนั้นว่างเปล่า เว้นก็แต่หัวกะโหลกที่ถูกเรียงแถวกันอยู่บนกำแพงหิน

 

แต่หลังจากที่สังเกตดีๆ เขาก็รู้สึกตัวว่าหัวกะโหลกพวกนั้นจริงๆแล้วเป็นหน้ากาก พวกมันมีกันอยู่ร้อยอันด้วยกัน และแต่ละอันก็แตกต่างกันออกไป บางอันดูน่ากลัว ขณะที่บางอันกำลังยิ้มอยู่ บางอันดูชั่วร้ายอย่างที่สุด ขณะที่อีกอันดูค่อนข้างรื่นรมย์ การได้เห็นสีหน้าที่หลากหลายเรียงต่อกันไปนั้นเป็นภาพที่น่าขนลุก

 

ราชินีจิ้งจอกกวาดสายตาผ่านหน้ากากที่น่าขนลุกพวกนั้น ใบหน้าของเธอดูมืดมนและบิดเบี้ยว แต่เมื่อเธอหันกลับมามองหานเซิ่น เธอก็ดูมีเสน่ห์อีกครั้ง เธอยิ้มให้กับเขาและพูด

“หน้ากากพวกนี้เป็นของโกสต์โบน และพวกมันก็ถูกสร้างขึ้นมาด้วยมือของเขา ทุกหน้ากากนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากหัวกะโหลกของสิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพ หลังจากผ่านการขัดเกลาที่ประณีต พวกมันก็ดูเป็นแบบนี้”

 

หลังจากที่หยุดไปชั่วครู่ ราชินีจิ้งจอกก็พูดต่อ “มันมีหน้ากากโกสต์โบนอยู่ทั้งหมดพันอัน และโกสต์โบนก็ใช้พวกมันเพื่อฝึกวิชาของเขา ระหว่างที่เขาฝึกชา หน้ากากก็ได้ถูกทำลายไป ในตอนนี้จึงเหลือพวกมันอยู่เพียงแค่ร้อยอันเท่านั้น หน้ากากโกสต์โบนพวกนี้มีพลังของโกสต์โบนอยู่ ถ้าเจ้าสวมใส่พวกมัน เจ้าจะได้รับพลังของโกสต์โบน พวกมันจะทำให้เจ้ามีพลังของสิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพ ด้วยพวกมันการฆ่าซีโน่เจเนอิคตัวนั้นก็ไม่ควรจะเป็นเรื่องยากอะไร”

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset