Super God Gene – ตอนที่ 2253

หานเซิ่นรีบถอยออกไปด้านหลังพร้อมกับเรียกใบเสมาราชาแมลงปีศาจสีทองออกมา

 

ตูม!

โซ่สสารที่มองไม่เห็นพุ่งเข้ามาใส่ใบสามาราชาแมลงปีศาจสีทอง ใบเสมาสั่นสะเทือนและส่งเสียงดังออกมา มันฟังดูเหมือนกับว่าใบเสมากำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

 

หานเซิ่นตกตะลึง พลังส่วนใหญ่ของราชินีจิ้งจอกถูกใช้ไปกับการต่อต้านโซ่ที่ล่ามตัวเธออยู่ แต่ถึงอย่างนั้นใบเสมาราชาแมลงปีศาจก็ไม่สามารถป้องกันพลังเพียงน้อยนิดของเธอได้ ถ้าเธอโจมตีซ้ำอีกเพียงไม่กี่ครั้ง เธอก็คงจะทำลายมันได้อย่างแน่นอน

 

‘ยอดฝีมือระดับเทพเจ้านี่น่ากลัวจริงๆ เพียงแค่พลังน้อยนิดของพวกเขาก็เอาชนะสิ่งมีชีวิตระดับต่ำกว่าได้’ หานเซิ่นกำลังคิดหาทางที่จะหนีไปจากสถานการณ์ในตอนนี้

 

ราชินีจิ้งจอกไม่ประหลาดใจที่หานเซิ่นสามารถป้องกันการโจมตีครั้งแรกของเธอได้ เพราะเธอคิดว่าเขาคือขุนพลโกสต์โบน

 

โซ่สสารที่เธอปล่อยออกไปยังไม่ลดละ มันเป็นเหมือนกับโซ่ที่เข้ารัดใบเสมาราชาแมลงปีศาจ มันรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆและพยายามบีบโล่ป้องกันให้แตกสลาย

 

หานเซิ่นเห็นว่าใบเสมาของเขาเริ่มริบหรี่ ฝุ่นสีทองจำนวนมากกำลังหลุดลอกออกมา

 

“ราชินีจิ้งจอกในตอนที่ข้ามาที่นี่ครั้งแรก ท่านจำสิ่งแรกที่ข้าได้ไหม?”

หานเซิ่นถามราชินีจิ้งจอก ขณะที่เขายังคงอยู่ภายในใบเสมาราชาแมลงปีศาจ

 

“โกสต์โบน อย่ามัวเสียเวลาเลย! นี่คือวันตายของเจ้า” ราชินีจิ้งจอกพูด

 

หานเซิ่นรีบคิดและพูดขึ้นมา “แล้วถ้าเรื่องที่พวกเราพูดคุยกันในระหว่างที่อยู่ในไวท์โบนเฮลล์ล่ะ? ขุนพลโกสต์โบนไม่รู่เรื่องนั้นถูกไหม ท่านบอกว่าชื่อซานมู่ของข้าเป็นชื่อที่แย่! ท่านบอกว่าแค่หนึ่งไม้ก็น่าเบื่อมากพอแล้ว และความจริงที่ข้ามี 3 ไม้ทำให้ข้าเป็นคนที่น่าเบื่ออย่างที่สุด”

 

ราชินีจิ้งจอกแปลกใจ เธอขมวดคิ้วและมองไปที่หานเซิ่น มันดูเหมือนกับว่าเธอเริ่มจะเชื่อคำกล่าวอ้างของเขา

 

“จิตใจของขุนพลโกสต์โบนถูกข้าทำลายไปแล้ว ข้าจึงกลัวว่าท่านอาจจะต้องการแก้แค้นข้าในเรื่องนั้น ด้วยเหตุนั้นในตอนแรกข้าถึงได้สวมรอยเป็นเขา แต่ข้าไม่ใช่ขุนพลโกสต์โบนจริงๆ” หานเซิ่นพูด

 

ราชินีจิ้งจอกจ้องมองหานเซิ่นอยู่สักพัก หลังจากนั้นเธอก็ถามขึ้นมา

“เจ้าเห็นซีโน่เจเนอิคแบบไหนภายในไวท์โบนเฮลล์?”

 

หานเซิ่นรีบบรรยายลักษณะของซีโน่เจเนอิคตัวนั้นให้เธอฟัง หลังจากที่ราชินีจิ้งจอกได้ยินสิ่งที่เขาพูด เธอก็เชื่อเขายิ่งกว่าเดิม

 

ราชินีจิ้งจอกลังเลอยู่ชั่วขณะ หลังจากนั้นเธอก็ถามหานเซิ่น “ในตอนที่เจ้าถูกนำมาที่นี่ ข้าไม่ได้พูดกับเจ้า ข้าพูดอะไร?”

 

‘เธอพูดกับฉันหนิ’ หานเซิ่นคิด หลังจากนั้นเขาก็พูด “มานี่…”

 

ราชินีจิ้งจอกสะดุ้งเมื่อได้ยินหานเซิ่น โซ่สสารรอบใบเสมาเริ่มจางหายไป ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ เธอพูดขึ้นมา

“เจ้าคือซานมู่จริงๆอย่างนั้นหรอ?”

 

“ข้าคือซานมู่จริงๆ ข้าไม่ใช่โกสต์โบน ข้าต้องทำยังไงท่านถึงจะยอมเชื่อข้า?” หานเซิ่นรู้สึกอยากจะร้องไห้ เขาไม่ควรพยายามกล่าวอ้างว่าตัวเองเป็นขุนพลโกสต์โบน เขาควรจะบอกเธอไปตามตรงตั้งแต่แรก

 

“วิธีการคิดและพูดของเจ้านั้นแตกต่าง แต่โกสต์โบนนั้นชั่วร้าย…”

ราชินีจิ้งจอกยังลังเลที่จะเชื่อหานเซิ่น เธอไม่อยากจะเชื่อว่าหานเซิ่นเอาชนะและทำลายจิตใจของขุนพลโกสต์โบนได้

 

ขุนพลโกสต์โบนเป็นหนึ่งในสิบขุนพลของเซเคร็ด เธอและขุนพลโกสต์โบนเป็นระดับเทพเจ้าเหมือนกัน ซึ่งแม้แต่เธอก็ยังเอาชนะขุนพลโกสต์โบนไม่ได้ ส่วนหานเซิ่นเป็นเพียงแค่ดยุกคนหนึ่ง

 

“ข้าคือซานมู่จริงๆ” หานเซิ่นรู้สึกแย่

 

“เจ้าทำลายจิตใจของขุนพลโกสต์โบนได้ยังไง” ราชินีจิ้งจอกมองหานเซิ่นและถามคำถาม

 

หานเซิ่นตอบ “ข้าเป็นคนมีพรสวรรค์ จิตใจของข้าแข็งแกร่งเหนือกว่าจิตใจของยอดฝีมือระดับเทพเจ้า การที่ขุนพลโกสต์โบนบุกเข้ามาในจิตใจของข้าด้วยตัวเองนั้นไม่ต่างอะไรไปจากการรนหาที่ตาย”

 

ราชินีจิ้งจอกยังคงไม่เชื่อ เธอมองหานเซิ่นอย่างละเอียด เธอรู้จักขุนพลโกสต์โบนเป็นอย่างดี และหานเซิ่นในตอนนี้ก็ฟังดูไม่เหมือนกับเขาเลยสักนิดเดียว

 

หานเซิ่นคิดและพูด “ถึงแม้ขุนพลโกสต์โบนจะเข้าสิงร่างกายของข้า เขาก็เข้าถึงความทรงจำของข้าไม่ได้”

 

“มันเป็นไปได้ การกลืนกินจิตใจคนอื่นและรับต่อความทรงจำของพวกเขาไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับโกสต์โบน” ราชินีจิ้งจอกพูด

 

หานเซิ่นเงียบไป เขาไม่สามารถอธิบายในเรื่องนี้ได้

 

ทันใดนั้นราชินีจิ้งจอกก็ยิ้มออกมา “มันเป็นเรื่องง่ายที่จะพิสูจน์ว่าเจ้าใช่โกสต์โบนหรือไม่ ตามข้ามาที่ไวท์โบนเฮลล์ และพวกเราจะได้เห็นเอง”

 

“ทำไม?” หานเซิ่นถาม

 

ราชินีจิ้งจอกยิ้ม “ซีโน่เจเนอิคที่อยู่ภายในไวท์โบนเฮลล์เป็นผลงานที่เกิดจากความผิดพลาดของโกสต์โบน โกสต์โบนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และเขาก็ไม่เคยกลับเข้าไปในไวท์โบนเฮลล์ เขาจึงไม่รู้ว่ามันมีซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งอยู่ภายใน และเรื่องที่ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นได้รับการยอมรับจากไวท์โบนเฮลล์ โกสต์โบนนั้นเคยเป็นผู้ครองในไวท์โบนเฮลล์ ดังนั้นถ้าเจ้าคือโกสต์โบนและเข้าไปในไวท์โบนเฮลล์ ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นก็จะสัมผัสได้ถึงตัวตนของเจ้า มันจะจู่โจมเจ้า ไวท์โบนเฮลล์นั้นมีผู้ครอง 2 คนไม่ได้”

 

“ข้าจะลองทำดู” หานเซิ่นพูด

 

ราชินีจิ้งจอกไม่ได้พูดอะไรอีก เธอแค่เดินไปที่อีกฝากหนึ่งของปราสาท และใช้กุญแจที่ห้อยคอของอยู่เธอเพื่อเปิดประตูโครงกระดูกนรก หลังจากนั้นเธอก็พาหานเซิ่นกลับเข้าไปในไวท์โบนเฮลล์

 

หานเซิ่นยืนอยู่บนยอดของไวท์โบนเอลล์ แต่เขาไม่ได้รู้สึกถึงอะไรพิเศษ

 

ในตอนแรกหานเซิ่นกังวลว่าพลังโกสต์โบนในตัวจะกระตุ้นปฏิกิริยาบางอย่างกับไวท์โบนเฮลล์ แต่โชคดีที่มันไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้น

 

ราชินีจิ้งจอกมองหานเซิ่นอย่างขะมักเขม้นและเตรียมที่จะฆ่าเขา ถ้าเกิดเขาทำอะไรตุกติก แต่เมื่อหานเซิ่นเข้าไปข้างใน เธอก็พบว่าไวท์โบนเฮลล์ไม่มีปฏิกิริยาอะไร และซีโน่เจเนอิคที่อยู่ภายในก็ไม่มองหานเซิ่นแม้แต่น้อย นี่ทำให้เธอประหลาดใจไม่น้อย

 

“เจ้าคือซานมู่จริงๆ” ราชินีจิ้งจอกเริ่มเชื่อหานเซิ่นแล้วในตอนนี้

 

“ข้าบอกท่านแล้ว ข้าคือซานมู่จริงๆ” หานเซิ่นยิ้มแห้งๆออกมา

 

ราชินีจิ้งจอกปัดผมของเธอและมองหานเซิ่นอย่างแปลกๆ “โกสต์โบนคงไม่มีทางเชื่อว่าเขาจะถูกดยุกคนหนึ่งฆ่า”

 

การได้ยินแบบนั้นทำให้หานเซิ่นถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ ดูเหมือนราชาจิ้งจอกจะเชื่อเขาแล้วจริงๆ

 

“ราชินีจิ้งจอก โกสต์โบนได้ตายไปแล้ว ท่านและข้าไม่ได้มีความบาดหมางอะไรกัน ดังนั้นพวกเราควรจะร่วมมือกันเพื่อค้นหาหนทางที่จะออกไปจากที่นี่ แบบนั้นท่านก็จะกลับไปสู่โลกภายนอกได้” หานเซิ่นพูดขณะที่มองไปที่ราชินีจิ้งจอก

 

ราชินีจิ้งจอกถอนหายใจ “ถ้าข้าทำได้ ข้าก็คงออกไปนานแล้ว”

 

“ท่านออกไปจากที่นี่ตามลำพังไม่ได้ แต่บางทีมันอาจจะมีหนทางอยู่ถ้าพวกเราร่วมมือกัน บอกข้าเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านรู้และบางทีข้าอาจจะหาทางทำลายการป้องกันของที่นี่ได้” หานเซิ่นพูด

 

ตลอดเดือนที่ผ่านมา หานเซิ่นได้ใช้เวลาตรวจสอบการป้องกันของปราสาทแห่งนี้ เขาได้ใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อมองสิ่งต่างๆ แต่เขาไม่พบหนทางที่จะทำลายการป้องกันออกไปได้

 

แต่ตอนนี้ทุกอย่างนั้นเปลี่ยนไป โกสต์โบนใช้พลังที่เหลืออยู่ของเขาเพื่อมอบร่างโกสต์โบนให้กับหานเซิ่น ตอนนี้เขาจึงเดิมพันว่าตัวเองจะทำลายการป้องกันของที่นี่และออกไปข้างนอกได้

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset