Super God Gene – ตอนที่ 2268

หานเซิ่นกระโดดขึ้นหลังกิเลนโลหิต หลังจากนั้นกิเลนโลหิตก็คำรามและบินเข้าไปหาพวกราชาอัศวินไอซ์บลู

 

“ไม่ต้องสนใจหมอนั่น ฆ่าคนอื่นก่อน” หานเซิ่นออกคำสั่งพร้อมกับแทงธันเดอร์ก็อตสไปค์เข้าใส่อัศวินไอซ์บลู

 

กิเลนโลหิตรับคำสั่งด้วยการคำรามออกมา

 

“บุก!” ราชาอัศวินไอซ์บลูออกคำสั่งกับอัศวินไอซ์บลูคนอื่นๆขณะที่เขาแกว่งดาบใหญ่เข้าใส่กิเลนโลหิต

 

แต่กิเลนโลหิตไม่สนใจอะไรอัศวินคนอื่น ก่อนหน้านี้เหล่าอัศวินสามารถใช้ประโยชน์จากสติปัญญาที่ต่ำของกิเลนโลหิตได้ แต่ตอนนี้มันเคลื่อนไหวตามคำสั่งของหานเซิ่น พวกเขาจึงพบว่าการจะรับมือกับกิเลนโลหิตนั้นเป็นอะไรที่ยากลำบาก

 

“หานเซิ่น ถ้าเจ้ายังทำแบบนี้ต่อไป เจ้าจะไม่มีวันได้กลับเข้าหน่วยอัศวินไอซ์บลูอีก!”
ราชาอัศวินไอซ์บลูตะโกน เมื่อเห็นอัศวินไอซ์บลูคนหนึ่งถูกกิเลนโลหิตฉีกเป็นชิ้นๆ

 

“ฉันออกจากหน่วยอัศวินไอซ์บลูเรียบร้อยแล้ว เจ้าคิดจริงๆหรือว่าฉันจะกลับไปอีกหลังจากเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นน่ะ? ในตอนที่พวกเจ้าตัดสินใจต่อสู้กับข้า พวกเจ้าก็ควรจะสวดภาวนาและเตรียมตัวรับความตาย!” หานเซิ่นตะโกนกลับไป

 

ราชาอัศวินไอซ์บลูไม่พูดอะไรอีก เขาปฏิบัติกับหานเซิ่นในฐานะลูกศิษย์ของอี๋ซา เขาคิดกับหานเซิ่นในฐานะรุ่นน้อง และเขาไม่เคยคิดว่าจะต้องเห็นชายหนุ่มเป็นศัตรูคนหนึ่ง

 

ถึงแม้หานเซิ่นจะทรยศต่ออัศวินไอซ์บลู ทั้งหมดที่ราชาอัศวินไอซ์บลูต้องการก็คือสั่งสอนบทเรียนให้กับเขาในฐานะรุ่นพี่ เขาต้องการจะจับตัวหานเซิ่นและลากเขากลับไปในตำแหน่งที่ถูกต้องภายในหน่วยอัศวินไอซ์บลู

 

ตอนนี้ราชาอัศวินไอซ์บลูเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าเขามองหานเซิ่นผิดไป เขาไม่เคยคำนึงหานเซิ่นในฐานะคนที่เท่าเทียมมาก่อน และมันไม่เคยผุดขึ้นมาในหัวของเขาว่าหานเซิ่นจะมองเห็นเขาเป็นคู่แข่งขันหรือคู่ต่อสู้คนหนึ่ง

 

หานเซิ่นไม่ใช่รุ่นน้องที่จำเป็นต้องได้รับการปกป้อง แต่หานเซิ่นเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจ เขามีสิ่งที่จำเป็นในการอยู่รอดและก้าวหน้าไปในโลกที่โหดร้ายนี้ เขาสามารถปกป้องตัวเองได้ ถึงแม้ศัตรูที่ทรงพลังมากมายต้องการจะฆ่าเขา

 

ราชาอัศวินไอซ์บลูรู้สึกตัวสายเกินไป ถ้าเขาคำนึงหานเซิ่นว่าเป็นภัยตั้งแต่ตอนแรก เขาก็คงจะไม่มอบโอกาสให้หานเซิ่นหนีออกมาจากฐานทัพได้ เขาจะจัดการกับหานเซิ่นอย่างรวดเร็วที่สุด และเขาจะไม่พยายามไล่ตามหานเซิ่นไปตามลำพังในตอนที่หานเซิ่นหนีไปตอนแรก

 

กิเลนโลหิตไล่ล่ากลุ่มอัศวินจนไปถึงไปประตูโครงกระดูกนรก มันฆ่าทุกคนยกเว้นราชาอัศวินไอซ์บลู ครามและอัศวินไอซ์บลูอีกคนหนึ่ง

 

แต่หานเซิ่นและกิเลนโลหิตไม่กล้าจะเข้าไปใกล้ประตูมากเกินไป หานเซิ่นปล่อยให้พวกเขาทั้ง 3 คนหนีไปได้ หลังจากนั้นเขาก็กลับไปที่ภูเขาดอกบัวซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของกิเลนโลหิต

 

“ข้านั้นโง่เขลา ข้าควรจะปฏิบัติกับเขาเป็นเหมือนคู่ต่อสู้ที่แท้จริง”
ราชาอัศวินไอซ์บลูจ้องมองหานเซิ่นที่กำลังขี่กิเลนโลหิตจากไป ใบหน้าของเขาไร้ความรู้สึก มันไม่ได้แสดงทั้งความโกรธหรือความเศร้า

 

ครามดูเคร่งขรึม “เขาเป็นลูกศิษย์ของอี๋ซาจริงๆอย่างนั้นหรอ? เขาดูจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าอี๋ซาเองซะอีก ข้ากลัวว่าพวกเราจะประเมินเขาต่ำเกินไป”

 

“เจ้าจะโทษพวกเราในเรื่องนั้นไม่ได้ ใครจะไปรู้ว่ามาร์ควิสคนหนึ่งจะเป็นภัยใหญ่หลวงแบบนั้น?” อัศวินไอซ์บลูอีกคนที่เหลือรอดชื่อฮาร์ดเดอร์พูด

 

ในตอนนี้ความรู้สึกของฮาร์ดเดอร์ค่อนข้างซับซ้อน เขาและเอ็ดเวิร์ดใกล้ชิดกันอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นคนที่น่าสะพรึงกลัวขนาดไหน

 

ถึงแม้เอ็ดเวิร์ดจะเป็นชาวเอ็กซ์ตรีมคิงเลือดผสม และถึงพลังโจมตีของเขาจะไม่ได้สูงอะไรเมื่อเทียบกับคนอื่นที่อยู่ระดับเดียวกัน แต่พลังในการสังเกตและการเคลื่อนไหวของเขานั้นไร้ที่ติ

 

เมื่อฮาร์ดเดอร์นึกถึงภาพที่เอ็ดเวิร์ดนอนหมดสภาพภายใต้การโจมตีของหานเซิ่น เขาก็ไม่สามารถหาคำไหนมาบรรยายภาพที่เห็นได้

 

ถึงแม้ตอนนี้หานเซิ่นจะเป็นแค่ดยุกคนหนึ่ง แต่มันก็ไม่มีใครกล้าปฏิบัติกับเขาในฐานะดยุกคนหนึ่งอีกต่อไป

 

เมื่อราชินีจิ้งจอกเห็นราชาอัศวินไอซ์บลูและคนอื่นอีก 2 คนกลับออกมา เธอก็ขมวดคิ้วและถาม “คนอื่นๆอยู่ที่ไหน?”

 

ราชาอัศวินไอซ์บลูบองเธอถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาพูดบรรยายพลังของหานเซิ่นและกิเลนโลหิตอย่างตรงไปตรงมา และเขาก็ไม่ได้ปิดบังเรื่องที่กลุ่มของเขาล้มเหลวไม่เป็นท่า

 

“น่าสนใจ น่าสนใจมากๆ กิเลนโลหิตกลายเป็นครึ่งเทพรวดเร็วขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย? และหานเซิ่นยังขี่มันในการต่อสู้อีกอย่างนั้นหรอ?” ราชินีจิ้งจอกหลี่ตาของเธอ

 

เธอไม่ได้โทษอะไรพวกราชาอัศวินไอซ์บลู เธอพูดกับพวกเขา
“พวกเจ้าอยู่ช่วยกุนซือไวท์เพื่อทำลายการป้องกันของที่นี่ เมื่อข้าทำลายโซ่ที่ล่ามข้าอยู่ได้แล้ว ข้าจะไปจับตัวเขามาด้วยตัวเอง”

 

ภายในหุบเขาของกิเลนโลหิต หานเซิ่นปล่อยให้เป่าเอ๋อและคนอื่นๆได้ออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตาเพื่อผ่อนคลาย เขายังคงต้องการปรึกษาแผนการที่จะรับมือกับศึกที่กำลังจะมาถึง

 

ตอนนี้ถึงหานเซิ่นจะใช้พลังของกิเลนโลหิตเอาชนะราชาอัศวินไอซ์บลูและคนอื่นได้ แต่หานเซิ่นก็ยังไม่คิดว่าตัวเองปลอดภัย และนั่นทำให้เขายังคงรู้สึกกังวล

 

เอ็ดเวิร์ดและคนอื่นๆสามารถหาหนทางที่จะทำลายการป้องกันของปราสาทเพื่อเข้ามาข้างในได้ นั่นหมายความว่าหนึ่งในพวกเขาเข้าใจถึงโครงสร้างของปราสาท อย่างน้อยๆก็ในระดับหนึ่ง

 

ราชินีจิ้งจอกไม่ได้ส่งกุนซือไวท์มาล่าตัวเขา และนั่นก็คงจะเป็นเพราะกุนซือไวท์รู้เกี่ยวกับโครงสร้างของปราสาท ถ้าเขาสามารถทำลายโซ่ที่ล่ามราชินีจิ้งจอกอยู่ได้ หานเซิ่นก็จะเจอกับปัญหาใหญ่

 

หานเซิ่นไม่มีโอกาสจะเอาชนะยอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่ได้ ถึงแม้เขาจะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีก็ตาม และตอนนี้หานเซิ่นก็ติดอยู่ภายในไวท์โบนเฮลล์ ปราสาทนั้นเป็นทางออกเดียวที่เขามี

 

‘น่าเสียดายที่เจ้ากิเลนโลหิตยังเป็นแค่ครึ่งเทพ ถ้าเราทำให้มันกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้ล่ะก็ เราก็คงจะขี่มันออกไปสังหารอะไรก็ตามที่มาขวางทางได้’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง

 

ทีมของหานเซิ่นพูดคุยกันอยู่ครึ่งวัน แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถคิดหาแผนการอะไรขึ้นมาได้ หานเซิ่นตัดสินใจหันไปพยายามดูดซับพลังโกสต์โบนทั้งหมดที่ทำได้ เขาหวังว่าจะพัฒนาวิชาเรื่องราวของยีนไปสู่ระดับดยุก ยิ่งเขามีพลังมากเท่าไหร่ โอกาสรอดไปจากที่นี่ก็จะมากขึ้นเท่านั้น

 

‘ถึงแม้ราชินีจิ้งจอกจะถูกปล่อยเป็นอิสระจริงๆ เธอก็คงจะไม่ฆ่าเราในทันที ตราบใดที่เธอยังหาสิ่งที่ต้องการไม่เจอ นั่นหมายความว่าเรายังมีโอกาสอยู่’ หานเซิ่นคิด

 

ในตอนนี้กิเลนโลหิตและหานเซิ่นสนิทสนมกันเรียบร้อยแล้ว แต่มีเพียงแค่หานเซิ่นเท่านั้นที่เข้าไปใกล้กิเลนโลหิตได้ ตัวตนของมันน่าสะพรึงกลัวเกินไป และมันก็มองคนอื่นทุกคนราวกับเป็นชิ้นเนื้อ

 

หานเซิ่นยังคงฝึกเรื่องราวของยีนต่อไปเรื่อยๆ และหลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน เรื่องราวของยีนก็ก้าวหน้าไปได้ด้วยดี แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังห่างไกลจากการพัฒนาไปสู่ระดับดยุก

 

ทันใดนั้นทั้งไวท์โบนเฮลล์ก็เริ่มสั่นไหว และหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงของราชินีจิ้งจอกดังออกมาจากประตูโครงกระดูกนรก
“น้องชายคนดีของข้า! พี่สาวคนนี้กำลังจะไปหาเจ้า”

 

ราชินีจิ้งจอกเดินมายืนอยู่หน้าประตูโครงกระดูกนรก ห่วงโลหะยังคงอยู่ที่คอ ข้อมือและข้อเท้าของเธอ แต่ทว่าโซ่โลหะที่ติดอยู่กับพวกมันได้หายไปแล้ว

 

กุนซือไวท์ ราชาอัศวินไอซ์บลู ครามและฮาร์ดเดอร์ยืนอยู่ด้านหลังของราชินีจิ้งจอก มันดูเหมือนกับว่าในตอนนี้พวกเขาเป็นคนของเธอ

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset