Super God Gene – ตอนที่ 2270

ราชินีจิ้งจอกเคลื่อนที่เข้าไปใกล้เพื่อสังเกตต้นไม้ชัดๆ แต่ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็เริ่มขมวดคิ้ว “มันมีอะไรบางอย่างอยู่ภายในต้นไม้นี้อย่างนั้นหรอ? อนุสรณ์สถานศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายในต้นไม้นี้สินะ?”

 

กุนซือไวท์ก้าวมาข้างหน้าอย่างตื่นตระหนก “อย่าแตะต้องมัน!”

 

“ทำไม?” ทั้งราชินีจิ้งจอกและหานเซิ่นมองไปที่กุนซือไวท์

 

กุนซือไวท์พูด “ต้นไม้นี้แข็งแรงมากๆ และมันก็อัดแน่นไปด้วยแรงแม่เหล็กพิเศษอย่างหนึ่งที่ผลักดันซีโน่เจเนนิคทุกตัว แต่ทว่าภายในลำต้นของมันคือแชตเตอร์สเปซคริสตัล”

 

“แชตเตอร์สเปซคริสตัล?” ราชินีจิ้งจอกขมวดคิ้ว

 

“ใช่” กุนซือไวท์ยืนยันอย่างหนักแน่น

 

หานเซิ่นถาม “แชตเตอร์สเปซคริสตัลคืออะไร?”

 

“มันคือวัสดุที่ใช้สำหรับสร้างเครื่องเทเลพอร์ต” ฮาร์ดเดอร์อธิบาย
“การใช้คริสตัลเหล่านั้นในเครื่องเทเลพอร์ตจะช่วยขยายระยะทางการเทเลพอร์ตอย่างมาก มันเป็นวัสดุที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในการสร้างเครื่องเทเลพอร์ตขึ้นมา”

 

“นั่นหมายความว่ามันมีเครื่องเทเลพอร์ตอยู่ภายในต้นไม้นี่อย่างนั้นหรอ? พวกเราจะใช้มันเพื่อเข้าไปสู่อนุสรณ์สถานศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม?” หานเซิ่นถาม

 

“ตามทฤษฎีล่ะก็นะ” กุนซือไวท์พยักหน้า “แต่พวกเราต้องเปิดต้นไม้ออกเพื่อใช้งานเครื่องเทเลพอร์ตที่อยู่ข้างใน”

 

“ด้วยพลังของพี่สาว การจะโค่นต้นไม้นี้ควรจะเป็นเรื่องง่าย มันมีปัญหาอะไรหรือยังไง?” หานเซิ่นถาม

 

“มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น” ราชินีจิ้งจอกตอบ
“แชตเตอร์สเปซคริสตัลดีสำหรับการสร้างเทคโนโลยีการเทเลพอร์ต แต่พวกมันเป็นอะไรที่บอบบางมากๆ และต้นไม้กับแชตเตอร์สเปซคริสตัลก็ผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน ถ้าพวกเราใช้กำลังโค่นต้นไม้ล่ะก็ แชตเตอร์สเปซคริสตัลที่อยู่ภายในก็จะได้รับความเสียหายไปด้วย และนั่นจะทำให้เครื่องเทเลพอร์ตที่อยู่ภายในใช้งานไม่ได้อีกต่อไป”

 

“โชคดีที่ท่านมีกุญแจอยู่ ท่านแค่จำเป็นต้องใช้กุญแจเพื่อเปิดประตูของต้นไม้” กุนซือไวท์พูด

 

หานเซิ่นรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที เขาไม่รู้ว่าแผ่นหินนั้นเป็นกุญแจเพื่อเปิดใช้เครื่องเทเลพอร์ต แต่ชิ้นคริสตัลที่เขามอบราชินีจิ้งจอกไม่ได้เป็นอะไรที่มากไปกว่าที่ทับกระดาษ มันเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะใช้มันทำให้ต้นไม้เปิดออก

 

“พวกเราจะใช้มันได้ยังไง?” ราชินีจิ้งจอกมองไปที่แผ่นคริสตัลในมือ หลังจากนั้นเธอก็หันกลับไปที่กุนซือไวท์

 

“ถ้าทฤษฎีของพวกเราถูกต้อง มันก็ต้องมีรูกุญแจอยู่” กุนซือไวท์ดูลังเลขณะที่พูดออกมา

 

“แต่มันมีรูบนผิวต้นไม้ที่ใหญ่ขนาดนี้ด้วยหรอ”
ราชินีจิ้งจอกมองมาที่หานเซิ่น เธอคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าที่หานเซิ่นมอบให้กับเธอเป็นของปลอม

 

“ข้านำสิ่งนั้นออกมาจากเมืองโกสต์โบนจริงๆ ท่านควรจะมองหาดูดีๆก่อน” หานเซิ่นแกล้งทำเป็นสังเกตที่ต้นไม้

 

“ตรงนั้น!” ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ชี้ไปที่ยอดของต้นไม้สูง เขาดูตื่นเต้นอย่างมาก

 

ราชินีจิ้งจอกและคนอื่นๆมองไปตามนิ้วมือของหานเซิ่น แต่พวกเขาไม่เห็นอะไรที่พิเศษ

 

ขณะที่คนอื่นๆดึงความสนใจอยู่นั้น หานเซิ่นก็กระโดนขึ้นบนหลังของกิเลนโลหิตและรังนกก็ปรากฏขึ้นมาในมือของเขา

 

กิเลนโลหิตคำรามและวิ่งเข้าไปหาต้นไม้

 

ราชินีจิ้งจอกเป็นคนที่ตอบสนองเร็วที่สุด เธอแกว่งมือไปข้างหน้าเพื่อส่งพลังเชือกจำนวนนับไม่ถ้วนไล่ตามหานเซิ่นไป

 

หานเซิ่นวางแขนในส่วนเว้าของรังนก และทันใดนั้นมันก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น มันกลายเป็นโล่ขนาดใหญ่ที่หยุดการไล่ตามพลังเชือกของราชินีจิ้งจอก

 

ทันทีที่กิเลนโลหิตมาถึงต้นไม้แก่ หานเซิ่นก็นำแผ่นหินของจริงออกมา เขาใส่มันเข้าไปในรอยเว้ารูปพระจันทร์ของต้นไม้ และแผ่นหินก็สวมตัวเองเข้าไปในช่องว่างอย่างพอดิบพอดี

 

ทันใดนั้นต้นไม้แก่ก็เปิดออกและเผยให้เห็นเฟรมขนาดใหญ่ที่บรรจุอยู่ภายในลำต้น ในศูนย์กลางของเฟรมนั้นคือมิติที่บิดเบี้ยวทรงกลม มันสว่างไสวซะจนแทบจะมองไม่เห็น

 

กิเลนโลหิตพาหานเซิ่นเข้าไปในมิติที่บิดเบี้ยวนั้น หลังจากนั้นพวกเขาก็หายตัวไปในชั่วพริบตา

 

ราชินีจิ้งจอกกระโดดตามพวกเขาไป ซึ่งเธอเองก็หายตัวไปเช่นเดียวกัน

 

ราชาอัศวินไอซ์บลูกัดฟันและวิ่งเข้าไปข้างใน หลังจากนั้นกุนซือไวท์ ครามและอาร์ดเดอร์ก็ตัดสินใจตามไปด้วยเช่นกัน พวกเขาไม่อยากจะยอมแพ้ต่อการได้รับมรดกของผู้นำเซเคร็ด

 

หานเซิ่นวางรังนกบนหัวของเขา เมื่อมิติรอบๆตัวหยุดบิดเบี้ยวและวิสัยทัศน์ของเขากลับคืนมา เขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในปราสาทแห่งหนึ่งและแผ่นหินก็กลับมาอยู่ในมือของเขา เขารีบเปิดใช้งานวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงและมองไปรอบๆ

 

เขากำลังอยู่ในปราสาทหินหยก มันมีรูปปั้นประหลาดมากมายรอบๆตัวเขาทั้งสัตว์ เทพเจ้าและปีศาจต่างๆ

 

กำแพงและเพดานของปราสาทต่างก็ปกคลุมไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังประหลาด พวกมันดูจะเป็นสัญลักษณ์ถึงอะไรบางอย่าง

 

ทันใดนั้นเครื่องเทเลพอร์ตด้านหลังของหานเซิ่นก็เริ่มทำงานอีกครั้ง

 

“วิ่ง!” หานเซิ่นตะโกน ดูเหมือนกับว่าคนอื่นกำลังเข้ามาข้างใน นั่นทำให้เขาสั่งให้กิเลนโลหิตรีบวิ่งเข้าไปในประตูของปราสาท

 

ประตูของปราสาทนั้นเปิดอยู่ แต่ทว่าภายนอกปกคลุมไปด้วยแสงสว่าง มันดูเหมือนกับว่าแสงสว่างมีไว้เพื่อป้องกันคนที่อยู่ภายในจากการมองเห็น แม้แต่วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงของหานเซิ่นก็ไม่สามารถมองทะลุม่านแสงนั้นได้

 

หานเซิ่นรีบร้อนหนีไปจากราชินีจิ้งจอก จนเขาไม่สนใจต่อความเป็นไปได้ที่เจอกับดักเข้า หานเซิ่นและกิเลนโลหิตวิ่งผ่านม่านแสงนั่นออกไป

 

กิเลนโลหิตแบกหานเซิ่นผ่านประตูหน้าของปราสาทออกไป และทั้งคู่ก็รู้สึกว่ามิติรอบๆตัวนั้นบิดเบี้ยวในทำนองเดียวกับเครื่องเทเลพอร์ต เมื่อวิสัยทัศน์ของหานเซิ่นกลับคืนมา เขาก็พบว่าตัวเองอยู่ภายในปราสาทอีกแห่งหนึ่ง เขายืนอยู่ต่อหน้าเครื่องเทเลพอร์ตของมัน

 

แต่มันแตกต่างไปจากปราสาทแห่งแรก ปราสาทนี้ไม่ได้มีรูปปั้นหรือภาพวาดอะไร และที่ใจกลางของปราสาทก็มีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่งอยู่

 

ต้นผลไม้นั้นมีความสูงแค่ 2 เมตรเท่านั้น และลำต้นของมันก็ดูเหมือนกับต้นพลัม แต่มันถูกทำขึ้นมาจากเหล็กดำที่บิดเบี้ยว กิ่งก้านของมันดูจะถูกทำขึ้นมาอย่างหยาบๆไร้ความปราณีต

 

ใบไม้บนต้นมีสีเงิน และผลไม้สีเงินที่ห้อยลงมาก็เหมือนกับเงินไซซีที่มีขนาดพอกับไข่

 

หานเซิ่นนับเงินไซซีบนต้นไม้ได้ทั้งหมด 8 อันด้วยกัน พวกมันมีขนาดเท่ากันหมด แต่ที่ก้นของเงินไซซีแต่ละอันจะมีลวดลายเฉพาะของมันอยู่

 

“สมบัติเงิน?” หานเซิ่นสังเกตเห็นว่าลวดลายของแต่เงินไซซีแต่ละอันนั้นจะประกอบกันเป็นคำ

 

“ต้นไม้นี่ถูกทำขึ้นมาด้วยมืออย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นหันกลับไปมองที่เครื่องเทเลพอร์ตด้านหลัง เครื่องเทเลพอร์ตนั้นยังคงเงียบสนิทและไม่ทำงาน ซึ่งทำให้หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจขึ้นมา

 

ด้วยความเร็วของราชินีจิ้งจอก ในตอนนี้เธอควรจะไล่ตามเขาได้ทันแล้ว มันเป็นได้ยังไงที่เธอยังมาไม่ถึงที่นี่?

 

‘เมื่อเราผ่านประตูของปราสาทออกมา แสงสว่างนั้นส่งเรามาที่อื่นอย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง นอกจากนั้นแล้วเขาไม่สามารถคิดถึงเหตุผลอื่นที่อธิบายได้ว่าทำไมราชินีจิ้งจอกถึงยังไล่ตามเขามาไม่ทัน

 

แต่ถึงจะยังไงก็ตามหานเซิ่นก็ดีใจกับเรื่องนี้ หานเซิ่นตัดสินใจมองไปที่สมบัติเงินอีกครั้ง

 

เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็สวมใส่ชุดเกราะกุ้งมังกรกาแลกติก และเดินไปตรงหน้าของต้นไม้ หลังจากนั้นเขาก็ใช้มีดตัดหนึ่งในสมบัติเงินลงมา

 

มีดเขี้ยวผีสิงฟันเข้าไปที่ผิวเหล็กของต้นไม้ แต่แทนที่จะกิ่งก้านของมันจะถูกตัดขาด มีดของหานเซิ่นกลับทำได้แค่ทิ้งรอยบางๆเอาไว้เท่านั้น แต่มันก็มีน้ำเลี้ยงไหลออกมาราวกับเลือด

 

“ต้นไม้นี้มีชีวิต!” หานเซิ่นดูค่อนข้างประหลาดใจ น้ำเลี้ยงนั้นเปี่ยมไปด้วยพลังงาน

 

หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อสังเกตต้นไม้ผลสีเงิน เขายืนยันได้อย่างรวดเร็วว่ามันเป็นต้นไม้ที่มีชีวิตจริงๆ และมันก็อยู่ที่นี่มาอย่างยาวนาน

 

ด้วยวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงหานเซิ่นสามารถบอกได้ว่าต้นไม้นี้อยู่มานานกว่าพันล้านปี

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset