Super God Gene – ตอนที่ 2292

“ข้ายังไม่ค่อยเข้าใจมันจริงๆนั่นแหละ อธิบายมันให้ข้าฟังอีกครั้งได้ไหม” หานเซิ่นพูด ขณะที่พยายามเก็บความแปลกใจเอาไว้

 

ความจริงแล้วหานเซิ่นเข้าใจวิชาจีโนนี้เป็นอย่างดี วิชาจีโนนี้เป็นอะไรที่คุ้นเคยสำหรับเขา และความคุ้นเคยนั้นก็ทำให้เขาตกใจ วิชาจีโนนี้เห็นได้ชัดว่าเกี่ยวเนื่องกับศาสตร์ตงเสวียน วิชาทั้ง 2 มีประโยชน์ต่อกัน และการใช้วิชาจีโนที่กุนซือไวท์บอกจะช่วยในการพัฒนาศาสตร์ตงเสวียนของเขา

 

หานเซิ่นสามารถใช้ศาสตร์ตงเสวียนเพื่อดูดซับพลังจากรอบๆตัวได้ ซึ่งการทำแบบนั้นจะทำให้หานเซิ่นเก็บพลังงานบางส่วนเอาไว้และช่วยให้เขาต่อสู้ได้เป็นเวลานาน

 

แต่ศาสตร์ตงเสวียนยังไม่ถึงระดับดยุก ดังนั้นผลลัพธ์จึงไม่ค่อยดีนัก มันช่วยหานเซิ่นประหยัดพลังเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น

 

‘นี่กุนซือไวท์รู้ว่าเราใช้ศาสตร์ตงเสวียนอย่างนั้นหรอ? นั่นคือเหตุผลที่เขาบอกวิชาจีโนนี้กับเราใช่ไหม? เขามีแผนอะไรกันแน่?’
หานเซิ่นครุ่นคิด แต่เขาไม่สามารถคาดเดาถึงความคิดของกุนซือไวท์ได้

 

ดูเหมือนกุนซือไวท์จะรู้ว่าหานเซิ่นสามารถใช้ศาสตร์ตงเสวียนได้ การอธิบายวิชาจีโนอย่างเรียบง่ายที่เขาทำนั้นบ่งบอกว่าจิตใจของชายคนนั้นเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัว นั่นทำให้หานเซิ่นระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น

 

“ถ้าเจ้าไม่รังเกียจที่ข้าจะพูดซ้ำ ข้าจะอธิบายวิชาจีโนอีกครั้ง” กุนซือไวท์ยิ้ม หลังจากนั้นเขาก็พูดเกี่ยวกับวิชาจีโน

 

มันจะเป็นอะไรที่ดีกว่าถ้าเขาหยุดพูดซะตอนนี้ เพราะยิ่งเขาพูดมากเท่าไหร่ ครามก็ยิ่งสับสนมากเท่าไหร่ คำอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับวิชาจีโนของกุนซือไวท์นั้นเข้าใจยากยิ่งกว่าตัววิชาจีโนซะอีก เขาเริ่มพูดเกี่ยวกับตัวจักรวาลจีโน ซึ่งมันเป็นบางสิ่งที่ครามไม่เคยได้ยินมาก่อน

 

หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อรับฟัง และเขาสามารถเข้าใจมันได้ แต่เขาแสแสร้งว่าไม่เข้าใจและแกล้งทำเป็นว่าเขากำลังสับสน

 

“กุนซือไวท์ ข้ากลัวว่าคำอธิบายนั้นจะไม่ช่วยอะไร ข้ารู้สึกสับสนมาก” หานเซิ่นยิ้มแห้งๆให้กับกุนซือไวท์

 

“กุนซือไวท์เป็นคนฉลาด เนื่องจากเจ้ายังเป็นแค่ดยุกคนหนึ่ง มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เจ้าจะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดออกมา แต่อย่าได้กังวลไป เพราะข้าเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน” ครามพูด

 

กุนซือไวท์ส่ายหัวและถอนหายใจ “สิ่งที่ข้าเรียนรู้นั้นแตกต่างจากวิชาจีโนของเจ้าเล็กน้อย ไม่เป็นไรถ้าเจ้าไม่เข้าใจ แต่พยายามเรียนรู้มันให้มากที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้ เพราะข้าจะอธิบายมันแค่ที่นี่”

 

“ขอบคุณ แต่ข้ากลัวว่าจะไม่มีวันเรียนรู้วิชาจีโนนี้ได้” หานเซิ่นพูด แต่เขาแอบใช้วิชาจีโนที่กุนซือไวท์บอกอย่างลับๆ

 

หานเซิ่นลองดูและมันก็ทำงานได้เป็นอย่างดี หานเซิ่นไม่ต้องเรียกชุดเกราะตงเสวียนของเขาออกมา ผลการดูดซับพลังจากภายนอกก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้น และนี่ยังเป็นแค่ครั้งแรกที่เขาใช้ความสามารถนี้ ถ้าแค่ครั้งแรกมันก็เป็นอะไรที่มีประโยชน์แล้ว มันก็จะเป็นอะไรที่มีประโยชน์ยิ่งกว่าเดิมเมื่อเขาเชี่ยวชาญมากขึ้น

 

หานเซิ่นยังไม่รู้ว่าทำไมกุนซือไวท์ถึงได้มอบวิชาจีโนนี้ให้กับเขา แต่เขาก็ยินดีจะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ หานเซิ่นเริ่มฝึกมันและความยากลำบากในการคงผนึก 4 สัญลักษณ์ก็บรรเทาลงไป

 

แต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากครบ 24 ชั่วโมงของวันแรก ร่างโคลนของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตัวอื่นก็ขยับเข้ามาหานเซิ่นและคนอื่นๆราวกับมอนสเตอร์ที่หิวกระหาย

 

พวกมันจ้องมองพวกหานเซิ่นตลอดทั้งวัน และดวงตาของเหล่าซีโน่เจเนอิคก็ต่างไปจากวันแรก มันมีความกระหายเลือดอยู่ในดวงตาของพวกมัน

 

สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวมองมาที่พวกเขาราวกับว่ากำลังตัดสินใจเลือกรสชาติของมื้ออาหารเย็น มอนสเตอร์ที่หิวกระหายนั้นทำให้หานเซิ่นและคนอื่นๆเป็นกังวล แต่ถึงพวกมันจะมองมาที่พวกเขาอย่างหิวกระหาย มันก็ไม่มีซีโน่เจเนอิคแม้แต่ตัวเดียวที่เตรียมตัวจะโจมตีพวกเขา พวกมันแค่จ้องมองกลุ่มของหานเซิ่นราวกับว่าพวกเขาเป็นอัญมณี

 

เมื่อพวกเขารับรู้ว่าปลอดภัย หานเซิ่นและคนอื่นก็รู้สึกโล่งใจ โชคดีที่รูปปั้นแมวหยกไม่ได้โกหกพวกเขา ร่างโคลนของซีโน่เจเนอิคพวกนี้ไม่ได้โจมตีอย่างที่รูปปั้นแมวหยกบอกจริงๆ

 

แต่หานเซิ่นและคนอื่นๆไม่กล้าจะเคลื่อนไหว พวกเขายังคงใช้พลังของตัวเองเพื่อคงผนึกเอาไว้ พวกเขาหวังจะผนึกร่างโคลนของซีโน่เจเนอิคตัวนั้นเอาไว้ตลอดทั้งสิบวัน

 

แต่ยิ่งเวลาผ่านไป การดิ้นรนของร่างโคลนระดับเทพเจ้าก็เลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ และหานเซิ่นก็เริ่มจะรู้สึกเหนื่อยล้า

 

หลังจากผ่านไป 5 วัน แม้แต่กิเลนโลหิตที่เป็นระดับครึ่งเทพก็เริ่มจะแสดงอาการเหน็ดเหนื่อยออกมาเช่นกัน

 

เนื่องจากแต่ละส่วนของผนึก 4 สัญลักษณ์นั้นเชื่อมต่อกัน หานเซิ่นไม่จำเป็นต้องใช้พลังเต็มที่ของเขาอย่างต่อเนื่อง แต่นั่นก็หมายความว่าคนอื่นจะต้องออกแรงมากขึ้นเพื่อทดเทียบส่วนที่ขาดไป

 

ด้วยเหตุนั้นกิเลนโลหิตและกุนซือไวท์จึงต้องใช้พลังมากยิ่งกว่าหานเซิ่น

 

เหงื่อเริ่มไหลลงมาบนหน้าผากของคราม มันเริ่มจะเป็นอะไรที่ยากลำบากสำหรับเขาเช่นกัน

 

สถานการณ์ไม่ได้เป็นไปด้วยดีอย่างที่พวกเขาหวังเอาไว้ แต่จากการประเมินของหานเซิ่น ถ้าพวกเขายังใช้พลังในความถี่ที่คงเดิม พวกเขาจะรอดผ่านสิบวันไปได้

 

“หนูๆทั้งหลาย พวกเจ้าดูเหมือนจะพยายามกันน่าดู ข้าต้องขอบอกว่าพวกเจ้าทำได้ไม่เลวเลย”
จู่ๆรูปปั้นแมวหยกก็เริ่มพูดขึ้นมาอีกครั้ง แต่มันพูดอย่างขี้เกียจราวกับว่ามันเพิ่งจะตื่นขึ้นมาจากหลับใหล

 

แต่ทว่าหานเซิ่นและคนอื่นๆกำลังจดจ่อสมาธิไปกับผนึก 4 สัญลักษณ์ พวกเขาหันไปมองรูปปั้นแมวหยกไม่ได้

 

เสียงของรูปปั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง “พวกเจ้าทำได้ดี แต่พวกเจ้าไม่คิดว่านี่เป็นวิธีที่น่าเบื่อหรอกหรอ?”

 

“เจ้าคงจะไม่เล่นขี้โกงหรอกใช่ไหม?”
หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว ถ้ารูปปั้นแมวหยกสั่งให้ซีโน่เจเนอิคตัวอื่นโจมตีพวกเขา พวกเขาก็คงจะไม่รอด

 

รูปปั้นแมวหยกหัวเราะและพูด “อย่าได้กังวล! ข้าเปลี่ยนกฎที่ผู้นำของเซเคร็ดตั้งเอาไว้ไม่ได้ ข้าแค่อยากจะมอบเซอร์ไพรส์เล็กๆให้กับพวกเจ้าเท่านั้น”

 

“ข้าเกลียดเซอร์ไพรส์” หานเซิ่นพูด

 

“แต่นี่เป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์จริงๆ มันอาจจะเป็นอะไรที่มีประโยชน์ต่อพวกเจ้าเป็นอย่างมาก แต่แน่นอนว่าพวกเจ้าต้องมีความสามารถพอที่จะรับเซอร์ไพรส์นี้” รูปปั้นแมวหยกดูเหมือนว่ามันกำลังยิ้ม แต่มันไม่ใช่

 

หลังจากที่เสียงของรูปปั้นแมวหยกหยุดไป หานเซิ่นก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากพื้น มันเป็นเสียงของบางสิ่งกำลังลากโซ่โลหะ

 

หานเซิ่นสแกนรอบๆด้วยออร่าศาสตร์ตงเสวียน หลังจากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าร่างโคลนของซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าทั้งหมดเริ่มจะถอยออกไป และมีบางสิ่งกำลังเข้ามาหากลุ่มของหานเซิ่น

 

มันเป็นโครงกระดูก หรืออย่างน้อยๆมันก็ดูเหมือนกับโครงกระดูก เนื้อหนังของมันแห้งติดกระดูก ผมของมันเป็นเหมือนกระจุกของหญ้าแห้ง

 

แต่สิ่งมีชีวิตนั้นยังไม่ตาย แขนขาของเขาถูกล่ามด้วยกุญแจมือโลหะ เขาเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ทุกก้าวของคนๆนั้นตามมาด้วยเสียงโซ่ที่ลากมากับพื้น

 

คนที่ถูกโซ่ล่ามเดินเข้ามาหาพวกเขาขณะที่ก้มหัว เมื่อเขาเข้ามาใกล้ๆ หานเซิ่นก็มองเห็นว่ามันมีรูสีดำ 2 รูในตำแหน่งที่ตาของเขาควรจะอยู่ เลือดสีดำไหลออกมาจากรู แต่ดวงตานั้นหายไป

 

หานเซิ่นและคนอื่นๆดูตรึงเครียด พวกเขากำลังใช้พลังเพื่อร่ายผนึก 4 สัญลักษณ์ ถ้าเกิดคนที่น่าขนลุกนี้โจมตีพวกเขา พวกเขาก็ไม่สามารถอะไรเพื่อป้องกันได้ เพราะพวกเขาจำเป็นต้องส่งพลังไปที่ผนึก 4 สัญลักษณ์ต่อไป

 

คนที่ถูกล่ามเดินเข้ามาอยู่ในระยะสิบเมตรของพวกเขา โซ่ยังคงลากมากับพื้น เขาเงยหน้าขึ้นมามองไปที่หานเซิ่นและคนอื่นขณะที่เบ้าตาทั้ง 2 เต็มไปด้วยเลือด

 

หานเซิ่นหยุดไปชั่วครู่ แต่หลังจากนั้นคนที่ถูกล่ามก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง เขาค่อยๆเดินไปหาหานเซิ่น

 

‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!’ หานเซิ่นคิดอย่างตื่นตระหนก พวกเขามีกันอยู่ 4 คน แต่คนที่ถูกล่ามกลับตัดสินใจเข้ามาหาหานเซิ่น มันเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และหลังจากผ่านไปหนึ่งนาที มันก็มายืนอยู่ด้านหลังของเขา

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset