Super God Gene – ตอนที่ 2302

หานเซิ่นไปพบกับอี๋ซา เขาบอกเธอเกี่ยวกับข้อตกลงที่เขาทำเอาไว้กับไป๋เวย

 

เมื่ออี๋ซาได้ยินรายละเอียด เธอก็พูดขึ้นมา “มันเป็นเรื่องดีที่เจ้าจะเดินทางไปกับพวกเอ็กซ์ตรีมคิง เพราะถ้าเจ้ายังอยู่ในแนร์โรว์มูนต่อไป มันก็เป็นเรื่องยากที่เจ้าจะหาทรัพยากรเพื่อเลื่อนขึ้นไปสู่ระดับราชัน ถึงแม้ข้าจะเป็นราชินีผู้ปกครองแนร์โรว์มูน ข้าก็ใช้ทรัพยากรทั้งหมดกับเจ้าไม่ได้ สุดท้ายแล้วเจ้าก็ต้องหาเส้นทางของตัวเอง ซึ่งการไปกับพวกเอ็กซ์ตรีมคิงก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร”

 

หลังจากนั้นอี๋ซาก็มองไปที่หานเซิ่นและพูด “ข้าคิดว่าเจ้าจะเลือกติดตามองค์ชายสิบสี่ซะอีก ข้าไม่ได้คิดว่าเจ้าจะไปกับองค์หญิงไป๋เวย นี่เจ้าเลือกนางเพราะรูปลักษณ์ของนางอย่างนั้นหรอ?”

 

“นั่นตลกมากๆ ท่านราชินี”
หานเซิ่นรู้สึกหนาวกระดูกสันหลัง เขาพยายามอธิบาย “องค์ชายสิบสี่ต้องการใช้ข้าเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้ตัวราชินี มันไม่มีทางที่ข้าจะปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น”

 

อี๋ซาพยักหน้าและพูด “องค์ชายสิบสี่ต้องการตัวข้าจริงๆนั่นแหละ แต่เขาก็เป็นผู้สนับสนุนที่ทรงอำนาจกว่าองค์หญิงไป๋เวย เจ้าจะได้รับทรัพยากรมากกว่าถ้าติดตามเขา การเลือกติดตามไป๋เวยถือเป็นการตัดสินใจที่แย่”

 

“นี่ไป๋ชางลังมีความสำคัญมากถึงขนาดนั้นเลย?” หานเซิ่นคิดถึงความเป็นไปได้นี้

 

“แม่ของเขาเป็นเผ่าดราก้อน ด้วยเหตุนั้นเขาจึงได้รับการสนับสนุนจากทั้งดราก้อนและเอ็กซ์ตรีมคิง เขาใช้ทรัพยากรจากทั้ง 2 เผ่าพันธุ์ องค์หญิงไป๋เวยเป็นเพียงแค่ลูกของคนใช้ในเอ็กซ์ตรีมคิง และคนใช้คนนั้นก็ได้ตายไปแล้ว เมื่อเทียบกับราชวงศ์คนอื่นของเอ็กซ์ตรีมคิงแล้ว เบื้องหลังของไป๋เวยถือว่าด้อยกว่ามาก”

 

หลังจากเงียบไปชั่วครู่ อี๋ซาก็พูดต่อ “แต่เพราะอย่างนั้นถ้านางเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่เข้าตาจนก็อาจจะเป็นโอกาสให้กับเจ้า มันเป็นทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย การติดตามนางอาจจะไม่ได้เป็นการตัดสินใจที่แย่จนเกินไป”

 

หานเซิ่นเห็นด้วย แต่เขาไม่ได้มีแผนที่จะอยู่กับเอ็กซ์ตรีมคิงไปตลอด ทั้งหมดที่เขาต้องการก็คือการได้รับทรัพยากรที่มากขึ้น

 

ถึงแม้ไป๋เวยจะไม่ได้มีอำนาจมากที่สุดในราชวงศ์ แต่เธอก็ยังเป็นองค์หญิงคนหนึ่ง เธอยังมีโอกาสได้รับทรัพยากรเหนือกว่าสามัญชนคนไหนๆ แต่เธอก็จำเป็นต้องไขว่คว้าทรัพยากรเหล่านั้นมาด้วยตัวเอง

 

หานเซิ่นเก็บข้าวของและออกเดินทางไปกับไป๋เวย ในระหว่างการเดินทาง เขาใช้เวลาไปกับการสกัดพลังโกสต์โบนเพื่อพัฒนาวิชาเรื่องราวของยีน

 

แต่ถึงวิชาเรื่องราวของยีนจะก้าวหน้าไปด้วยดี แต่มันก็ยังคงอีกนานกว่าที่มันจะเลื่อนขึ้นสู่ระดับดยุก และถึงจะสกัดพลังโกสต์โบนจนหมด หานเซิ่นก็ไม่แน่ใจว่ามันจะทำให้วิชาเรื่องราวของยีนเลื่อนขึ้นสู่ระดับดยุกได้หรือเปล่า

 

เมื่อไป๋ชางลังเห็นหานเซิ่นขึ้นยานรบร่วมกับไป๋เวย องค์ชายสิบสี่ก็หยุดให้ความสนใจเขาอีก

 

ไป๋ชางลังต้องการหานเซิ่น เพราะเขาเกี่ยวข้องกับอี๋ซา เขาไม่ได้สนใจอะไรในตัวหานเซิ่น ดยุกคนหนึ่งไม่ได้มีค่าอะไรมาก ถ้าคนๆนั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคนที่แข็งแกร่งกว่า

 

แถมหานเซิ่นยังปฏิเสธคำเชิญของเขา นั่นทำให้ไป๋ชางลังไม่พอใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้คิดจะถือสาอะไรหานเซิ่น

 

ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่าที่ไป๋ชางลังปล่อยให้เรื่องนี้ตกไปก็เพราะเห็นแก่ไป๋เวย แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลจริงๆ ความจริงแล้วไป๋ชางลังยังคงต้องการตัวอี๋ซา และเนื่องจากเขายังมีวิธีอื่นที่จะรับตัวอี๋ซามา ดังนั้นเขาจึงยังไม่มีแผนที่จะทำอะไรหานเซิ่นในตอนนี้

 

ในสายตาของไป๋ชางลัง หานเซิ่นตัดสินใจผิดพลาดที่เลือกไป๋เวย เขาคิดว่าอีกไม่นานหานเซิ่นก็จะเสียใจกับการตัดสินใจนั้น

 

“เจ้าพามาแค่นางอย่างนั้นหรอ?” ไป๋เวยถามด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นลูกสาวตัวน้อยของหานเซิ่น

 

เอ็กซ์ตรีมคิงไม่ใช่สถานที่สำหรับเด็ก แทนที่จะพาหานเมิ่งเอ๋อที่แข็งแกร่งมา หานเซิ่นกลับพามาแค่เด็กเล็กคนหนึ่ง นั่นทำให้ไป๋เวยขมวดคิ้ว

 

“เป่าเอ๋อและข้าใกล้ชิดกันมากๆ ถ้าไม่มีข้าอยู่ นางจะนอนไม่หลับ” หานเซิ่นยิ้นและไม่ได้อธิบายอะไรมากกว่านั้น

 

ซีโน่เจเนอิคสเปชหลักของเอ็กซ์ตรีมคิงถูกรู้จักกันในชื่ออาณาจักรของกษัตริย์ มันเป็นระบบจักรวาลที่ใหญ่มากๆ และมันเกือบจะใหญ่เท่ากับระบบจักรวาลเคออส

 

ไป๋เวยเป็นคนในราชวงศ์ แต่เธอไม่ได้อาศัยอยู่ในพระราชวัง ราชาไป๋ต้องการให้คนในราชวงศ์พึ่งพาตัวเอง ดังนั้นพวกเขาแต่ละคนจะได้รับดาวดวงหนึ่งในอาณาจักรของกษัตริย์

 

ดวงดาวของไป๋เวยมีชื่อว่าดาววินด์โซน เมื่อหานเซิ่นไปถึงที่นั่น เขาก็เข้าใจทันทีว่าทำไมไป๋เวยถึงได้มีช่วงเวลาที่ยากลำบาก

 

สภาพแวดล้อมของดาววินด์โซนนั้นแย่มากๆ และมันก็มีทรัพยากรอยู่เพียงน้อยนิด ดูเหมือนว่าไป๋เวยจะได้รับดาวเริ่มต้นที่ไม่ยุติธรรม มันไม่มีสมาชิกของราชวงศ์คนไหนควรจะได้รับดาวที่รกร้างแบบนี้

 

หลังจากที่พาหานเซิ่นไปยังที่พักอาศัยของเขา ไป๋เวยก็หันมาพูดกับเขาอย่างจริงจัง
“ตอนนี้เจ้าก็เห็นเงื่อนไขที่ไม่ยุติธรรมของข้าแล้ว ข้าตั้งใจจะทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาจากท่านพ่อให้สำเร็จ ด้วยการนำรังของอันดายอิ้งเบิร์ดกลับไป ถ้าข้าทำแบบนั้น ข้าก็จะได้รับดวงดาวที่มีทรัพยากรมากมาย แต่ตอนนี้ข้าไม่มีอะไร ดังนั้นพวกเราไม่มีเวลาจะมาผ่อนคลาย พวกเราจะเริ่มงานพรุ่งนี้เลย”

 

ไป๋เวยอาศัยอยู่ในปราสาทที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง แต่เมืองแห่งนี้ดูสภาพแย่มากๆ

 

คนใช้และอัศวินในปราสาทของเธอต่างก็เป็นคนที่มีฐานะทางสังคมต่ำ มันเห็นได้ชัดว่าไป๋เวยมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการอาศัยอยู่ที่นี่

 

“เจ้ามีศัตรูภายในเผ่าพันธุ์บ้างไหม?” หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา

 

ใบหน้าของไป๋เวยไม่ได้เปลี่ยน “ถึงข้าจะเป็นคนของราชวงศ์ แต่แม่ของข้าเป็นเพียงแค่คนใช้ มันไม่มีทางที่ข้าจะกลายเป็นผู้นำหรืออะไรทำนองนั้นได้ ตราบใดที่ข้าไม่ไปท้าทายคนอื่นๆ ข้าก็จะไม่ถูกรบกวนอะไร แต่องค์หญิงสิบและแม่ของนางนั้นต่างออกไป”

 

หานเซิ่นฟังอย่างตั้งใจ แต่ดูเหมือนไป๋เวยไม่อยากจะพูดเกี่ยวกับมัน เธอแค่บอกให้หานเซิ่นไปพักผ่อน หลังจากนั้นเธอก็จากไป

 

แต่ถึงเธอจะไม่ได้อธิบายอะไรมาก แต่หานเซิ่นก็พอจะคาดเดาได้

 

เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องการแก่งแย่งกันภายในราชวงศ์มาก่อน

 

แต่เรื่องภายในของเอ็กซ์ตรีมคิงไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับหานเซิ่น เขาสนใจแค่วิธีการที่จะได้รับทรัพยากรจากเอ็กซ์ตรีมคิง

 

ไม่นานหานเซิ่นก็ได้รู้ว่าเอ็กซ์ตรีมคิงมีทรัพยากรอยู่ทุกหนทุกแห่ง พวกเขามั่งคั่งกว่าปราสาทนภามาก แต่ทรัพยากรที่นี้จำเป็นต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มา

 

แน่นอนว่าคนธรรมดาไม่สามารถแตะต้องทรัพยากรที่มีค่าได้ แต่ไป๋เวยเป็นคนของราชวงศ์คนหนึ่ง ดังนั้นมันจึงมีโอกาสสำหรับเธอที่จะชิงทรัพยากรมา

 

วันรุ่นขึ้นหานเซิ่นถูกไป๋เวยเรียกให้ไปพบที่ห้องโถงของปราสาท ที่นั่นพวกเขาพูดคุยกันถึงวิธีการที่จะเข้าไปในสุสานของทหารและกษัตริย์

 

สุสานของทหารและกษัตริย์ไม่ได้เป็นสุสานจริงๆ มันคือคลังอาวุธ อาวุธที่เก็บอยู่ที่นั่นถูกใช้โดยกษัตริย์แต่ละองค์

 

แน่นอนว่าสุสานไม่ได้เก็บเพียงแค่อาวุธที่กษัตริย์รุ่นก่อนเคยใช้ในช่วงปลายชีวิต มันยังเก็บอาวุธที่พวกเขาเคยใช้ในตอนหนุ่มๆด้วย

 

คนหนุ่มสาวในราชวงศ์สามารถเข้าไปในสุสานของทหารและกษัตริย์ได้ และถ้าพวกเขาโชคดี พวกเขาก็จะได้รับการยอมรับจากอาวุธที่ถูกเก็บอยู่ที่นั่น แบบนั้นพวกเขาก็สามารถจะนำอาวุธออกมาจากสุสานและใช้มันเป็นอาวุธของตัวเองได้

 

แต่การจะเข้าไปที่นั่นก็ต้องผ่านการทดสอบให้ได้ซะก่อน ไป๋เวยเคยรับการทดสอบหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็ล้มเหลวทุกครั้ง ดังนั้นเธอจึงไม่เคยได้รับสิทธิ์ให้เข้าไปในสุสานของทหารและกษัตริย์มาก่อน

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset