Super God Gene – ตอนที่ 2312

ไป๋อู๋ฉางถูกห้อยหัวลงมาราวกับกระต่ายที่ถูกจับ ข่าวนั้นแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟป่า มันกลายเป็นเรื่องราวที่รู้กันอย่างกว้างขาง ไป๋อู๋ฉางฝ่ายแพ้และถูกห้อยหัวโดยดยุกคนหนึ่ง และดยุกคนนั้นก็คือราชองครักษ์ของไป๋เวย ในตอนแรกไม่มีใครเชื่อเรื่องนั้น

 

เพราะยังไงซะไป๋อู๋ฉางก็มีร่างกายแห่งราชัยภูตผีที่มีชื่อเสียง เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่แม้แต่ยอดฝีมือระดับราชันก็ยังต้องปวดหัว อย่างนั้นแล้วเขาจะพ่ายแพ้ให้กับดยุกคนหนึ่งได้ยังไง

 

แต่ไม่นานคนที่ไม่เชื่อก็พบว่ามันเป็นความจริง ราชวงศ์บางคนได้อัดวิดีโอการต่อสู้ระหว่างหานเซิ่นกับไป๋อู๋ฉางเอาไว้และถ่ายทอดไปในอินเตอร์เน็ตทั่วทั้งเอ็กซ์ตรีมคิง

 

“ว้าว! เจ้านี่เป็นใครกัน? เขามีวิชามีดที่ลับๆล่อๆอะไรขนาดนั้น”

 

“มันลับๆล่อๆเกินไป เขาไม่ได้รับชัยชนะอย่างซึ่งๆหน้า ด้วยการใช้มีดเส้นไหมล่องหนเพื่อทำให้องค์ชายอู๋ฉางหมดพลัง ข้าไม่เรียกวิธีแบบนี้ว่าการต่อสู้”

 

“เจ้าไม่รู้อะไร นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ดยุกคนนี้เป็นคนที่น่ากลัว”

 

“ปกติแล้วร่างกายแห่งราชันขององค์ชายอู๋ฉางจะถูกสัมผัสไม่ได้ แต่ดยุกคนนั้นก็ยังรัดตัวองค์ชายอู๋ฉางเอาไว้ได้อยู่ดี พลังของชายคนนั้นน่าสะพรึงกลัว มันดูคล้ายคลึงกับวิชามีดเขี้ยวดาบของรีเบท แต่วิชามีดเขี้ยวดาบสร้างมีดเส้นไหมแบบนั้นไม่ได้ และมันก็ไม่มีทางที่จะสัมผัสร่างกายแห่งราชันภูตผีได้”

 

การต่อสู้ของทั้งคู่กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ร้อนแรง ทุกคนเคยชินกับเรื่องราวที่ไป๋อู๋ฉางจะเลือกเหยื่อคนหนึ่งเพื่ออัดด้วยพลังของเขา แต่ทุกคนไม่รู้ว่าควรจะมีปฏิกิริยาอย่างไร เมื่อไป๋อู๋ฉางถูกดยุกคนหนึ่งเล่นงานซะเอง ความรู้สึกที่เกิดจากเรื่องนี้เป็นอะไรที่ยากจะอธิบาย

 

ตอนนี้องค์ชายและองค์หญิงทุกคนต่างก็ประพฤติตัวอย่างเก้ๆกังๆ เพราะยังไงซะราชาไป๋ก็เอ็นดูไป๋อู๋ฉางเป็นอย่างมาก และเขาก็ยังเป็นคนที่อวดดี แต่ลึกๆแล้วองค์ชายและองค์หญิงคนอื่นๆไม่เห็นด้วยเรื่องที่ว่าเขาคือคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุด ชื่อเสียงรวมกับการถูกปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ ทำให้องค์ชายและองค์หญิงส่วนใหญ่ต่างก็รู้สึกอิจฉา

 

แต่ตอนนี้ไป๋อู๋ฉางถูกสั่งสอนบทเรียนโดยราชองครักษ์คนหนึ่ง องค์ชายและองค์หญิงหลายคนรู้สึกสะใจที่เห็นเขาถูกสั่งสอนบทเรียนซะบ้าง

 

“เขามีพรสวรรค์แล้วยังไง? เขาก็แค่คนโง่เง่าที่มีแขนขาที่ทรงพลัง! เขาถูกดยุกคนหนึ่งเล่นงานแบบนั้น เขาเป็นที่น่าอับอาย แต่แล้วท่านพ่อก็ยังปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดี” องค์ชายคนหนึ่งหัวเราะเยาะเมื่อได้เห็นวิดีโอ

 

ท่านหญิงมิร์เรอร์ดูวิดีโอซ้ำหลายต่อหลายครั้ง และเธอก็ดูตกใจมากขึ้นทุกการดูซ้ำ

 

สิ่งที่เธอได้เห็นภายในสุสานทหารและกษัตริย์นั้นต่างกันโดยสิ้นเชิงจากสิ่งที่เธอกำลังเห็นในตอนนี้ มันทำให้ท่านหญิงมิร์เรอร์สงสัยว่าดยุกที่อยู่ในวิดีโอนี้ใช่หานเซิ่นคนเดียวกับที่เธอเห็นในสุสานจริงๆหรือเปล่า

 

ภายในสุสานหานเซิ่นใช้แค่พละกำลังในการต่อสู้ เขาเป็นเหมือนกับวานรใช้กล้ามเนื้อบดขยี้ทุกอย่างที่เข้ามาหา

 

แต่ในการต่อสู้นี้หานเซิ่นดูร้ายกาจและเหลี่ยมจัด เขาชักใยไป๋อู๋ฉางตั้งแต่ต้นจนจบ และไป๋อู๋ฉางก็ไม่สามารถปลดปล่อยพลังของร่างกายแห่งราชันภูตผีของตัวเองได้

 

“เป็นกลยุทธ์และวิชามีดที่ทรงพลังและมหัศจรรย์อะไรขนาดนี้ นี่เขาเรียนรู้มันมาจากปราสาทนภาอย่างนั้นหรอ? แต่วิชามีดของปราสาทนภาจะกำราบร่างกายแห่งราชันภูตผีได้ยังไงกัน?” ท่านหญิงมิร์เรอร์จ้องมองวิดีโออย่างครุ่นคิด

 

ทันใดนั้นสายตาของท่านหญิงมิร์เรอร์ก็ไปหยุดอยู่ที่มือของหานเซิ่น วิดีโอนั้นไม่ได้ชัดมากนัก ดังนั้นท่านหญิงมิร์เรอร์จึงไม่แน่ใจว่าเธอกำลังเห็นอะไร

 

“ซูมเข้าไปตรงนี้และเพิ่มความคมของภาพ” ท่านหญิงมิร์เรอร์บอกคนของเธอขณะที่ชี้นิ้วไปที่มือขวาของหานเซิ่น

 

ภาพซูมเข้าไปและเผยให้เห็นแหวนเงินบนนิ้วของหานเซิ่น

 

ในจังหวะที่ท่านหญิงมิร์เรอร์เห็นแหวนนั่น ใบหน้าของเธอก็ซีดไป เธอกัดฟันขณะที่จ้องมองไปที่มัน ใบหน้าที่มีเสน่ห์และดูสงบนิ่งของเธอหายไป เธอดูต่างออกไปราวกับเป็นคนละคน

 

‘แหวนนั่น… ทำไมเขาถึงมีมันอยู่ได้? เขาพบมันภายในสุสานทหารและกษัตริย์อย่างนั้นหรอ?’ สีหน้าของท่านหญิงมิร์เรอร์ในตอนนี้ยากจะอ่านได้

 

เธอจ้องมองแหวนบนนิ้วมือของหานเซิ่นอยู่สักพัก ก่อนที่เธอจะกลับไปที่ห้องนอน

 

หลังจากปิดประตูห้อง ท่านหญิงมิร์เรอร์ก็นำเอากล่องออกมาจากใต้เตียง เธอดูลังเลในตอนแรก แต่หลังจากนั้นเธอก็ค่อยๆเปิดมันออก เธอมองไปข้างในด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน

 

ในกล่องมีแหวนเงินอยู่ มันประดับด้วยมรกตที่ดูเหมือนกับดวงตา มันเหมือนกับแหวนที่หานเซิ่นได้มาจากสุสานทหารและกษัตริย์ แต่แหวนวงนี้มีขนาดเล็กกว่าของหานเซิ่น

 

ท่านหญิงมิร์เรอร์สัมผัสแหวนที่อยู่ในกล่อง แต่เธอไม่ได้เอามันออกมา หลังจากนั้นเธอก็ปิดกล่องและเอามันไปเก็บที่เดิม

 

สีหน้าของท่านหญิงมิร์เรอร์กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง แต่ในดวงตาของเธอยังคงดูไม่สบายใจ

 

ท่านหญิงมิร์เรอร์หันหลังกลับเพื่อออกไปจากห้อง แต่เธอลังเลและเดินกลับมาที่เตียงอีก ดวงตาของเธอดูจริงจัง ขณะที่เธอเอากล่องออกมาอีกครั้ง เธอหยิบแหวนขึ้นมาสวมและพูดกับตัวเอง

“เจ้าอาจจะซ่อนมันมาหลายปี แต่เจ้าไม่อาจจะซ่อนมันไปได้ตลอดการ เจ้าคงจะไม่ได้คิดว่าแหวนนั้นจะมาตกอยู่ในมือดยุกคนหนึ่ง ถ้าเจ้ารู้เรื่องนี้ เจ้าก็คงจะโมโหน่าดู”

 

หลังจากนั้นท่านหญิงมิร์เรอร์ก็หัวเราะออกมา เธอหัวเราะอย่างหนักถึงขนาดที่น้ำตาเริ่มไหลออกมา

“น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ… หานเซิ่นคนนี้เป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ”

 

ภายในพระราชวังของเอ็กซ์ตรีมคิง ผู้หญิงที่สง่างามกำลังมองดูไป๋อู๋ฉางฝึกฝนวิชามีด เธอขมวดคิ้วและพูด

“อู๋ฉาง ข้าบอกเจ้าแล้วยังไงว่าเมื่อเรียนรู้วิชาการต่อสู้ เจ้าจำเป็นต้องรู้จักปรับตัวให้มากกว่านี้ การพึ่งแค่ร่างกายแห่งราชันภูตผีเพียงอย่างเดียวนั้นเป็นแผนการที่แย่ ข้าหวังว่าเจ้าจะเรียนรู้จากประสบการณ์ในครั้งนี้ ถือซะว่ามันเป็นคำเตือน เจ้าจำเป็นต้องเรียนรู้จากกู่เยวียนอาจารย์ของเจ้ามากกว่านี้”

 

ไป๋อู๋ฉางไม่ตอบหรือแม้แต่จะหันไปมอง เขากำมีดแน่นและกวัดแกว่งมันผ่านอากาศ แต่เขาไม่ได้ใช้พลังอะไร เขาดูเหมือนกับสามัญชนที่กำลังฝึกการต่อสู้

 

“ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่ นี่เจ้าฟังอยู่หรือเปล่า?” เธอดูโกรธเล็กน้อยเมื่อไป๋อู๋ฉางเมินเฉยต่อคำพูดของเธอ

 

ในที่สุดไป๋อู๋ฉางก็หยุดมือและหันมามองผู้หญิงคนนั้น “ข้าจะไปที่ภูเขาเอ็กซ์ตรีม”

 

ผู้หญิงที่งดงามคนนั้นพูด “ไม่ ไม่มีทาง! นั่นมันเสี่ยงเกินไป”

 

“ข้าจะหาเส้นทางของตัวเอง” ไป๋อู๋ฉางพูดอย่างเรียบๆ หลังจากนั้นเขาก็ออกไปจากสนามฝึกอย่างไม่ลังเล

 

“อู๋ฉาง หยุดเดี๋ยวนี้! นี่เจ้าได้ยินข้าไหม? ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไปที่ภูเขาเอ็กซ์ตรีม นั่นมันเป็นไปไม่ได้…” ใบหน้าของผู้หญิงที่งดงามคนนั้นบิดเบี้ยว

 

แต่ไป๋อู๋ฉางเดินจากไปโดยไม่เหลียวมอง เขาพูดอย่างแน่วแน่

“ในตอนที่ข้าออกมาจากภูเขาเอ็กซ์ตรีม ข้าจะไปต่อสู้กับหานเซิ่นอีกครั้ง”

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset