Super God Gene – ตอนที่ 2344

หานเซิ่นรู้สึกปวดหัว ผู้คนพูดถึงแต่เรื่องของเขาและเรื่องของคิงอีซที่เขาดูดซับเข้าไป ตอนนี้เขาเป็นเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนต้องมาเยี่ยมเยียนสักครั้ง แม้แต่คนที่ไม่สนใจในเรื่องการเมืองก็เข้าร่วมการพูดคุยและหลงใหลในความคิดที่ว่าองค์ชายที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อนจู่ๆก็กลายเป็นองค์ชายที่มีชื่อเสียง แม้แต่ราชาไป๋ก็ยังหันมาสนใจเขามากขึ้น มันมีโอกาสสูงที่เขาจะกลายเป็นบุคคลสำคัญของเอ็กซ์ตรีมคิงหรือแม้แต่กลายเป็นรัชทายาทคนใหม่

 

แต่หานเซิ่นรู้ว่าหลายคนยังคงสงสัยในตัวตนของเขา คนของราชวงศ์หลายคนแวะมาเยี่ยมเขา และพวกเขาทุกคนต่างก็พยายามจะทดสอบหานเซิ่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าเพื่อนแย่ๆของไป๋อี้ พวกเขาต้องการจะถลกหนังของหานเซิ่นและดูกระดูกที่อยู่ภายใน

 

หานเซิ่นใช้ข้ออ้างว่าจำเป็นต้องพักฟื้นเพื่อหลีกเลี่ยงผู้คนแบบนั้น

 

แน่นอนว่าร่างกายของหานเซิ่นก็กำลังประสบกับปัญหาเช่นกัน สัญลักษณ์คิงอีซประสานเข้าไปในเซลล์ของเขา ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งกว่าพลังชีวิต มันยากสำหรับเขาที่จะหมุนเวียนกระแสพลัง

 

แต่นั่นไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไรสำหรับหานเซิ่น เพราะเรื่องราวของยีนยังสามารถใช้งานได้ปกติ ตราบใดที่เรื่องราวของยีนสามารถเพิ่มระดับขึ้นได้ เขาก็สามารถดูดซับพลังของคิงอีซได้

 

ตอนนี้หานเซิ่นขาดแค่ยีนระดับดยุกเท่านั้น เขาจำเป็นต้องมียีนระดับดยุกหนึ่งร้อยพ้อยเพื่อปลดล็อคยีนของเรื่องราวของยีน การปลดล็อคสัก 2-3 ยีนควรจะทำให้เขาดูดซับพลังของคิงอีซไปได้หมด

 

ในตอนที่กัปตันวอเทอร์มูนมาเยี่ยม เธอก็รักษาบาดแผลจากการระเบิดให้กับเขา ดังนั้นนอกจากการที่ไม่สามารถใช้พลังได้แล้ว หานเซิ่นก็เป็นปกติ

 

ร่างกายของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของคิงอีซ ถ้าใครบางคนต้องการทำร้ายเขา คนๆนั้นก็ต้องได้รับการยินยอมจากคิงอีซซะก่อน ในตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกว่าไม่แม้แต่จะต้องใช้พลังงานของตัวเองในการต่อสู้ ตอนนี้เขาสามารถใช้พลังของคิงอีซเพื่อต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าได้

แต่อย่างหนึ่งที่แย่ก็คือพลังของคิงอีซไม่สามารถทำงานด้วยตัวเองได้ หานเซิ่นจำเป็นต้องสัมผัสกับคนอื่นเพื่อใช้พลังของคิงอีซที่อยู่ภายในร่างกายของเขา

 

‘ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องไปออกล่าซีโน่เจเนอิค’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง เขาพากิเลนโลหิตออกไปนอกเมือง บนดาววอเทอร์โซนไม่ได้มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับซีโน่เจเนอิค แต่มันพอจะมีซีโน่เจเนอิคระดับดยุกอาศัยอยู่บ้าง พวกมันเป็นซีโน่เจเนอิคที่ถูกไป๋อี้มองข้าม ส่วนซีโน่เจเนอิคระดับราชันที่อาศัยอยู่บนดวงดาวนั้นถูกไป๋อี้ฆ่าตายไปเรียบร้อยแล้ว

 

“ทำได้ดีมากๆ เจ้าได้รับการคุ้มครองจากคิงอีซ นี่เป็นแผนการที่เจ้าวางเอาไว้เพื่อผลักดันตัวเองไปสู่ระดับราชันอย่างนั้นหรอ? พี่สาวคนนี้ควรจะเริ่มเรียกเจ้าว่าราชาเลยดีไหม?”
หานเซิ่นออกจากเมืองใต้น้ำไปได้ไม่นาน ผู้หญิงคนหนึ่งก็ปรากฏตัวด้านข้างเขา

 

“ทำไมพี่สาวถึงมาที่นี่? พี่สาวไม่กลัวถูกคนอื่นจับได้อย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นมองไปรอบๆ โชคดีที่มันไม่ได้มีคนอาศัยอยู่บนดาววอเทอร์โซนมากนัก และไป๋อี้ก็ไม่ได้จ้างคนเพื่อมาคอยตรวจตาเช่นกัน ส่วนผู้คนของหลันไห่ซินก็คอยเฝ้าอยู่แค่ในเมืองเท่านั้น

 

“มีอะไรต้องกลัว? น้องชายคนดีของพี่กำลังจะกลายเป็นระดับราชัน แน่นอนว่าพี่สาวจะต้องมาเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของน้องชาย”
ราชินีจิ้งจอกพูด เธอขยับเข้ามาใกล้หานเซิ่นและพิงอกของเขา

 

“พี่สาวยังมีเวลามาล้อเล่นอีกอย่างนั้นหรอ น้องชายกำลังจะถึงวาระสุดท้ายในเร็วนี้” หานเซิ่นยิ้มแห้งๆออกมา

 

ราชินีจิ้งจอกยื่นมือออกไปเพื่อสัมผัสหน้าผากของหานเซิ่น เธอพูดกับเขาอย่างอ่อนโยน
“เจ้ารู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างนั้นหรอ? ถ้าอย่างนั้นทำไมเจ้าถึงได้ทำตัวเป็นจุดเด่นแบบนั้น? เจ้าก่อเรื่องใหญ่ 2 เรื่องติดๆกันและนำปัญหามาสู่ตัวเอง แม้แต่พวกเราจิ้งจอกเปลี่ยนร่างก็ไม่กล้าทำตัวเป็นจุดเด่นอย่างเจ้า มันเหมือนกับว่าเจ้ากลัวว่าคนอื่นจะจดจำเจ้าไม่ได้”

 

“ข้าไม่ได้คิดว่าเหตุการณ์มันจะออกมาเป็นแบบนี้” หานเซิ่นพูด

 

ราชินีจิ้งจอกกรอกตาและพูด “ข้าช่วยเจ้าในเรื่องนี้ไม่ได้ คนอื่นอาจจะยอมรับในสิ่งที่เจ้าทำลงไป แต่ราชาไป๋ต้องสงสัยในตัวตนที่แท้จริงของเจ้าอย่างแน่นอน ถ้าข้าคาดเดาได้ถูกต้องล่ะก็ เขาจะขอให้คุณหญิงมิร์เรอร์มาสืบความจริงจากเจ้า ผู้หญิงคนนี้โหดร้ายมากๆ และนางก็ทำลายเผ่าพันธุ์ต่างๆมามากมาย ข้าไม่รู้ว่ามียอดฝีมือระดับเทพเจ้ากี่คนแล้วที่ถูกนางโค้นล้ม ถ้านางสังเกตได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับเจ้าล่ะก็ เจ้าก็เตรียมตัวตายได้เลย”

 

“พี่สาวได้โปรดช่วยบอกข้าหน่อยว่าควรทำยังไง”
หานเซิ่นรีบพูด ถ้าราชินีจิ้งจอกอุส่ามาถึงที่นี่ มันก็ไม่มีทางที่เธอจะมาแค่หยอกล้อเขาเพียงอย่างเดียว

 

ราชินีจิ้งจอกบีบแก้มของหานเซิ่นและยิ้ม “เนื่องจากเจ้าเป็นน้องชายคนดีของข้า ข้ามีไอเดียอย่างหนึ่ง แต่มันขึ้นอยู่กับว่าเจ้ากล้าพอหรือเปล่า”

 

“มันคืออะไร?” หานเซิ่นถาม

 

ราชินีจิ้งจอกถอนหายใจและพูด “ในเมื่อเจ้ารู้เกี่ยวกับเชอร์ ข้าก็จะไม่ปกปิดอะไรอีก ข้าต้องการสมบัติชิ้นหนึ่งของเอ็กซ์ตรีมคิง แต่ตอนนี้พวกเราเจอเข้ากับปัญหาบางอย่าง เพราะแบบนั้นพวกเราจึงต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า ถ้าเจ้าช่วยข้าชิงสมบัตินั้นมา พวกเราก็จะหนีจากเอ็กซ์ตรีมคิงไปด้วยกัน หลังจากนั้นเจ้ากับข้าก็หายไปจากโลกใบนี้ร่วมกัน นั้นไม่ฟังดูโรแมนติกหรอกหรอ?”

 

“ท่านต้องการของอะไรกันแน่ และข้าจะไปเอามันได้จากที่ไหน?”
หานเซิ่นไม่กล้าให้สัญญา และเขาก็แกล้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินประโยคทิ้งท้ายที่เธอพูด

 

ถ้าแม้แต่คนที่แข็งแกร่งอย่างราชินีจิ้งจอกยังไม่สามารถเอาสิ่งที่เธอต้องการมาได้ นั่นก็ไม่ใช่ลางที่ดี สมบัติอะไรก็ตามที่เธอต้องการนั้นต้องเป็นอะไรที่ยากจะเอามาได้

 

ราชินีจิ้งจอกพูดอย่างไม่ลังเล “มันก็คือสิ่งที่อยู่ในหอคอยแห่งโชคชะตา แม้แต่ราชวงศ์ของเอ็กซ์ตรีมคิงก็เข้าไปข้างในไม่ได้ นอกซะจากคนคนนั้นจะทำความดีความชอบอย่างใหญ่หลวงถึงจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในหอคอยได้ ข้าลองพูดกับไป๋ชางลังแล้ว แต่เขาพาข้าเข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตาไม่ได้”

 

“ถ้าไป๋ชางลังยังเข้าไปไม่ได้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ท่านจะมาขอความช่วยเหลือจากข้า”
หลังจากที่ได้ยินว่าเป้าหมายของเธอคือหอคอยแห่งโชคชะตา หานเซิ่นก็รู้ว่าไม่สามารถร่วมมือกับเธอได้ การขโมยสมบัติจากสถานที่แบบนั้นไม่ต่างอะไรไปจากการฆ่าตัวตาย

 

ตั้งแต่ที่หานเซิ่นได้เห็นหอคอยแห่งโชคชะตาของเอ็กซ์ตรีมคิง เขาก็สนใจมันมาโดยตลอด เขาได้ค้นคว้าเกี่ยวกับมันอย่างละเอียด ตั้งแต่ที่เขาสวมรอยเป็นไป๋อี้ เขาก็ได้เรียนรู้บางสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับที่แห่งนั้น และเขายังได้รู้ว่าจริงๆแล้วหอคอยแห่งโชคชะตาเป็นสถานที่ที่ลึกลับและน่ากลัวขนาดไหน

 

ถึงหานเซิ่นอยากจะรู้เกี่ยวกับหอคอยนั่นมากแค่ไหน แต่เขายังไม่คิดจะทำอะไรตอนนี้ เขาจะไม่ยอมให้ราชินีจิ้งจอกหลอก

 

แถมเขาก็ไม่เชื่อใจราชินีจิ้งจอก เธอพูดว่าจะหนีไปด้วยกัน แต่หานเซิ่นไม่เชื่อเธอ

ราชินีจิ้งจอกวางนิ้วมือลงบนริมฝีปากของหานเซิ่นและพูด
“ไป๋อี้อาจจะเข้าไปไม่ได้ แต่เจ้าต่างออกไป เจ้าปลุกรูปปั้นอัลฟ่าของเอ็กซ์ตรีมคิงให้ตื่นขึ้นมาและเจ้ายังเป็นคนที่ได้รับสัญลักษณ์คิงอีซจำนวนมาก มันควรจะไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไปถ้าเจ้าจะเข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตา”

 

“ข้าจะเข้าไปได้ยังไง?” หานเซิ่นถาม เขาไม่ได้คิดจะช่วยเธอ แต่ตัวเขาเองก็อยากจะเข้าไปข้างในเช่นกัน การได้ฟังไอเดียของราชินีจิ้งจอกเกี่ยวกับวิธีการเข้าไปข้างในถือเป็นเรื่องดี บางทีไอเดียของเธออาจจะเป็นอะไรที่มีประโยชน์ก็ได้

 

“สัญญาว่าจะร่วมมือกับข้า และเจ้าจะได้รู้”
นิ้วอันเรียวยาวของราชินีจิ้งจอกสัมผัสแก้มของหานเซิ่น เธอยิ้มและพูดต่อ
“เจ้าเก็บมันไปคิด แต่เจ้ามีเวลาไม่มากนัก ข้าหวังว่าครั้งต่อไปที่ข้ามาหาเจ้า เจ้าจะมอบคำตอบที่ถูกใจให้กับข้า”

 

หลังจากนั้นราชินีจิ้งจอกก็บินออกไปจากน้ำและหายลับไป

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset