Super God Gene – ตอนที่ 2346

ฉู่หนานล็อคประตูเพื่อขังหานเซิ่นและกิเลนโลหิตเอาไว้ข้างใน และในตอนที่เขากำลังจะจากไป คนๆหนึ่งก็เดินเข้ามา คนๆนั้นก็คือองค์ชายดาบดารา

 

“องค์ชาย” ฉู่หนานและคนของเขาโค้งคำนับอย่างสุภาพ

 

“ทำได้ดีมาก เจ้าหน้าที่ฉู่” องค์ชายดาบดาราพูด หลังจากนั้นเขาก็เดินไปตรงหน้าห้องขังและมองไปที่หานเซิ่น
“พี่สิบหก ตอนนี้พี่รู้สึกเป็นยังไงบ้าง”

 

“ที่นี่ค่อนข้างสะดวกสบาย ข้าได้รับอาหารกับที่ซุกหัวนอนแบบฟรีๆ และข้าก็ชอบบรรยากาศผ่อนคลายของที่นี่ ทำให้ข้าไม่แน่ใจว่าอยากจะออกไปหรือเปล่า” หานเซิ่นตอบขณะที่นอนลงบนเตียง

 

องค์ชายดาบดาราหัวเราะ “ไป๋อี้ เจ้าคิดจริงๆหรือว่าจะไม่มีใครแตะต้องเจ้าได้เพราะเจ้าเป็นองค์ชายคนหนึ่ง? เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเจ้าจะล้างความผิดของกิเลนโลหิตได้?”

 

“แล้วถ้าข้าคิดแบบนั้นจริงๆล่ะ?” หานเซิ่นยังคงนอนอย่างผ่อนคลายอยู่บนเตียง เตียงของที่นี่ค่อนข้างแข็ง แต่สำหรับคนที่เคยชินกับการนอนบนที่หยาบๆอย่างหานเซิ่นแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

 

องค์ชายดาบดาราไม่ถูกใจท่าทางของหานเซิ่นเท่าไหร่ เขาจึงเย้นหยันด้วยการพูดขึ้นมา
“เจ้าจะไร้เดียงสาเกินไปแล้ว ศาลยุติธรรมไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะมาทำอะไรก็ได้ ถึงเจ้าจะเป็นองค์ชาย แต่ตามประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน แม้แต่องค์รัชทายาทก็เคยถูกขังคุก”

 

“ข้ารู้ บ้านเมืองมีกฎหมาย และนี่ก็คือสิ่งที่ควรจะเป็น” หานเซิ่นยังคงนอนอย่างผ่อนคลายและทำเหมือนกับว่าเขาไม่สนใจ

 

องค์ชายดาบดารามาหาหานเซิ่นก็เพื่อฉลองชัยชนะ แต่เมื่อเห็นหานเซิ่นเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชนะอีกต่อไป เขารู้สึกรำคาญมากกว่า

 

หานเซิ่นไม่ได้ต้องการใช้ชีวิตอยู่ในคุก โชคดีที่เขารู้มาจากราชินีจิ้งจอกว่าคุณหญิงมิร์เรอร์กำลังสืบเรื่องตัวตนที่แท้จริงของเขา เขารู้ว่าตัวเองจะถูกขังอยู่ในคุกเพียงไม่นาน เพราะไม่อย่างนั้นคุณหญิงมิร์เรอร์ก็จะสืบสวนเกี่ยวกับตัวจริงของเขาไม่ได้ ถ้าเขาได้รับโทษจำคุกสิบปีจริงๆ

 

องค์ชายดาบดาราไม่ได้รู้ว่าคุณหญิงมิร์เรอร์กำลังสืบเรื่องหานเซิ่นอยู่ ขณะที่เขามองไปที่หานเซิ่น เขาก็สังเกตเห็นกิเลนโลหิต เขาขมวดคิ้วและหันไปถามฉู่หนาน
“เจ้าหน้าที่ฉู่ พี่สิบหกของข้าเป็นถึงองค์ชาย เขาจะมีห้องขังส่วนตัวไม่ได้หรือยังไง?”

 

“ไม่เป็นไร ข้าชอบแบบนี้” หานเซิ่นพูดก่อนที่ฉู่หนานจะมีโอกาสได้ตอบ

 

เพราะยังไงซะเขาก็เป็นคนที่ขอให้ฉู่หนานขังกิเลนโลหิตร่วมกับเขา ด้วยเหตุนั้นเขาจึงต้องพูดอะไรบางอย่าง

 

ฉู่หนานพูด “สำหรับตอนนี้เขาถูกขังเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น การขังพวกเขาเอาไว้ด้วยกันจะทำให้อะไรๆง่ายขึ้นเมื่อถึงเวลาพิพากษา”

 

องค์ชายดาบดาราเบะปากด้วยความเย้ยหยัน “ไป๋อี้ นี่เจ้าไร้เดียงสาถึงขนาดที่คิดว่ามันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าเจ้าเป็นคนรับผิดแทนอย่างนั้นหรอ? ข้าขอบอกเจ้าตอนนี้เลยว่าเจ้าจะถูกขังคุกจริงๆและกิเลนโลหิตก็จะถูกประหาร เจ้าทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้ นี่ก็คือผลที่ตามมาเมื่อเจ้าท้าทายข้า”

 

“ว้าว เจ้าทรงอำนาจจริงๆ ข้านับถือเจ้าเหลือเกิน” หานเซิ่นยังคงนอนอยู่บนเตียงและปรบมือด้วยท่าทางที่ดูไร้ความสนใจ

 

“เจ้า…” องค์ชายดาบดาราโกรธ เขาตะโกนบอกเหล่าเจ้าหน้าที่
“เอากิเลนโลหิตออกมา! แยกพวกเขาออกจากกันและปฏิบัติกับพวกเขาเป็นอย่างดี”

 

ฉู่หนานดูลังเล แต่เขาก็ยังบอกให้คนของเขาไปเปิดประตู

ที่เขาลังเลนั้นเป็นเพราะองค์ชายดาบดาราไม่ได้มีอำนาจสั่งการภายในศาลยุติธรรม แต่กัปตันของศาลยุติธรรมคือลุงขององค์ชายดาบดารา

 

“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ศาลยุติธรรมกลายเป็นถิ่นขององค์ชายคนหนึ่ง?” เสียงของผู้หญิงดังมาจากด้านนอก

 

เมื่อองค์ชายดาบดาราและฉู่หนานได้ยินเสียงนั้น สีหน้าของพวกเขาก็ซีดเผือก พวกเขาหันไปและเห็นคุณหญิงมิร์เรอร์ในชุดราชวงศ์

 

ฉู่หนานคับข้องใจอย่างมาก ศาลยุติธรรมของเอ็กซ์ตรีมคิงควรจะเป็นเหมือนหลุมนรกเมื่อคนอื่นได้ยินชื่อของมัน พวกเขาก็ควรจะพยายามหลีกเลี่ยงมัน แต่วันนี้มันเป็นเหมือนกับบาร์ที่ใครก็สามารถเข้าออกได้ตามใจชอบ

 

แต่ฉู่หนานไม่กล้าทำให้ผู้หญิงตรงหน้าโกรธ เขาโค้งคำนับและพูด
“คารวะคุณหญิงมิร์เรอร์”

 

องค์ชายดาบดารารีบโค้งคำนับเช่นเดียวกัน มันมีคนหลายคนในเอ็กซ์ตรีมคิงที่พวกเขาไม่สามารถยั่วโมโหได้ และคุณหญิงมิร์เรอร์ก็เป็นหนึ่งในนั้น องค์ชายดาบดาราเลือกจะทำให้ราชาไป๋โมโหดีกว่าที่จะยั่วให้ผู้หญิงคนนี้โกรธ

 

องค์ชายดาบดาราเป็นบุตรชายของราชาไป๋ ดังนั้นถึงราชาไป๋จะโกรธ เขาก็ไม่ทำอะไรลูกชายของตัวเองหนักจนเกินไป แต่คุณหญิงมิร์เรอร์นั้นต่างออกไป เธอมีชื่อเสียงในเรื่องความโหดร้ายและอารมณ์ที่ไม่แน่นอน ผู้คนที่มีอำนาจในเอ็กซ์ตรีมคิงมากมายถูกบดขยี้โดยกำมือของคุณหญิงมิร์เรอร์

 

“เจ้าหน้าที่ฉู่ ทำไมองค์ชายสิบหกถึงมาอยู่ที่นี่?” คุณหญิงมิร์เรอร์มองไปที่หานเซิ่นในห้องขัง

 

“เรียนพระขนิษฐา ในสวนของกษัตริย์พี่สิบหกได้ปล่อยให้องครักษ์ของเขา…” องค์ชายดาบดาราพยายามอธิบาย

 

“องค์ชายดาบดารา เจ้ามีตำแหน่งอะไรในศาลยุติธรรม?” คุณหญิงมิร์เรอร์หันไปมองที่องค์ชายดาบดารา

 

องค์ชายดาบดารารู้สึกหนาวจนถึงกระดูก และเขาก็พบว่าตัวเองไม่สามารถพูดอะไรได้อีก

 

“คุณหญิงมิร์เรอร์ มันมีการไต่สวนที่จำเป็นต้องพึ่งความร่วมมือขององค์ชายสิบหก” ฉู่หนานรีบพูดขึ้นมา เมื่อได้ยินโทนเสียงของคุณหญิงมิร์เรอร์

 

“ข้าเองก็ต้องการบางสิ่งจากไป๋อี้เช่นกัน สำหรับตอนนี้ข้าจะพาตัวเขากลับไปกับข้า” คุณหญิงมิร์เรอร์พูด ก่อนที่ฉู่หนานจะได้ตอบอะไร เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็เดินไปเปิดประตูและนำหานเซิ่นกับกิเลนโลหิตออกมาจากห้องขังเรียบร้อยแล้ว

 

“คุณหญิงมิร์เรอร์  นี่…” ฉู่หนานกำลังสองจิตสองใจ เขาจำเป็นต้องเลือกระหว่างปล่อยหรือไม่ปล่อยหานเซิ่นไป

 

“พระขนิษฐา การฆ่าฟันในสวนของกษัตริย์เป็นความผิดใหญ่หลวง” องค์ชายดาบดารารีบพูดขึ้นมา

 

ขณะเดียวกันโทรศัพท์ของฉู่หนานก็ดังขึ้นมา เขามองหมายเลขและรีบรับสาย หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาก็วางสายและหันมาพูดกับคุณหญิงมิร์เรอร์
“ทำไมคุณหญิงมิร์เรอร์ไม่รีบบอกพวกเราว่าท่านได้คุยกับกัปตันเรียบร้อยแล้ว? พวกเจ้ายังมัวอยู่ที่นี่ทำไมอีก? ออกไปให้หมด! อย่าได้รบกวนคุณหญิงมิร์เรอร์”

 

คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่แม้แต่จะมององค์ชายดาบดารา เธอเดินผ่านเขาไป

 

“น้องชาย ข้าไม่มีเวลามาดูการแสดงของเจ้า ถ้าในอนาคตเจ้าต้องการจะแสดงละครอะไร ได้โปรดโทรแจ้งข้าล่วงหน้า แบบนั้นข้าจะได้จัดเวลาถูก” หานเซิ่นเดินไปตรงหน้าองค์ชายดาบดาราและพูดกับเขาขณะที่จัดแขนเสื้อของตัวเอง หลังจากนั้นหานเซิ่นก็พากิเลนโลหิตเดินออกไปพร้อมกับเขา

 

“เจ้านั่น!” องค์ชายดาบดารารู้สึกโกรธ ดูเหมือนกับว่าเขากำลังจะหายใจออกมาเป็นไฟ ใบหน้าของเขาบูดเบี้ยวอย่างน่ากลัว

 

“อะไร? เจ้าไม่คิดจะขอบคุณที่ข้าช่วยเจ้าอย่างนั้นหรอ?” คุณหญิงมิร์เรอร์พูดกับหานเซิ่นขณะที่ขึ้นรถไป

 

“พระขนิษฐา ข้าคิดว่าพระขนิษฐามีเหตุผลที่ปล่อยข้าออกมา และข้าก็ยังต้องกลับไปที่นั่นในภายหลังอยู่ดี” หานเซิ่นตอบ เขามองตรงไปที่คุณหญิงมิร์เรอร์ขณะที่พูด

 

ใบหน้าของคุณหญิงมิร์เรอร์ยังคงสงบนิ่ง สายตาของเธอเย็นยะเยือกขณะที่เธอจ้องมองมาที่หานเซิ่น
“หานเซิ่น เจ้ากล้าดียังไง? เจ้าฆ่าองค์ชายคนหนึ่งไม่พอ เจ้ายังกล้าสวมรอยเป็นเขาอีก!”

 

เมื่อหานเซิ่นได้ยินเธอพูดอย่างนั้น หัวใจของเขาก็เต้นรัว แต่เขายังคงทำตัวปกติและพูด
“พระขนิษฐาหมายความว่ายังไง? ข้าไม่เห็นเข้าใจ”

 

คุณหญิงมิร์เรอร์ยังคงสงบนิ่ง เธอชี้ไปที่แหวนบนนิ้วมือของหานเซิ่น
“หานเซิ่น เจ้าไปได้แหวนวงนี้มาจากที่ไหน?”

 

“นี่เป็นสิ่งของของหานเซิ่น ข้าได้มันมาในตอนที่ข้าชิงร่างของเขา” หานเซิ่นพูด

 

คุณหญิงมิร์เรอร์หัวเราะ “เจ้าไม่รู้หรือยังไงว่าแหวนวงนี้เรียกว่ามิร์เรอร์สปิริตอาย? มันจะสะท้อนดวงวิญญาณคน ถ้าเจ้าเป็นไป๋อี้ เจ้าก็เชิญมองดูตัวเองในมิร์เรอร์สปิริตอาย มันจะบอกว่าวิญญาณของเจ้าเป็นของหานเซิ่นหรือไป๋อี้กันแน่”

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset