Super God Gene – ตอนที่ 2358

เนื่องจากหานเซิ่นไม่แน่ใจถึงเป้าหมายของคุณหญิงมิร์เรอร์ เขาจึงไม่กล้าทำอะไรเสี่ยงๆ เขาอยู่บนดาววอเทอร์โซนและใช้เวลาไปกับการล่าซีโน่เจเนอิคระดับดยุก เขาต้องการเก็บยีนระดับดยุกให้เต็ม

หานเซิ่นล่าซีโน่เจเนอิคและกินพวกมันเพื่อเพิ่มยีนระดับดยุกของเขา ยีนซีโน่เจเนอิคของพวกมันแต่ละชิ้นจะเพิ่มยีนระดับดยุกของเขาแค่หนึ่งพ้อยเท่านั้น ดังนั้นการเก็บยีนระดับดยุกจึงเป็นไปอย่างเชื่องช้า มันไม่ได้รวดเร็วอย่างการกินยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันที่จะมอบยีนระดับดยุกถึง 10 พ้อย

แต่หานเซิ่นไม่อยากจะก่อเรื่องใหญ่และทำตัวให้เป็นจุดเด่น ดังนั้นเขาจึงค่อยๆล่าซีโน่เจเนอิคระดับดยุกบนดาววอเทอร์โซนอย่างอดทน

“นี่คืออะไรกัน?” หานเซิ่นพบภูเขาลูกหนึ่งที่ก้นทะเล มันกำลังสไลด์ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ แต่หานเซิ่นสามารถบอกได้ว่ามันกำลังเคลื่อนที่อยู่จริงๆ

เมื่อหานเซิ่นขี่กิเลนโลหิตเข้าไปใกล้เพื่อจะสังเกตดูชัดๆ เขาก็รู้สึกตัวว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่ภูเขา แต่มันเป็นหอยสังข์ เปลือกหอยมีความสูงถึงหนึ่งร้อยเมตร มันมีสีดำเทา ซึ่งทำให้มันดูเหมือนกับก้อนหินเมื่อมองดูจากระยะไกล

ใต้หอยสังข์มีตัวหอยสีขาวเผยออกมาให้เห็น มันค่อยๆเคลื่อนที่ไปบนพื้นทรายของทะเลอย่างช้าๆ

เมื่อรู้สึกได้ถึงหานเซิ่นและกิเลนโลหิตที่เข้ามาใกล้ เจ้าหอยก็ปลดปล่อยแสงสีฟ้าออกมา มันปกคลุมอาณาเขตกว่าหนึ่งพันเมตร ซึ่งครอบคลุมทั้งหานเซิ่นและกิเลนโลหิต

กิเลนโลหิตโกรธ ลมปราณโลหิตของมันระเบิดออกมา ขณะที่มันพุ่งเข้าไปหาหอยสังข์ทะเลราวกับสายฟ้า

หานเซิ่นไม่รู้ว่าอาณาเขตของหอยสังข์สามารถทำอะไรได้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีผลกับเขาโดยตรง ถึงอย่างนั้นกิเลนโลหิตก็เข้าไปจู่โจมหอยสังข์ทะเลอย่างไม่รอช้า

หอยสังข์ทะเลหนีกลับเข้าไปในเปลือกของมัน ขณะที่กิเลนโลหิตพยายามใช้กรงเล็บข่วนที่เปลือกหอย

กิเลนโลหิตคำรามด้วยความโกรธ มันกวัดแกว่งกรงเล็บอย่างบ้าคลั่งและพยายามทำลายเปลือกหอยให้ได้ แต่มันก็ไม่สามารถทิ้งรอยที่มากไปกว่ารอยข่วนบางๆไว้บนเปลือกหอยได้ เปลือกของหอยสังข์สูงถึงหนึ่งร้อยเมตร ดังนั้นรอยข่วนบางๆแบบนั้นจึงไม่มีผลอะไรในภาพรวม

“ซีโน่เจเนอิคระดับราชัน?” หานเซิ่นดีใจกับการค้นพบในครั้งนี้ ถ้าเปลือกของมันแข็งถึงขนาดนั้น เจ้าหอยสังข์ตัวนี้จะต้องเป็นระดับราชัน เมื่อดูจากร่างเนื้อของมันแล้ว มันก็ดูเป็นระดับราชันที่อ่อนแอ่ แต่ถึงยังไงมันก็เป็นระดับราชันอยู่ดี

กิเลนโลหิตยังคงข่วนใส่เปลือกหอยต่อไป แต่การตะปบแต่ละครั้งนั้นทิ้งรอยข่วนที่บางลงไปเรื่อยๆ ซึ่งทำให้หานเซิ่นรู้สึกสับสน

หานเซิ่นชักมีดเขี้ยวผีสิงออกมาและฟันไปที่เปลือกหอย มันไม่เกิดอะไรขึ้น พลังของเขาเทียบไม่ได้กับกิเลนโลหิต

หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขานำธันเดอร์ก็อตสไปค์ออกมาและช็อตสายฟ้าไปใส่เปลือกหอย เขาต้องการทำให้มันเป็นอัมพาต หลังจากนั้นเขาก็จะสามารถพลิกเปลือกหอยได้

แต่ดูเหมือนเปลือกหอยจะสามารถป้องกันสายฟ้าได้อย่างสมบูรณ์ นั่นทำให้หานเซิ่นขมวดคิ้ว

“เปลือกของเจ้าตัวนี้แข็งจริงๆ เดิมพันได้เลยว่ามันนำไปใช้ทำเป็นชุดเกราะพิเศษได้ แต่มันมีขนาดใหญ่เกินไป”

เปลือกหอยนี้มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะใช้ทำชุดเกราะชุดเดียว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็สามารถใช้เป็นวัสดุก่อสร้างที่ยอดเยี่ยมสำหรับบางสิ่งที่ใหญ่กว่า

แต่ก่อนที่หานเซิ่นจะเอามันไปทำอะไรอย่างอื่นได้นั้น เขาก็ต้องฆ่าตัวหอยสังข์ที่อยู่ข้างในซะก่อน หานเซิ่นลองใช้พลังหลายๆอย่าง แต่การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเขาก็ทำได้แค่ทิ้งรอยลึกไม่กี่นิ้วเอาไว้บนผิวของมันเท่านั้น มันไม่มีผลอะไรต่อตัวหอยสังข์ทะเลที่อยู่ภายใน

“ช่วยกันพลิกมัน!” หานเซิ่นเรียกกิเลนโลหิต ด้วยการรวมพลังกันของพวกเขา พวกเขาสามารถพลิกเปลือกหอยได้สำเร็จ แต่หลังจากที่พลิกมันแล้ว พวกเขาก็รู้สึกตัวว่าก้นของมันถูกปิดสนิท มันไม่มีทางให้เข้าไปข้างในและช่องว่างที่ถูกปิดก็เป็นวัตถุเดียวกับส่วนอื่นๆของเปลือกหอย

ขณะที่พวกเขาสังเกตเปลือกหอยอย่างละเอียดอีกครั้ง หานเซิ่นกับกิเลนโลหิตก็รู้สึกตัวว่าร่องรอยที่พวกเขาสร้างเอาไว้บนเปลือกหอยได้หายไปแล้ว ความพยายามทั้งหมดของพวกเขาสูญเปล่า

“นี่มันไม่ถูกสิ เจ้าตัวนี้น่าจะเป็นแค่ระดับราชันขั้นที่ 3 เท่านั้น แบบนั้นทำไมเปลือกของมันถึงได้แข็งขนาดนี้? แม้แต่การโจมตีอย่างเต็มกำลังของกิเลนโลหิตก็ทำได้แค่ทิ้งรอยบางๆเอาไว้…”

หานเซิ่นมองไปที่แสงสีฟ้ารอบๆ “หอยสังข์ตัวนี้มีอาณาเขตที่ทรงพลังขนาดนี้ได้ยังไง?”

พวกเขาเข้ามาอยู่ในอาณาเขตของเจ้าหอยสังข์เป็นเวลานานแล้ว แต่แสงสีฟ้าก็ไม่ได้ทำความเสียหายใดๆต่อพวกเขาเลย ดังนั้นมันจะต้องไม่ได้มีไว้สำหรับโจมตีอย่างแน่นอน

“หรือบางทีอาณาเขตนี้จะมีผลทำให้อีกฝ่ายอ่อนแอลง?” หานเซิ่นคำนึงถึงความเป็นไปได้นี้ แต่มันดูจะไม่ถูกเท่าไหร่นัก

ถ้ามันเป็นอาณาเขตที่มีผลแบบนั้นจริงๆ เขาก็ควรจะสัมผัสได้ถึงการสูญเสียพลังของตัวเอง แต่หานเซิ่นสัมผัสไม่ได้ถึงพลังงานที่ถูกดูดออกไป ร่างกายของเขายังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

‘ถ้ามันไม่ใช่อาณาเขตที่ทำให้อีกฝ่ายอ่อนแอลง หรือว่ามันจะเป็นอาณาเขตที่ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น? แสงสีฟ้านี้เพิ่มความแข็งแรงของเปลือกหอยอย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นลูบคางขณะที่ครุ่นคิด แต่ท้ายที่สุดเขาก็ละทิ้งความคิดนี้ไปเช่นกัน

ถ้ามันเป็นอาณาเขตที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวเองจริงๆ เจ้าหอยสังข์ทะเลก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องปล่อยอาณาเขตของมันออกไปในระยะที่กว้างแบบนี้

‘ถ้ามันไม่ได้เป็นอาณาเขตที่ทำให้อีกฝ่ายอ่อนแอหรือทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น แล้วมันคืออะไรกัน?’ หานเซิ่นจ้องไปที่หอยสังข์ทะเลขณะที่ครุ่นคิด

กิเลนโลหิตอารมณ์ร้อน และการที่ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเปลือกของหอยสังข์ได้ นั่นก็ทำให้กิเลนโลหิตโกรธยิ่งกว่าเดิม มันพยายามที่จะข่วนเปลือกหอยซ้ำๆ แต่มันก็ไม่ได้ผล รอยข่วนของมันบางลงเรื่อยๆ

“เดี๋ยวก่อนนะ… พลังของกิเลนโลหิตไม่ได้อ่อนแอลงไป ความจริงแล้วความโกรธจะทำให้มันแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แบบนั้นทำไมรอยข่วนของมันถึงได้บางลงได้?”

หานเซิ่นจ้องไปที่รอยข่วนบนเปลือกหอย หลังนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา “หรือว่าพลังอาณาเขตของมันจะเป็น…”

หานเซิ่นว่ายไปข้างๆเปลือกหอยและลูบรอยข่วนบนผิวของมัน กิเลนโลหิตหยุดโจมตีเมื่อเห็นแบบนั้น

ไม่นานหลังจากนั้นรอยข่วนก็หายไป การฟื้นสภาพเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขา

ถ้าแม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพอย่างกิเลนโลหิตยังไม่สามารถทำลายเปลือกของหอยสังข์ทะเลนี้ได้ แบบนั้นแล้วเปลือกของมันก็ต้องแข็งอย่างไม่น่าเชื่อ

แต่หานเซิ่นไม่ได้คิดว่าความแข็งแรงนั้นจะมาจากเปลือกหอย เปลือกหอยนั้นแข็งมากก็จริง แต่ความทนทานอย่างเหลือเชื่อของมันมาจากอาณาเขตแห่งราชันของตัวหอยสังข์

หานเซิ่นไม่รู้ว่าตัวเองคาดเดาได้ถูกต้องหรือไม่ ดังนั้นหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขาก็พากิเลนโลหิตออกมาจากอาณาเขตของหอยสังข์ทะเล

หอยสังข์ทะเลทำเหมือนกับว่ามันรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร มันขยายแสงสีฟ้าออกไปไกลขึ้นอีก แต่ระยะสูงสุดของมันคือ 2 พันเมตร มันไม่สามารถขยายแสงสีฟ้าออกไปไกลกว่านั้นได้

เมื่อหานเซิ่นและกิเลนโลหิตออกไปไกลพอที่เจ้าหอยสังข์ทะเลสัมผัสถึงตัวตนของพวกเขาไม่ได้แล้ว พวกเขาก็ซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินก้อนใหญ่ หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงจับตาดูเจ้าหอยสังข์ทะเลจากระยะไกล

หอยสังข์ทะเลรออยู่สักพัก มันผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนที่เจ้าหอยจะออกมาจากเปลือกและมองไปรอบๆ เมื่อมันไม่เห็นหานเซิ่นและกิเลนโลหิตอยู่ในบริเวณใกล้เคียง มันก็เลิกใช้อาณาเขตแสงสีฟ้า

เมื่อเห็นอย่างนั้นหานเซิ่นก็เรียกมนตราออกมาและเปลี่ยนเธอเป็นปืนไรเฟิล เขาเล็งไปเจ้าหอยสังข์ทะเล

ปัง!

หานเซิ่นเหนี่ยวไกโดยไม่ลังเล กระสุนพุ่งผ่านน้ำทะเลและตรงเข้าไปหาหอยสังข์ทะเลอย่างเงียบๆ

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset