Super God Gene – ตอนที่ 2372

หญิงแก่เผ่าไซเรนรีบพูด “องค์ชายไม่จำเป็นต้องกังวล นี่คือโบราณวัตถุของเผ่าไซเรน มันถูกสร้างขึ้นมาจากชิ้นส่วนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าในสมัยโบราณ มันไม่มีทางเป็นของปลอมไปได้ นอกจากนั้นมันก็มีเพียงแค่สายเลือดบริสุทธิ์ของเผ่าไซเรนเท่านั้นที่จะใช้งานมันได้ ลองตรวจสอบมันดูและองค์ชายจะเห็นว่ามันเป็นของจริง”

 

หลังจากหยุดไปชั่วครู่ หญิงแก่เผ่าไซเรนก็พูดต่อ “นี่เป็นของชิ้นสุดท้ายที่ท่านแม่ขององค์ชายทิ้งเอาไว้ แบบทำไมนางถึงต้องหลอกลูกชายตัวเองด้วย?”

 

“ข้าไม่เชื่อว่าสิ่งนี่คือโบราณวัตถุที่ท่านแม่ทิ้งเอาไว้” หานเซิ่นพูดเสียงแข็ง

 

“ถ้าเจ้าไม่เคยเห็นโบราณวัตถุมาก่อน เจ้ารู้ได้ยังไงว่ามันไม่ใช่?” หลันไห่ซินถาม

 

“มันดูไม่ถูกเท่าไหร่ ถ้าพวกเจ้าคิดว่านั่นคือโบราณวัตถุ ก็เชิญพวกเจ้าเอามันไปได้เลย ข้าจะลองไปหาดูที่อื่น” หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็ออกไปจากห้องโถง

 

หญิงแก่เผ่าไซเรนหยุดเขาเอาไว้ “องค์ชาย องค์หญิงเป็นเหมือนกับองค์ชาย เลือดของนางไม่บริสุทธิ์พอ การเปิดใช้งานโบราณวัตถุจำเป็นต้องให้พวกท่านทั้ง 2 ร่วมมือกัน”

 

“พวกเราลองดูรอบๆกันก่อน” หานเซิ่นพูดและขี่กิเลนโลหิตเข้าไปในประตูของห้องโถง

 

หญิงแก่เผ่าไซเรนเป็นครึ่งเทพ แต่จะหยุดกิเลนโลหิตและหานเซิ่นนั้นเป็นอะไรเกินตัว ดังนั้นเธอจึงยอมถอยไปแต่โดยดี

 

หลันไห่ซินมองหานเซิ่นขณะที่เขาออกไปจากห้องโถง เธอกัดริมฝีปากและเดินเข้าไปใกล้ๆกับแท่นบูชา
“ข้าจะลองเปิดใช้งานขวดศักดิ์สิทธิ์คนเดียว”

 

หญิงแก่เผ่าไซเรนหยุดเธอเอาไว้และพูด “องค์หญิงอย่าใจร้อน ขวดศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นสมบัติของเผ่าเราก็จริง แต่พลังที่มันมีอยู่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ ถ้าไม่มีสายเลือดที่บริสุทธิ์ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะเปิดใช้งานมัน องค์หญิงอาจจะได้รับบาดเจ็บได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ท่านแม่ขององค์ชายไป๋อี้ไม่ยอมมอบขวดศักดิ์สิทธิ์ให้กับเขาตรงๆ องค์หญิงอย่าได้เสี่ยงทำเรื่องนี้ตามลำพัง”

 

หลันไห่ซินไม่ใช่คนโง่ เธอเป็นคนที่มีเหตุผล เธอถอนหายใจและพูด
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปเดินดูรอบๆกัน”

 

พวกเขาเดินออกจากห้องโถง ภายในปราสาทคริสตัลมีอาคารอยู่หลายหลัง ซึ่งมันประกอบไปด้วยห้องและรูปปั้นจำนวนมาก มันดูเหมือนกับเมืองจริงๆ

 

หานเซิ่นสำรวจรอบๆอย่างระมัดระวัง แต่เขาไม่ได้เจออันตรายอะไร เขาพบประตูที่ไม่ถูกล็อคอยู่ทั่วปราสาทคริสตัล เขาสามารถเข้าไปในสิ่งก่อสร้างไหนก็ได้ ถึงแม้มันจะไม่มีของมีค่าอะไรอยู่ภายในก็ตาม

 

ปราสาทคริสตัลเป็นเหมือนกับเมืองที่ปราศจากผู้คน มันดูสวยงามมากก็จริง แต่มันก็ดูรกร้างมากเช่นกัน

 

หลันไห่ซินตามหลังหานเซิ่นไป ขณะที่พวกเขาเดินไปรอบๆปราสาทคริสตัล เธอก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นกว่าเดิม

 

ภายในปราสาทคริสตัลไม่ได้มีกับดักที่เป็นอันตรายอะไร ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าแม่ของไป๋อี้ต้องการจะมอบขวดศักดิ์สิทธิ์ให้กับเขาแค่นั้น มันไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรอย่างอื่น

 

แต่จู่ๆหานเซิ่นก็สังเกตเห็นปัญหาอย่างหนึ่ง เขาชี้ไปที่มุมหนึ่งของปราสาทคริสตัลและพูด “นี่คืออะไร?”

 

หลันไห่ซินและคนอื่นๆมองทางที่หานเซิ่นชี้ออกไปและเห็นกำแพงคริสตัล แต่ทว่ามันแตกต่างไปจากกำแพงคริสตัลอื่น กำแพงคริสตัลนี้มีมอสส์สีเขียวโตขึ้นมา

 

“แปลกจริงๆ ทำไมมันถึงมีมอสส์อยู่ที่นี่ได้?” หลันไห่ซินรู้สึกงุนงงขณะที่เดินเข้าไปหากำแพงคริสตัล

 

มอสส์ปกคลุมทั้งกำแพง และเมื่อหานเซิ่นสังเกตมันอย่างละเอียด เขาก็พบว่ามันมีร่องรอยของบางสิ่งที่ปีนข้ามมันไปเมื่อไม่นานมานี้ และมันไม่ใช่ร่องรอยการปีนแค่หนเดียวเช่นกัน มันดูเหมือนกับว่ามีบางสิ่งปีนผ่านกำแพงคริสตัลนี้อยู่บ่อยๆ

 

ใบหน้าของหลันไห่ซินและหญิงแก่เผ่าไซเรนเปลี่ยนไป “นั่นเป็นไปได้ยังไง? ทำไมมันถึงมีสิ่งมีชีวิตอื่นเข้ามาอยู่ในปราสาทคริสตัลได้?”

 

หานเซิ่นสังเกตร่องรอยนั้น และในขณะเดียวกันผีเสื้อเนตรม่วงในดวงตาของเขาก็เริ่มหมุน ไม่นานเขาก็ได้รู้ว่าเขาคุ้นเคยกับสิ่งมีชีวิตที่ทิ้งร่องรอยนี้เอาไว้ พวกมันถูกทิ้งเอาไว้โดยหอยสังข์คริสตัลสายรุ้งและหอยสังข์ภูเขา

 

‘นี่ยืนยันว่าพวกมันทั้ง 2 เกี่ยวข้องกับปราสาทคริสตัลจริงๆ แต่พวกมันออกไปจากที่นี่ได้ยังไง?’ หานเซิ่นสังเกตกำแพงคริสตัลเพิ่ม และไม่นานเขาก็สังเกตเห็นอะไรอย่างอื่นอีก

 

มันมีรูขนาดเล็กเท่ากับเม็ดทรายอยู่บนกำแพง บางทีมันอาจจะเป็นเพราะความไม่สมบูรณ์ของวัสดุที่ใช้ หรือบางทีมันอาจจะเป็นเพราะความผิดพลาดในการก่อสร้าง แต่ยังไงก็ตามมันมีรูขนาดเล็กหลายรูถูกทิ้งเอาไว้บนผิวของกำแพง

 

รูนั้นแคบยิ่งกว่าเข็ม สิ่งมีชีวิตธรรมดาไม่สามารถผ่านมันไปได้ แต่หอยสังข์ทั้ง 2 ที่หานเซิ่นพบสามารถย่อขนาดร่างกายของพวกมันได้

 

โชคดีที่พวกมันถูกฆ่าตายไปเรียบร้อยแล้ว กลุ่มของพวกเขาเดินสำรวจปราสาทคริสตัลต่อไป แต่พวกเขาก็ไม่พบร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอื่น

 

“องค์ชาย ท่านแม่ขององค์ชายไม่อยากจะทำร้ายองค์ชาย พวกเรารีบกลับไปที่ขวดศักดิ์สิทธิ์กันเถอะ ก่อนที่จะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น” หญิงแก่เผ่าไซเรนพูดอย่างเร่งรีบ

 

หานเซิ่นลังเล หลังจากนั้นเขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาไม่เชื่อว่าอันตรายนั้นจะหายไปแล้ว แต่เขาคิดไอเดียอย่างหนึ่งขึ้นมาได้

 

เขาพยักหน้าและพูด “โอเค พวกเราจะลองดูก็ได้”

 

จากสิ่งที่ได้เห็น หานเซิ่นสันนิษฐานว่าหอยสังข์ทั้ง 2 คงจะมาพบกับปราสาทคริสตัลเข้าโดยบังเอิญ พวกมันไม่ได้มีต้นกำเนิดจากปราสาทคริสตัล

 

แต่ไป๋อี้กำจัดซีโน่เจเนอิคระดับสูงจนหมดแล้ว มันไม่สมเหตุสมผลที่ซีโน่เจเนอิคระดับราชันและระดับเทพเจ้าก็ยังคงซ่อนตัวอยู่บนดวงดาว

 

แต่ถ้าพวกมันทั้ง 2 เพิ่งเลื่อนขึ้นมาถึงระดับนั้นแล้วละก็ นั่นก็จะเป็นอะไรที่สมเหตุสมผล

 

บางทีหอยสังข์ทั้ง 2 อาจจะไม่ได้เป็นระดับเทพเจ้าและระดับราชัน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างพวกมันก็กลายเป็นระดับเทพเจ้าและระดับราชันเมื่อเข้ามาในปราสาทคริสตัล ซึ่งเมื่อดูจากธรรมชาติที่รกร้างว่างเปล่าของที่นี่แล้ว ดูเหมือนว่าสิ่งเดียวที่จะส่งผลต่อการเลื่อนระดับของพวกมันได้ก็มีแค่ขวดไซเรนเท่านั้น

 

‘ถ้าหอยสังข์เพิ่มระดับขึ้นเพราะขวดไซเรนจริงๆล่ะก็…’ หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมันและหัวใจของเขาก็เริ่มที่จะเต้นรัว ขวดนั้นทำให้ซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งกลายเป็นระดับเทพเจ้า ไม่ว่ายอดฝีมือคนไหนก็ต้องการอะไรแบบนั้น

 

ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงเปลี่ยนใจ เขาอยากจะลองดูว่าตัวเขาจะสามารถใช้ขวดไซเรนนั่นได้หรือเปล่า

 

เมื่อมีโอกาสที่จะได้รับสมบัติที่มีค่าถึงขนาดนั้น มันก็เป็นอะไรที่คุ้มค่าที่จะลองเสี่ยงดู แถมนกแดงน้อยก็อยู่ที่นี่ด้วย

 

เมื่อเห็นว่าหานเซิ่นยินดีกลับไปหาขวดศักดิ์สิทธิ์ หญิงแก่เผ่าไซเรนก็รีบพาเขากลับไป ไม่นานทุกคนก็กลับมารวมตัวกันอยู่ในห้องโถงนั่นอีกครั้ง

 

ขวดไซเรนยังคงตั้งอยู่บนแท่นบูชาเหมือนเดิม หญิงแก่เผ่าไซเรนหันมาพูดกับพวกเขา
“องค์หญิงและองค์ชายเดินขึ้นไปบนแทนบูชาและหยดเลือดของตัวเองลงไปในขวดศักดิ์สิทธิ์ ถ้ามันทำงานขึ้นมา ขวดศักดิ์สิทธิ์ก็จะเลือกเจ้าของของมัน”

 

หลังจากนั้นเธอก็หันมามองหานเซิ่นและพูด “องค์ชาย เลือดของพวกท่านทั้ง 2 จะละลายในขวดศักดิ์สิทธิ์ โอกาสได้เป็นเจ้าของคือห้าสิบห้าสิบ ไม่ว่าใครจะได้รับขวดศักดิ์สิทธิ์ไป ข้าหวังว่าพวกเราจะยังเป็นพันธมิตรต่อกัน”

 

“แน่นอนอยู่แล้ว” หานเซิ่นพยักหน้า หลังจากนั้นเขาก็เดินขึ้นไปบนแท่นบูชาพร้อมกับหลันไห่ซิน

 

พวกเขาทั้งคู่เดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง แต่มันไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น พวกเขาขึ้นไปถึงแท่นบูชาอย่างปลอดภัย พวกเขาหันมองหน้ากัน หลังจากนั้นหลันไห่ซินก็ยื่นนิ้วออกมาเพื่อหยดเลือดลงไปในขวดไซเรน

 

หานเซิ่นมองไปในขวดและเห็นสีรุ้งที่คุ้นเคย แต่เขามองไม่เห็นอะไรอย่างอื่น หลังจากที่เลือดของหลันไห่ซินถูกหยดลงไปข้างในแล้ว เลือดของเธอก็หายไปในสายรุ้งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

หานเซิ่นลังเล เขาใช้ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์และหยดร่างน้ำของเขาลงไปในขวด

 

หยดน้ำของหานเซิ่นร่วงลงไปในขวดไซเรน หลังจากนั้นขวดไซเรนก็เริ่มสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง สายรุ้งเริ่มหมุนวนเหมือนกับวังวน และดูเหมือนว่ามันสามารถปะทุขึ้นมาได้ทุกเมื่อ

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset