Super God Gene – ตอนที่ 2405

หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาจะอธิษฐานหลายต่อหลายอย่าง เขาคิดเกี่ยวกับการอธิษฐานให้พระเจ้าตายหรือให้ตัวเขาเองกลายเป็นพระเจ้า ทั้ง 2 ความคิดนี้ดูเหมือนจะเป็นคำอธิษฐานที่อีกฝ่ายไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ และนั่นจะบังคับให้เขาผิดสัญญาที่ให้เอาไว้

 

แต่เมื่อหานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมันดีๆ เขาก็รู้สึกตัวว่าคำอธิษฐานเหล่านั้นไม่ได้ผล ถ้าหานเซิ่นต้องการให้ชายที่กล่าวอ้างตัวว่าเป็นพระเจ้านี้ตาย เขาก็จำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะตายจริงๆ

 

โดยปกติแล้วการตายนั้นหมายถึงการสูญเสียสัญญาณชีพจรทั้งหมดไป แต่สิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันก็จะมีสัญญาณชีพจรที่แตกต่างกันออกไปด้วย

 

ในตอนที่หานเซิ่นก้าวขึ้นมาบนชั้นที่ 7 และเห็นชายคนนั้นเป็นครั้งแรก หานเซิ่นคิดว่าชายคนนั้นได้ตายไปแล้ว ถ้านั่นคือความตายที่หานเซิ่นหมายถึงล่ะก็ ชายคนนั้นก็จะเนรมิตคำอธิษฐานให้เป็นจริงได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร เขาสามารถทำให้ตัวเองสูญเสียสัญญาณชีพจรทั้งหมดไปโดยไม่ส่งผลทางลบอะไร

 

ถ้าหานเซิ่นจะขอคำอธิษฐานแบบนั้น เขาก็ควรจะขอให้พระเจ้าไม่เคยมีตัวตน ถ้าพระเจ้าไม่เคยมีตัวตน แบบนั้นชายคนนั้นก็จะไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อเนรมิตคำอธิษฐานของหานเซิ่น

 

มันเป็นทฤษฎีง่ายๆ และคำอธิษฐานนั่นก็ควรจะเป็นอะไรที่พระเจ้าไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้

 

แต่ถ้าหานเซิ่นอธิษฐานให้พระเจ้าไม่มีตัวตนอยู่จริงๆ และเกิดว่าชายคนบอกหานเซิ่นว่าจริงๆแล้วเขาไม่ใช่พระเจ้า มันก็จะกลายเป็นว่าเขาจะลบการมีอยู่ของพระเจ้าไปตามคำอธิษฐานของหานเซิ่น หลังจากนั้นเขาก็สามารถทำให้หานเซิ่นจ่ายสิ่งที่ติดค้างเอาไว้

 

มันมีวิธีการหลายอย่างที่ชายคนนั้นสามารถใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ และเขาก็ถนัดเรื่องการบิดเบือนกฎเพื่อทำให้ตัวเองเป็นฝ่ายที่ได้ผลประโยชน์อยู่แล้ว เพราะอย่างนั้นหานเซิ่นจึงไม่คิดว่าคำอธิษฐานนี้จะได้ผล

 

หานเซิ่นมองรูปภาพที่แขวนอยู่บนกำแพงและพบว่าพวกมันต่างไปจากตอนที่เขามองเห็นก่อนหน้านี้ รูปภาพนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แต่การมองพวกมันในตอนนี้มอบความรู้สึกที่ต่างออกไปให้กับหานเซิ่น

 

หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงจิตแห่งน้ำจากภาพๆหนึ่ง จิตแห่งน้ำเป็นเหมือนกับทะเลที่ซัดกลับไปกลับมาใส่ตัวของหานเซิ่น และทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังจมลงในรูปภาพ ไม่นานความอ่อนไหวต่อพลังธาตุน้ำของเขาก็เพิ่มขึ้น

 

หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ เขามองไปที่รูปภาพทั้งหมดทีละภาพและเขาพบว่าพวกมันแต่ละภาพมีความหมายที่แตกต่างกันออกไป บางภาพนุ่นนวลและอ่อนโยน ขณะที่บางภาพแข็งกร้าวและรุนแรง

 

บางภาพเล็กน้อยและบางภาพไม่มีที่สิ้นสุด  บางภาพเป็นเหมือนกับกาแล็กซี่ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า

 

ด้วยเหตุผลบางอย่างภาพทั้ง 48 ภาพจับด้านต่างๆของพลังธาตุน้ำได้อย่างลึกซึ้ง หานเซิ่นมองไปที่ภาพวาดทั้ง 48 ภาพและความรู้เกี่ยวกับพลังน้ำของเขาก็เพิ่มขึ้นหลายระดับ

 

‘ดูเหมือนว่าพลังของพระเจ้าคนนี้จะไม่ธรรมดาจริงๆ เขาอ่านร่างกายของเราและจงใจใส่จิตแห่งน้ำลงไปในรูปภาพพวกนี้ ในตอนที่เอ็กซ์ตรีมคิงคนอื่นๆเข้ามาที่นี่ พวกเขาก็คงจะสัมผัสได้ถึงจิตที่เหมาะสมกับพลังของตัวเองเช่นกัน นั่นคงจะเป็นเหตุผลที่พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก’

 

หานเซิ่นขมวดคิ้วและคิดกับตัวเอง ‘พระเจ้าคนนี้เหมือนกับราชาจุน พวกเขาทั้งคู่มีพลังที่แข็งแกร่งเหมือนกัน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้พวกเขามีข้อจำกัดในการใช้พลังทั้งหมดของตัวเอง นี่เป็นโอกาสเดียวที่เราจะได้ต่อสู้กับพวกเขาขณะที่เราเป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตธรรมดาๆ ไม่อย่างนั้นพระเจ้าก็คงจะทำลายทั้งจักรวาลได้อย่างสบายๆ’

 

“แต่การต่อสู้ตามกฎของพระเจ้ามีโอกาสชนะต่ำมากๆ” ทันใดนั้นหานเซิ่นก็คิดเกี่ยวกับอาชูร่าขึ้นมาได้

 

แต่หานเซิ่นได้รู้ในภายหลังว่าพระเจ้าที่อาชูร่ากลืนกินเข้าไปเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับเผ่าบุดด้า แต่ถึงบุดด้าจะแข็งแกร่ง พวกเขาก็ยังเทียบกับชายที่กล่าวอ้างตัวว่าเป็นพระเจ้าไม่ได้

 

‘หรือบางทีมันจะเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง

 

หานเซิ่นยังคงมองไปที่รูปภาพทั้ง 48 รูป ขณะที่คิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาจะอธิษฐาน การได้รับพลังน้ำที่มากขึ้นถือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับหานเซิ่น

 

แอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินที่หานเซิ่นได้มาจากแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตนั้นช่วยทำให้ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์ของเขาพัฒนาขึ้น ดังนั้นการเรียนรู้เกี่ยวกับพลังธาตุน้ำผ่านรูปภาพเหล่านื้ถือเป็นอะไรที่มีประโยชน์สำหรับเขา

 

เนื่องจากชุดเกราะคริสตัลสีดำ ร่างกายของหานเซิ่นจึงถูกล็อคเอาไว้ นั่นคงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ชายที่อ้างตัวว่าเป็นพระเจ้าสัมผัสได้แค่ร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์เท่านั้น ซึ่งทำให้ภาพหลาดเหล่านี้มีเพียงแค่จิตแห่งน้ำเพียงอย่างเดียว

 

ถ้าวิชาจีโนทั้งหมดของเขาไม่ถูกซ่อนเอาไว้โดยชุดเกราะคริสตัลสีดำ หานเซิ่นก็คงจะได้เรียนรู้อะไรมากมายจากรูปภาพพวกนี้

 

แต่ชุดเกราะคริสตัลสีดำไม่มอบโอกาสให้หานเซิ่นทำแบบนั้น และหานเซิ่นก็ไม่เข้าใจว่าทำไม มันคล้ายกับตอนที่ชุดเกราะคริสตัลสีดำซ่อนตัวจากจีโนฮอลล์

 

แต่หนึ่งเดือนถือเป็นเวลาที่นาน หานเซิ่นสามารถคิดไตร่ตรองได้อย่างละเอียด เช่นเดียวกับที่เขาจะได้เรียนรู้จิตแห่งน้ำจากรูปภาพ

 

ด้วยการเรียนรู้จิตแห่งน้ำจากรูปภาพ หมัดช็อคกิ้งสกายธาตุน้ำของหานเซิ่นก็ทรงพลังขึ้นไปอีก ยิ่งเขาเข้าใจมากขึ้นเท่าไหร่ หานเซิ่นก็สามารถปรับแต่งเทคนิคให้ดีมากขึ้นเท่านั้น

 

หานเซิ่นยังคงไม่ได้ทำการอธิษฐาน และนี่ก็เป็นวันสุดท้ายที่เขาได้รับอนุญาตให้อยู่ภายในหอคอย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพยายามศึกษาจิตแห่งน้ำของรูปภาพ

 

ทันใดนั้นรูปภาพตรงหน้าหานเซิ่นก็พูดขึ้นมา “เจ้าได้ให้สัญญากับข้า เจ้าจะต้องทำการอธิษฐาน ไม่อย่างนั้นเจ้าก็จะออกไปจากหอคอยแห่งโชคชะตาไม่ได้”

 

หานเซิ่นหัวเราะและพูด “ข้าจะทำการอธิษฐานเดี๋ยวนี้”

 

ชายคนนั้นกำลังข่มขู่หานเซิ่น ถ้าหานเซิ่นไม่รักษาสัญญา เขาก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไป ถึงแม้ทางเอ็กซ์ตรีมคิงจะทำการเปิดหอคอยแห่งโชคชะตา

 

แต่หานเซิ่นคิดว่าคำขู่นี้เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ

 

ด้วยเหตุผลบางอย่างมันดูเหมือนว่าชายคนนี้ไม่อยากจะละเมิดเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่มาเตือนหานเซิ่นแบบนี้

 

นั่นแสดงให้เห็นว่าชายคนนี้ไม่ได้คิดจะกักขังเขาเอาไว้ข้างใน

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นมาและบอกคำอธิษฐานของเจ้ากับข้า”

 

หานเซิ่นกลับขึ้นไปบนชั้นที่ 7 ของหอคอยแห่งโชคชะตาและเดินไปตรงหน้าชายคนนั้น

 

“เจ้าเหลือเวลาไม่มากแล้ว บอกคำอธิษฐานของเจ้ามา” ชายคนนั้นพูด

 

“ท่านจะทำให้สิ่งที่ข้าต้องการเป็นจริงได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่ชายคนนั้น

 

“ใช่ อะไรก็ตามที่เจ้าต้องการ” ชายคนนั้นตอบอย่างมั่นใจ

 

“ข้าจะตามหาใครบางคนได้ไหม?” หานเซิ่นถาม

 

“แน่นอน” ชายคนนั้นตอบอย่างไม่ลังเล

 

เขาเคยได้ยินคำอธิษฐานที่ประหลาดมามากมายในชั่วชีวิต แต่การตามหาคนนั้นถือเป็นคำอธิษฐานที่ธรรมดามากๆ

 

“ดี ถ้าอย่างนั้นท่านจะช่วยบอกข้าได้ไหมว่าปู่ทวดของข้าอยู่ที่ไหน?”
หานเซิ่นไม่ได้ใช้คำอธิษฐานที่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไร คำอธิษฐานของเขาเป็นอะไรที่ง่ายๆ

 

เมื่อชายคนนั้นได้ยินมัน เขาก็คิดว่ามันเป็นคำอธิษฐานที่ง่ายเช่นเดียวกัน เขาไม่จำเป็นต้องบิดเบือนกฎเพื่อเนรมิตคำอธิษฐานนี้ให้เป็นจริง

 

“ชื่อปู่ทวดของเจ้าคืออะไร?” ชายคนนั้นถาม

 

“ท่านเป็นพระเจ้าไม่ใช่หรอ? ท่านต้องรู้อยู่แล้ว” หานเซิ่นพูดพร้อมกับหัวเราะ

 

“เอางั้นก็ได้” ชายคนนั้นพูด เขามองไปที่หานเซิ่นขณะที่ภาพสะท้อนในดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงไป

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset