Super God Gene – ตอนที่ 2416

ภูมิประเทศของซีโน่เจเนอิคสเปชนั้นเต็มไปด้วยหิน ยานอวกาศลงจอดท่ามกลางทุ่งหินที่กว้างใหญ่ และพวกเขาก็ตั้งค่ายกันที่นั่น

 

คุณหญิงมิร์เรอร์สั่งให้สมาชิกของสปริงเรนขุดพื้นเพื่อนำหินขึ้นมา

 

คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่ได้สั่งให้หานเซิ่นทำอะไร นอกจากบอกให้เขาอยู่ภายในค่าย ถึงแม้เขาจะไม่อยากจะลงมือขุดอะไร แต่ความสามารถในการสำรวจรอบๆก็ถูกจำกัดไปด้วย

 

หานเซิ่นถามคุณหญิงมิร์เรอร์ว่ากำลังจะไปสถานที่แบบไหนและภารกิจของพวกเขาคืออะไรกันแน่ แต่เธอไม่ได้คำตอบเขา เธอแค่บอกว่าเขาจะปลอดภัยตราบใดที่เขาไม่ออกไปไหนไกล และเขาจะถูกเรียกตัวก็ต่อเมื่อถึงเวลาที่เขาต้องทำงาน

 

‘นี่คือซีโน่เจเนอิคสเปชที่หนิงเยวี่ยพูดถึง ดาบเขียวน้อยของหนิงเยวี่ยนั้นออกมาจากหนึ่งในก้อนหินที่ถูกขุดพบที่นี่ มันดูเหมือนว่างานของคุณหญิงมิร์เรอร์นั้นจะเหมือนกับของเผ่าเฮลล์ พวกเขาต้องการจะขุดหาอะไรบางสิ่งจากหินพวกนี้’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง เขาอยากจะไปร่วมขุดกับคนอื่นด้วยเพื่อตรวจสอบก้อนหินพวกนั้น

 

แต่คุณหญิงมิร์เรอร์บอกอย่างชัดเจนว่าไม่ควรออกไปจากค่าย ดังนั้นการไปร่วมขุดกับคนอื่นจึงเป็นไปไม่ได้

 

หานเซิ่นจึงใช้เวลาว่างไปกับการฝึกวิชาและกินยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน

 

ในวันที่ 2 มีบางสิ่งเกิดขึ้นในทุ่งหิน สมาชิกหลายคนของสปริงเรนถูกแบกกลับมาที่ค่าย เมื่อหานเซิ่นได้ยินเสียงเอะอะและเดินไปดู เขาก็พบว่าบุคคลผู้โชคร้ายนั้นกำลังจะกลายเป็นหิน และในไม่เวลาไม่นานทั้งร่างกายของพวกเขาก็กลายเป็นหินโดยสมบูรณ์ พวกเขากลายเป็นเหมือนกับรูปปั้นไป

 

คุณหญิงมิร์เรอร์และยอดฝีมือระดับเทพเจ้าทั้ง 2 คนพยายามจะหยุดกระบวนการถูกแช่แข็งเป็นหินเอาไว้ แต่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้

 

หลังจากเหตุการณ์นั้น การทำขุดทุ่งหินก็ถูกหยุดไป แต่ถึงพวกเขาจะเลิกทำการขุด คุณหญิงมิร์เรอร์ก็ยังไม่คิดจะไปจากที่นี่

 

หลายวันต่อมามียานอวกาศหลายลำเดินทางมาถึง สิ่งมีชีวิตต่างๆมากมายถูกพามาที่ค่าย พวกเขามาจากเผ่าพันธุ์ที่หลากหลาย และพวกเขาทั้งหมดก็เป็นระดับมาร์ควิสหรือไม่ก็ดยุก พวกเขาคงจะถูกพาตัวมาที่นี่เพื่อใช้เป็นคนงานในทุ่งหิน

 

“หนิงเยวี่ย” ขณะที่หานเซิ่นมองดูคนงานที่เรียงแถวกันเพื่อลงทะเบียน เขาก็เห็นหญิงงามในชุดเกราะสีชมพู เขาจดจำได้ว่าเธอคือหนิงเยวี่ย

 

หานเซิ่นเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาไม่ได้ตกใจที่ตอนนี้หนิงเยวี่ยเป็นผู้หญิง หานเซิ่นรู้เรื่องนั้นเรียบร้อยแล้ว

 

และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่หนิงเยวี่ยจะมาที่นี่เช่นกัน หนิงเยวี่ยกำลังมองหาโอกาสที่จะกลับมาเพื่อหาความจริงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเขา เอ็กซ์ตรีมคิงนั้นรับสมัครคนงานมา ดังนั้นมันเป็นอะไรที่สมเหตุสมผลที่หนิงเยวี่ยจะเข้าร่วมกับพวกเขา

 

หานเซิ่นแค่ประหลาดใจกับสิ่งที่หนิงเยวี่ยกำลังสวมใส่ เขากำลังสวมชุดสีชมพูอ่อน และเขายังมีแหวน ต่างหูและสร้อยคอสีชมพูอีกด้วย เขาดูงดงามอย่างแท้จริง ถ้าหานเซิ่นไม่เคยเห็นหนิงเยวี่ยในร่างผู้หญิงมาก่อน หานเซิ่นก็ไม่มีทางรู้อย่างแน่นอนว่าผู้หญิงคนนั้นคือหนิงเยวี่ย

 

‘โอ้ไม่นะ! นี่หนิงเยวี่ยเป็นบ้าไปแล้วอย่างนั้นหรอ? ถึงแม้ร่างกายของเขาจะกลายเป็นผู้หญิงจริงๆ มันก็ไม่เห็นมีความจำเป็นที่เขาจะต้องแต่งตัวเหมือนผู้หญิง’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ยิ่งเขามองหนิงเยวี่ยนานเท่าไหร่ เขาก็รู้สึกมั่นใจว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติกับหนิงเยวี่ย

 

“เราจะพูดคุยกับหนิงเยวี่ยตามลำพังได้ยังไงกันนะ?” หานเซิ่นอยากจะถามหนิงเยวี่ยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาไม่ได้รับอนุญาตให้พูดกับคนงาน และถึงเขาจะทำแบบนั้นได้ ทุกคนก็จะมองเห็น มันไม่มีที่ไหนให้พวกเขาพูดคุยกันอย่างส่วนตัว

 

หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมันอยู่ข้ามคืน และวันต่อมาเขาก็เข้าไปหาคุณหญิงมิร์เรอร์ที่ห้องทำงาน

 

“คุณหญิงมิร์เรอร์! คุณหญิงมิร์เรอร์! ท่านพาข้าที่นี่ แต่แล้วท่านกลับไม่ปล่อยให้ข้าได้ทำอะไร ท่านไม่ให้ข้าออกไปไหน และท่านไม่แม้แต่จะให้ข้าได้เล่นอินเตอร์เน็ต นี่มันคืออะไรกัน?” หานเซิ่นเรียกร้อง

 

“ท่านหญิง พวกเราหยุดองค์ชายเอาไว้ไม่ได้!” ยามเฝ้าประตูพยายามอธิบายการเข้ามาอย่างกะทันหันของหานเซิ่น

 

“พวกเจ้าออกไปได้” คุณหญิงมิร์เรอร์พูด ดวงตาของเธอไม่แม้แต่จะมองมาที่พวกเขา แต่เธอจับจ้องไปที่เอกสารที่กำลังอ่านอยู่

 

หลังจากที่ยามเฝ้าประตูออกไปแล้ว หานเซิ่นก็พูดขึ้นมา
“ถึงแม้ท่านไม่ต้องการให้ข้าออกไปไหน อย่างน้อยก็อนุญาตให้ข้าได้ทำอะไรบ้าง ถ้าข้าต้องติดแหง็กอยู่ในค่ายตลอดทั้งวันโดยที่ไม่มีอะไรทำ ข้าก็อาจจะกลายเป็นบ้าเอา แถมเป่าเอ๋อก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง นางแหง็กอยู่ในค่ายทั้งวันไม่ได้เช่นกัน”

 

“เจ้าเป็นคนพาเธอมาที่นี่เอง เธอเป็นความรับผิดชอบของเจ้า”
คุณหญิงมิร์เรอร์ปิดเอกสารในมือและเงยหน้าขึ้นมามองหานเซิ่น “เจ้าจะได้รับงานเมื่อเวลามาถึง แต่สำหรับตอนนี้งานของเจ้าคือการรออยู่เฉยๆในค่าย”

 

“ก็ได้ ข้าจะทำแบบนั้น แต่อย่างน้อยท่านก็ช่วยหาคนทำอาหารที่ดีกว่านี้หน่อยจะได้ไหม? และอีกอย่างนั้นข้าก็อยากได้คนมาคอยดูแลเป่าเอ๋อ นั่นคงไม่ได้ขอมากไปหรอกใช่ไหม?” หานเซิ่นพูด

 

“เจ้ามาที่นี่เพื่อทำงาน เจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อพักร้อน”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ คุณหญิงมิร์เรอร์ก็พูดต่อ “ข้าจะหาคนใช้ให้เจ้าคนหนึ่ง ตอนนี้กลับไปได้แล้ว”

 

“นั่นค่อยดีขึ้นหน่อย แต่ท่านช่วยหาคนที่สวยๆนะ มันจะเป็นอะไรที่รำคาญสายตาถ้าคนใช้นั้นน่าเกลียด” หานเซิ่นพูด

 

“เจ้ากำลังมองหาคนใช้หรือว่าเจ้ากำลังมองหาหญิงสาว?” คุณหญิงมิร์เรอร์ถามเสียงแข็ง

 

“ข้าคือองค์ชายสิบหก มันเป็นเรื่องแปลกอะไรที่ข้าจะต้องการมีหญิงสาวคอยรับใช้?” หานเซิ่นยิ้ม

 

“องค์ชายสิบหก?” คุณหญิงมิร์เรอร์มองหานเซิ่นด้วยหางตา

 

หานเซิ่นไอกลบเกลื่อน “ข้าไม่ได้จะทำอะไร ข้าแค่ต้องการใครสักคนมาคอยดูแลลูกสาวของข้าเท่านั้น ท่านไม่ยอมปล่อยให้ข้าออกไปไหน และข้ายังต้องทำตัวเองให้ดูเหมือนกับองค์ชาย”

 

“เจ้ายังอยากจะบอกอะไรอีกไหม?” คุณหญิงมิร์เรอร์ถามขณะที่ยังคงมองหานเซิ่นด้วยหางตา

 

“ไม่มีแล้ว” หานเซิ่นตอบ

 

“ถ้าเจ้าไม่ต้องการอะไรอีก แบบนั้นก็กลับไปได้แล้ว ข้ายังมีงานต้องทำ” คุณหญิงมิร์เรอร์พูด

 

“ข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้ แต่ท่านได้โปรดช่วยเลือกสาวใช้ให้กับข้าสักคน”
หานเซิ่นพูด คุณหญิงมิร์เรอร์จ้องมองเขาจนกระทั่งเขาออกไปจากห้องทำงานของเธอ

 

‘คุณหญิงมิร์เรอร์จะเลือกสาวใช้จากคนงานที่รับสมัครมาไหมนะ? ถ้าเธอเลือกจากพวกคนงาน มันก็มีโอกาสสูงที่หนิงเยวี่ยจะถูกเลือก’ หานเซิ่นคิดขณะที่เขาเดินออกไป

 

ถ้าคนที่คุณหญิงมิร์เรอร์เลือกไม่ใช่หนิงเยวี่ย แบบนั้นหานเซิ่นก็ต้องหาทางอื่นติดต่อกับหนิงเยวี่ย

 

วันต่อมา หลังจากที่หานเซิ่นเปิดประตูเพื่อพาเป่าเอ๋อไปกินข้าวเช้า เขาก็เห็นผู้หญิงเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขา

 

“องค์ชาย คุณหญิงมิร์เรอร์ขอให้หม่อมฉันมาคอยรับใช้องค์ชาย”
ผู้หญิงคนนั้นโค้งคำนับหานเซิ่น แต่ใบหน้าของเธอไร้ความรู้สึกใดๆ

 

“ไม่เลว! เจ้ามีชื่อว่าอะไร?” หานเซิ่นยิ้มให้กับอีกฝ่าย

 

หานเซิ่นคำนึงถึงความเป็นไปได้นี้เอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาไม่ได้ผิดหวังอะไร ถ้าคุณหญิงมิร์เรอร์เลือกใครมาแบบสุ่มๆ หานเซิ่นก็คิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าสงสัย

 

“ฟอลลิ่งลีฟ” หญิงสาวตอบ

 

“ฟอลลิ่งลีฟอย่างนั้นหรอ? ไม่เลว ไม่เลย คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ตามข้ามา พวกเราจะไปหาอะไรกินกัน”
หานเซิ่นหลี่ตาลงเล็กน้อยและยกเป่าเอ๋อขึ้นมานั่งบนไหล่ของเขา หลังจากนั้นพวกเขาทั้ง 3 คนก็มุ่งหน้าไปที่โรงอาหาร

 

หานเซิ่นหันไปหาสาวใช้คนใหม่ของเป่าเอ๋อและพูด “ฟอลลิ่งลีฟ หน้าที่ของเจ้าคือคอยดูแลเป่าเอ๋อ เจ้าห้ามทำให้นางร้องไห้เป็นอันขาด เจ้าเข้าใจใช่ไหม?”

 

“หม่อมฉันทราบแล้ว” ฟอลลิ่งลีฟตอบ เสียงของเธอนั้นไร้ความรู้สึก

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset