Super God Gene – ตอนที่ 2419

คุณหญิงมิร์เรอร์และสมาชิก 2 คนของสปริงเรนที่ชื่อเรดคลาวด์กับไนท์วินด์กำลังประชุมกัน แต่ทันใดนั้นจู่ๆก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากที่อยู่อาศัยของหานเซิ่น

 

“ข้าเป็นคนโง่!” ใครบางคนตะโกนขึ้นมา

 

ทั้ง 3 คนหันมาสบสายตากัน เสียงนั้นเป็นของฟอลลิ่งลีฟอย่างไม่ต้องสงสัย แต่พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าฟอลลิ่งลีฟนั้นจะตะโกนอะไรแบบนั้นออกมา

 

ฟอลลิ่งลีฟนั้นถูกรู้จักกันดีในฐานะหนึ่งในนักฆ่าที่ดีที่สุดของสปริงเรน เธอเป็นผู้หญิงที่โหดร้ายมาก เธอเป็นคนที่มีภาคภูมิ เหี้ยมโหดและพร้อมที่จะต่อสู้เสมอ คำพูดแบบนั้นจะออกมาจากปากคนอย่างเธอได้ยังไงกัน?

 

“นั่นเป็นเสียงของฟอลลิ่งลีฟไม่ใช่หรอ?” ไนท์วินด์หันไปมองเรนคลาวด์และคุณหญิงมิร์เรอร์ด้วยสีหน้าสับสน

 

“พวกเราพอกันก่อนเพียงแค่นี้ พวกเจ้า 2 คนไปพักได้”

คุณหญิงมิร์เรอร์ขมวดคิ้ว เธอลุกขึ้นและเดินไปทางที่พักของหานเซิ่น เธออยากจะเห็นว่าหานเซิ่นกำลังทำอะไรอยู่กันแน่

 

ผู้หญิงอย่างฟอลลิ่งลีฟไม่ใช่คนที่จะถูกบังคับให้พูดอะไรแบบนั้นออกมาได้ เธอเป็นคนที่เลือกตายดีกว่าที่จะต้องทำเรื่องที่น่าอับอายแบบนั้น

 

ถ้าหานเซิ่นใช้กลลวงบางอย่างเพื่อหลอกฟอลลิ่งลีฟ คุณหญิงมิร์เรอร์ก็ไม่คิดจะเมินเฉยต่อเรื่องนั้น เธอส่งฟอลลิ่งลีฟให้ไปคอยดูแลหานเซิ่น แต่เธอจะไม่มองข้ามถ้าฟอลลิ่งลีฟถูกรังแก

 

“ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” หานเซิ่นถามด้วยรอยยิ้มเมื่อเปิดประตูออกไปและเห็นคุณหญิงมิร์เรอร์

 

“เจ้าทำอะไรกับฟอลลิ่งลีฟ?” คุณหญิงมิร์เรอร์ขมวดคิ้ว

 

“ข้าจะไปทำอะไรได้? ข้าแทบจะไม่ได้พูดอะไรกับนางเลย นางกำลังเล่นเกมส์กับเป่าเอ๋ออยู่ ท่านจะมาดูก็ได้ถ้าท่านต้องการ” หานเซิ่นหลีกไปด้านข้างและเพื่อให้เธอเดินเข้ามาข้างใน

 

คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่เชื่อหานเซิ่น เธอเดินผ่านประตูและตรงเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น ที่นั่นเธอพบฟอลลิ่งลีฟกำลังเล่นไพ่กับเป่าเอ๋ออยู่

 

“คุณหญิงมิร์เรอร์!” ฟอลลิ่งลีฟรีบลุกขึ้นมาและโค้งคำนับ

 

“เจ้าเป็นอะไรไหม?” ใบหน้าของฟอลลิ่งลีฟเต็มไปด้วยสติ๊กเกอร์ ภาพที่เห็นนั้นเกือบจะทำให้คุณหญิงมิร์เรอร์หัวเราะออกมา

 

“ข้าไม่เป็นอะไร” ฟอลลิ่งลีฟหน้าแดง แต่เธอไม่ได้แกะสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่บนใบหน้าของเธอออก เธอเป็นนักฆ่า และนักฆ่านั้นรักษาคำพูดของพวกเขาเสมอ เธออาจจะพ่ายแพ้ แต่เธอจะไม่ทำผิดกฎ

“เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”

คุณหญิงมิร์เรอร์มองมาที่หานเซิ่นและพูดกับเขา “ตามข้ามา”

 

หานเซิ่นยักไหล่และตามคุณหญิงมิร์เรอร์ไปที่สวน

 

“เจ้ารู้ว่าฟอลลิ่งลีฟเป็นคนของข้า เจ้าควรจะระมัดระวังวิธีที่เจ้าจะปฏิบัติกับนาง” คุณหญิงมิร์เรอร์นั่งลงบนเก้าอี้ในสวนและมองไปที่หานเซิ่น

 

หานเซิ่นหัวเราะ “ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย และข้าก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรที่เป็นการล่วงละเมิดนางเช่นกัน นางแค่เล่นเกมส์กับเป่าเอ๋อเท่านั้น ท่านจะไปถามนางก็ได้ ถ้าท่านไม่เชื่อข้า”

 

“เจ้าไม่ได้ทำอะไรก็ดีแล้ว ข้าแค่จะเตือนเจ้าเฉยๆ อย่าได้ทำอะไรที่จะทำให้นางหรือข้าเป็นทุกข์เป็นอันขาด” คุณหญิงมิร์เรอร์พูด

 

“ข้าเข้าใจ” หานเซิ่นยักไหล่อีกครั้ง

 

“ยื่นมือของเจ้ามา” คุณหญิงมิร์เรอร์มองแหวนที่หานเซิ่นสวมอยู่ และคำพูดของเธอก็มีความลังเลอยู่

 

ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่ใช่นักสู้ที่แย่ แต่ระดับของเขายังต่ำเกินไป คุณหญิงไม่คิดว่าความแข็งแกร่งของหานเซิ่นในตอนนี้จะสามารถช่วยเหลืออะไรเธอได้มาก แต่ไหนๆเธอก็มาถึงที่นี่แล้ว เธอก็คิดว่าควรจะทำความรู้จักเขาให้ดีกว่านี้

 

จิตใจและหัวใจนั้นเชื่อมต่อกันอย่างแยกไม่ได้ ดังนั้นหนทางที่ดีที่สุดที่จะเรียนรู้ลักษณะนิสัยของคนๆหนึ่งคือการเรียนรู้ผ่านจิตใจของเขา มันเป็นวิธีการที่แม่นยำในการอ่านจะผู้คน

 

“ท่านกำลังจะทำอะไร?” หานเซิ่นถามขณะที่ยื่นมือขวาออกไปตรงหน้าคุณหญิงมิร์เรอร์

 

“นี่เจ้ากำลังแกล้งโง่อย่างนั้นหรอ?” คุณหญิงมิร์เรอร์จ้องไปที่หานเซิ่น

 

“แน่นอนว่าไม่ ท่านควรจะบอกข้าให้ชัดกว่านี้”

หานเซิ่นหัวเราะและดึงมือขวากลับไป หลังจากนั้นเขาก็ยื่นมือซ้ายออกมาแทน แหวนมิร์เรอร์สปิรินอายแวววาวบนนิ้วมือของเขา

 

คุณหญิงมิร์เรอร์มองไปที่แหวนมิร์เรอร์สปิริยอาย เมื่อได้เห็นแหวนจิตใจ เธอก็นึกย้อนไปถึงชายที่ครั้งหนึ่งเคยสวมใส่มัน ชายคนนั้นเป็นคนที่ชาญฉลาดและอ่อนโยน

 

แม้แต่ตอนนี้การคิดถึงชายคนนั้นก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นรัว

 

คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่เคยเสียใจที่แต่งงานกับชายคนนั้น การเลือกเขาเป็นประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเธอ แต่พระเจ้านั้นไม่อนุญาตให้เธออยู่เคียงข้างเขาไปตลอดการ

 

แต่หลังจากที่ได้เห็นเจ้าของแหวนในตอนนี้ คุณหญิงมิร์เรอร์ก็ทำได้แค่ถอนหายใจออกมา

 

ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่เลว แต่เธอคิดว่าเขาไม่สามารถเทียบกับผู้ชายคนนั้นได้

 

คุณหญิงมิร์เรอร์ยื่นมือของเธอออกมาและนำแหวนมิร์เรอร์สปิริตอายของเธอเอาไว้ข้างๆแหวนของหานเซิ่น

 

ใบหน้าของคุณหญิงมิร์เรอร์ไม่ได้มีความงามของนางแบบ เธอไม่ได้งดงามเหมือนผู้หญิงอย่างกู่ชิงเฉิง เธอดูเป็นผู้หญิงแต่งตัวดีและดูเป็นผู้ใหญ่

 

แต่ถึงอย่างนั้นมือของคุณหญิงมิร์เรอร์ก็งดงามกว่าที่จะติชม ทุกนิ้วของเธอนั้นเรียวยาว ผิวของเธอขาวเหมือนกับหยกและเล็บของเธอก็แวววาวเหมือนกับคริสตัล

 

มือของเธอดูสวยและสง่างาม หานเซิ่นเคยเห็นผู้หญิงที่งดงามมากมายในชีวิตของเขา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นมือที่สวยขนาดนี้

 

มือของคุณหญิงมิร์เรอร์ขยับเข้ามาใกล้หานเซิ่น และแหวนมิร์เรอร์สปิริตอายก็เริ่มมีปฏิกิริยา มรกตบนแหวนเริ่มเรืองแสงขึ้นมา

 

เมื่ออัญมณีที่เหมือนกับดวงตาทั้ง 2 สัมผัสกันและกัน ทั้งหานเซิ่นและคุณหญิงมิร์เรอร์ก็สั่นไหว พวกเขารู้สึกได้ถึงพลังประหลาดที่ก่อตัวขึ้นในแหวนมิร์เรอร์สปิริตอาย หลังจากนั้นพวกมันก็ไหลเข้ามาสู่ร่างกายของพวกเขาทั้ง 2 พวกมันเดินทางผ่านแขนและตรงไปสู่สมองของพวกเขา

 

ร่างกายของหานเซิ่นสั่นไหว เขามองไปรอบๆและพบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่กำลังมีฝนตกลงมา สายฝนฤดูใบไม้ผลิกำลังตกลงมาราวกับว่าพระเจ้านั้นกำลังร้องไห้

 

เมื่อเม็ดฝนตกลงมา พวกมันก็เปียกโชกทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวของเขา ทั้งต้นไม้ ดอกไม้ หญ้าหรือแม้แต่เกาลัด และความเศร้าโศกที่อยู่ภายในฝนก็มอบแหล่งพลังชีวิตและความหวังที่ไม่จำกัด

 

หานเซิ่นเรียนรู้ 48 จิตแห่งน้ำในหอคอยแห่งโชคชะตา และจิตแห่งฝนฤดูใบไม้ผลิก็เป็นหนึ่งในนั้น จิตของคุณหญิงมิร์เรอร์คือฝนฤดูใบไม้ผลิ แต่มันไม่ได้โฟกัสที่ไปตัวฝน

 

หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมาภายในจิตใจของเธอ และจู่ๆนั้นเขาก็รู้สึกนับถือผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา จิตใจนี้เป็นจิตใจที่มีแต่สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่จะมีได้

 

‘ไม่แปลกใจเลยที่องค์กรของเธอมีชื่อว่าสปริงเรน จิตใจนี้เป็นสิ่งที่รู้สึกได้เท่านั้น มันไม่ใช่บางสิ่งที่จะอธิบายได้ การจะได้จิตใจแบบนี้มาเป็นเรื่องที่ยากมากๆ คุณหญิงมิร์เรอร์เป็นผู้หญิงที่ซับซ้อน เราจะตัดสินเธอเหมือนอย่างที่ปกติเราจะทำกับคนอื่นไม่ได้’ ขณะที่หานเซิ่นสังเกตและสัมผัสจิตแห่งฝนฤดูใบไม้ผลิ เขาก็ได้เรียนรู้อะไรอย่างมาก

 

ร่างกายของคุณหญิงมิร์เรอร์นั้นสั่นไหวเช่นกัน เธอรู้สึกได้ถึงจิตใจหนึ่งเช่นเดียวกัน

 

แต่จิตใจนั้นไม่ได้น่าประหลาดใจหรือแข็งแกร่งจนเกินไป มันไม่ได้สร้างความประทับใจอะไรกับเธอมากนัก

 

คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่ได้คิดกับจิตใจของหานเซิ่นอย่างจริงจังอะไรนัก เพราะเธอนำแหวนมาสัมผัสกันก็เพื่อที่เธอจะได้รู้เกี่ยวกับเขามากขึ้นเท่านั้น แต่เมื่อจิตใจของเขาเริ่มขยาย คุณหญิงมิร์เรอร์ก็อึ้งไป

 

จิตใจของหานเซิ่ทที่คุณหญิงมิร์เรอร์ได้เห็นเป็นบางสิ่งที่เหมือนกับดอกไม้ที่กำลังจะบานออก ในตอนที่ดอกไม้ตูมอยู่นั้นมันอาจจะไม่ได้ดูน่าประทับใจอะไร แต่ขณะที่เธอพยายามทำความเข้าใจ เธอก็ลอกกลีบมันออก แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามสักแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถลอกกลีบออกได้หมด เธอไม่สามารถเข้าถึงศูนย์กลางของดอกไม้ได้ และนั่นเป็นอะไรที่รบกวนจิตใจของเธอ

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset