Super God Gene – ตอนที่ 2420

มันเหมือนกับว่าเธอได้รับของขวัญปริศนากล่องหนึ่งมา แต่เธอไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมันมาหรือว่าข้างในนั้นมีอะไรอยู่ ซึ่งหลังจากที่เปิดกล่องออก เธอก็ได้พบกับกล่องปริศนาอีกใบ เธอเปิดมันชั้นแล้วชั้นเล่า แต่เธอก็ยังไม่ได้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน

 

มันไม่ได้สำคัญว่าของขวัญที่อยู่ข้างในกล่องนั้นจะดีหรือไม่ แต่การเปิดกล่องของขวัญชั้นแล้วชั้นเล่านั้นจะทำให้คนเปิดรู้สึกหงุดหงิด

 

โชคดีที่คุณหญิงมิร์เรอร์เป็นคนที่มีความอดทนสูง ดังนั้นเธอจึงไม่รู้สึกรำคาญง่ายๆ เธอค่อยๆลอกจิตใจของหานเซิ่นออกทีละชั้นๆ แต่หลังจากทำแบบนั้นอยู่สักพัก เธอก็ยังไม่พบสิ่งที่อยู่ภายในศูนย์กลางของมัน

 

‘ข้าต้องการจะเห็นว่าในจิตใจของเจ้ามีอะไรอยู่’ คุณหญิงมิร์เรอร์คิดด้วยความมุ่นมั่น เธอสงบจิตใจของตัวเองและจิตใจระดับเทพเจ้าของเธอก็ทับจิตใจของหานเซิ่นอย่างเต็มน้ำหนักเพื่อพยายามเปิดมันออก

 

ฝนฤดูใบไม้ผลิทำลายกลีบของดอกไม้ จิตใจของหานเซิ่นเป็นเหมือนกับศูนย์กลางของดอกไม้ที่ถูกบังคับให้เปิดออก กลีบดอกไม้ร่วงหล่นกลีบแล้วกลีบเล่า และเมื่อตำแหน่งที่กลีบดอกไม้ปกคลุมอยู่ถูกเปิดเผย เธอก็พบว่ามันว่างเปล่า

 

“มันเป็นแค่เปลือกที่ไม่มีอะไรอยู่ภายใน” คุณหญิงมิร์เรอร์รู้สึกค่อนข้างผิดหวัง

 

จิตใจบ่งบอกถึงลักษณะนิสัยของคนๆนั้นและความรู้สึกของพวกเขาที่มีต่อสิ่งต่างๆ ภายนอกจิตใจของหานเซิ่นนั้นดูแข็งแกร่งมาก แต่ภายในนั้นว่างเปล่า ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่สามารถเป็นคนที่เข้มแข็งได้

 

คุณหญิงมิร์เรอร์ต้องการจะดึงจิตใจของเธอกลับ เนื่องจากเธอได้เห็นสิ่งที่ต้องการเห็นแล้ว แต่ไม่สามารถทำแบบนั้นได้

 

เธอเปิดจิตใจของหานเซิ่นด้วยใช้กำลัง จิตใจปกตินั้นจะแตกสลายด้วยการทำแบบนั้น และมันควรจะไม่มีร่องรอยของจิตใจหลงเหลืออยู่

 

แต่คุณหญิงมิร์เรอร์ยังคงสัมผัสได้ถึงจิตใจของหานเซิ่น นั่นเป็นอะไรที่คาดไม่ถึง

 

คุณหญิงมิร์เรอร์มองไปที่กลีบดอกไม้ทั้งหมดที่อยู่บนพื้น กลีบดอกไม้ทั้งหมดเป็นเหมือนกับคริสตัล พวกมันกระจัดกระจายอยู่ตามพื้น แต่พวกมันไม่ได้รับความเสียหายอะไร

 

ดวงตาของคุณหญิงมิร์เรอร์เบิกกว้าง เธอต้องการจะลอกกลีบทั้งหมดออกเพื่อดูสิ่งที่อยู่ข้างใน เธอไม่ได้สนใจที่จะดูตัวกลีบที่ถูกลอกออกไปเลย เมื่อเธอส่งจิตใจของตัวเองเข้าไปในกลีบหนึ่งกลีบ จิตใจของหานเซิ่นที่อยู่ภายในก็ซัดเข้ามาราวกับทะเล มันกว้างใหญ่ราวกับท้องฟ้าและลึกราวกับมหาสมุทร จิตใจนั้นลึกซึ้งซะจนทำให้คุณหญิงมิร์เรอร์ตกอยู่ภายใต้ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนของมัน

 

คุณหญิงมิร์เรอร์ก้มตัวลงไปและเก็บกลีบขึ้นมาอีกกลีบ จิตใจที่อยู่ภายในเป็นเหมือนกับภูเขาที่ถล่มลงมา มันเป็นเหมือนกับเสาที่ค้ำจุนท้องฟ้าเอาไว้

 

ถ้าเธอเป็นนวนิยายเล่มหนึ่ง ชายคนนี้ก็เป็นนวนิยายการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ทั้งเรื่อง

 

ชายคนนี้สามารถนิยามตัวเองว่าเป็นชายสูงอายุที่เจ็บป่วยใกล้ถึงวันตาย หรือเป็นนักรบที่พาตัวเองเข้าไปในการต่อสู้ที่ดุเดือนในตอนที่เขายังหนุ่ม

 

ผู้คนนั้นสนใจแค่ผลลัพธ์ ชัยชนะและความพ่ายแพ้เป็นตัวกำหนดทุกอย่าง และผู้คนแทบจะไม่ได้สนใจอะไรเหตุการณ์ที่นำไปสู่ผลลัพธ์นั้นๆ ผู้คนมักจะมองข้ามช่วงเวลายากลำบากและสิ้นหวังที่ต้องเผชิญ

 

ทุกคนเคยประสบกับความล้มเหลว แต่ผู้คนที่อดทนและกล้าหาญจะลุกกลับขึ้นมาไม่ว่าพวกเขาจะล้มเหลวสักกี่ครั้ง ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหนหรือมีอะไรเกิดขึ้น สิ่งเดียวที่จะไม่เปลี่ยนแปลงก็คือความปรารถนาในหัวใจของพวกเขา พวกเขาต้องการชัยชนะและมุ่งมั่นที่จะเอาชนะเหนือสิ่งอื่นใด

 

จิตใจของหานเซิ่นไม่มีศูนย์กลางอยู่นั่นเพราะจิตใจของเขาไม่มีปลายทาง ความทะเยอทะยานของเขาขยายออกไปเรื่อยๆเหนืออวกาศและกาลเวลา มันจะขยายไปข้างหน้าจนกระทั่งถึงเวลาตาย

 

หานเซิ่นไม่ได้ต้องการแค่จะปีนภูเขาที่สูงที่สุด เขาต้องการไปให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ความทะเยอทะยานของเขาไม่มีที่สิ้นสุด

 

คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่เห็นศูนย์กลางของจิตใจของหานเซิ่น แต่ทุกกลีบคือประสบการณ์ของหานเซิ่น มันมีทั้งความโกรธ ความสุข ความเศร้า ความอดทน ความรู้สึกของทะเล ท้องฟ้าและผืนดิน

 

บางทีจิตใจเดียวของหานเซิ่นอาจจะไม่ได้เหนือกว่าของคุณหญิงมิร์เรอร์ แต่ด้วยการสังเกตกลีบของจิตใจทั้งหมดและทำความเข้าใจพวกมัน คุณหญิงมิร์เรอร์ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกยำเกรง

 

ทันใดนั้นคุณหญิงมิร์เรอร์ก็เงยหัวขึ้นมา เธอรู้สึกตัวว่าตัวเองถูกกักขังอยู่ในจิตใจของหานเซิ่น ความรู้สึกของเธอกำลังส่งผลต่ออารมณ์

 

“เราไม่อาจจะอยู่ในสถานที่ที่รบกวนหัวใจของเราได้” คุณหญิงมิร์เรอร์พูด เธอเรียกจิตใจฝนฤดูใบไม้ผลิออกมาเพื่อจะทำลายกลีบดอกไม้ที่มีจิตใจของหานเซิ่นแฝงอยู่ภายใน เธอไม่ต้องการให้จิตใจของตัวเองได้รับผลกระทบ

 

กลีบดอกไม้นับหมื่นถูกทำลายโดยจิตใจของเธอ แต่ไม่นานคุณหญิงมิร์เรอร์ก็พบว่าเมื่อกลีบดอกไม้ถูกทำลายไปแล้ว พวกมันก็ร่วงหล่นลงไปกับพื้นและเกิดเป็นดอกไม้ดอกใหม่ขึ้นมา

 

ไม่สำคัญว่าคุณหญิงมิร์เรอร์จะพยายามทำลายจิตใจของหานเซิ่นยังไง มันก็มีดอกไม้งอกขึ้นมาใหม่ เธอไม่สามารถทำลายพวกมันได้ และพวกมันก็แพร่กระจายออกไปมากขึ้น

 

“ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น?” คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่สามารถสงบจิตใจได้ การจะทำลายจิตใจของหานเซิ่นอย่างสมบูรณ์นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเธอ

 

เธอเป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้า จิตใจของเธอเป็นหนึ่งในจิตใจที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่สามารถทำลายจิตใจของหานเซิ่นที่เป็นแค่ระดับราชันคนหนึ่งได้ เธอไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

 

‘นี่จิตใจของเขาแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นจริงๆหรอ?’ คุณหญิงมิร์เรอร์คิด

 

คุณหญิงมิร์เรอร์ก้าวถอยหลังออกไป เธอยกแหวนมิร์เรอร์สปิริตอายทั้ง 2 ออกจากกันและมองตรงไปที่หานเซิ่น

 

คุณหญิงมิร์เรอร์ค้นพบว่าจิตใจของเธอละลายอย่างรวดเร็วในร่างกายของหานเซิ่น และไม่กี่วินาทีต่อมามันก็หายไปจนหมด แม้แต่คุณหญิงมิร์เรอร์ก็ไม่สามารถสัมผัสถึงมันได้อีก

 

“ขอบคุณ ท่านหญิงมิร์เรอร์” หานเซิ่นลืมตาขึ้นมาและโค้งคำนับคุณหญิงมิร์เรอร์

 

จิตฝนฤดูใบไม้ผลิของคุณหญิงมิร์เรอร์ช่วยทำให้หานเซิ่นได้เรียนรู้อะไรมากมาย

 

คุณหญิงมิร์เรอร์มองไปที่หานเซิ่น หลังจากนั้นเธอก็จากไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ

 

เมื่อคุณหญิงมิร์เรอร์กลับไปถึงห้อง เธอก็พยายามใช้วิธีต่างๆเพื่อจะลบอิทธิพลจากจิตใจของหานเซิ่นออกไป แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามสักแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถทำได้ มันทำให้คุณหญิงมิร์เรอร์รำคาญใจอย่างมาก

 

“นี่จิตใจของเราสู้กับราชันคนหนึ่งไม่ได้อย่างนั้นหรอ?” คุณหญิงมิร์เรอร์กัดริมฝีปากและพยายามใช้จิตใจของเธอลบล้างดอกไม้ที่เป็นตัวแทนจิตใจของหานเซิ่นออกไป แต่ความพยายามของเธอนั้นล้มเหลว ดอกไม้เหล่านั้นฝังรากลึกในจิตใจของเธอและไม่ว่าเธอจะพยายามทำลายพวกมันยังไง พวกมันก็สามารถงอกออกมาใหม่ได้เรื่อยๆ

 

คนของคุณหญิงมิร์เรอร์ทำงานอยู่ในทุ่งหินเป็นเวลาอีก 5 วัน หลังจากนั้นก็มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง คนงานขุดก้อนหินประหลาดก้อนหนึ่งที่มีอักษรสลักอยู่ขึ้นมาได้

 

มาร์ควิส 2 คนที่ขุดหินขึ้นมาอ่านตัวอักษณนั้น และจู่ๆพวกเขาก็กลายเป็นระดับดยุก

 

คุณหญิงมิร์เรอร์ออกไปที่ทุ่งหินพร้อมกับเรดคลาวด์และนำหินกลับมาที่ค่าย หลังจากที่ตรวจสอบก้อนหินอยู่ 2 วัน เรดคราวด์ที่เป็นระดับเทพเจ้าก็ถูกลดระดับลงมาเป็นราชันในชั่วข้ามคืน

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset