Super God Gene – ตอนที่ 2428

บนฉากกั้นนั้นมีรูปภาพของสิ่งมีชีวิตอยู่ สิ่งมีชีวิตนั้นมีแขน ขาและหัวเหมือนกับมนุษย์ แต่น่าแปลกที่มันไม่มีใบหน้า

 

ในจุดที่ควรจะมีดวงตา จมูกและปากนั้นถูกปล่อยว่างเอาไว้ มันทำให้ภาพวาดบนฉากกั้นดูเหมือนกับภาพของคนไร้ใบหน้า

 

แต่สิ่งที่ทำให้หานเซิ่นประหลาดใจไม่ใช่เรื่องนั้น เพราะยังไงซะเขาก็เคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่ประหลาดมาต่างนาๆ ดังนั้นเพียงแค่ภาพวาดของคนไร้ใบหน้าไม่เพียงพอที่จะสั่นคลอนเขาได้

 

บนฉากกั้นที่มีความยาวหนึ่งร้อยเมตรนั้นมีภาพถูกวาดเอาไว้ทั้งหมด 6 ภาพด้วยกัน ภาพแรกแสดงถึงเมืองหอคอยที่พังพินาศ หนึ่งหน้าของหอคอยมีผู้คนหลายคนที่ไม่มีใบหน้ายืนอยู่ หนึ่งในคนไร้ใบหน้ากำลังใช้ดาบฟันใส่ประตูของหอคอย

 

ภาพแรกนั้นแสดงด้านหลังของเหล่าคนไร้ใบหน้า แต่เมื่อหานเซิ่นได้เห็นพวกเขา เขาก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที

 

“คนไร้ใบหน้าในภาพวาดนี่คงจะไม่ใช่พวกเราหลอกใช่ไหม?” หานเซิ่นพูดขณะที่จ้องไปที่ภาพวาดภาพแรก

 

ถึงเขาจะเห็นแค่ด้านหลังของบุคคลไร้ใบหน้าที่กำลังฟันใส่หอคอย แต่ภาพๆนั้นก็ทำให้เขานึกถึงตอนที่ไนท์วินด์ใช้ดาบแห่งความืดฟันใส่ประตูหิน

 

มันมีบุคคลไร้ใบหน้า 2 คนยืนมองดูอยู่ด้านหลัง ขณะที่บุคคลไร้ใบหน้าคนที่ 4 กำลังนอนอยู่กับพื้น นั่นเห็นได้ชัดว่าบุคคลไร้ใบหน้าทั้ง 3 คือหานเซิ่น คุณหญิงมิร์เรอร์และคนงานระดับดยุกที่พวกเขาพามาด้วย

 

ไม่ว่าหานเซิ่นจะดูมันยังไง รูปภาพก็ดูเหมือนภาพของพวกเขาที่พยายามจะผ่านประตูหินเข้ามาข้างในเมืองหอคอย ผู้คนในภาพวาดนั้นไร้ใบหน้าและรูปร่างของพวกเขาก็ไม่ได้ชัดเจนอะไรนัก ซึ่งนั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้หานเซิ่นยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อสันนิษฐานนั้นเป็นความจริง

 

หานเซิ่นและคุณหญิงมิร์เรอร์หันมามองหน้ากัน หลังจากนั้นพวกเขาก็หันความสนใจไปที่รูปภาพที่ 2 ภาพวาดนั้นยังคงเป็นภาพด้านหลังของบุคคลไร้ใบหน้าทั้ง 4 คน พวกเขากำลังหันหลังและไม่ไกลไปจากทั้ง 4 คนนั้นมีดาบปักอยู่ที่พื้น

 

หานเซิ่นไม่คิดว่ารูปภาพนี้ต้องใช้การตีความอะไรมากนัก มันเห็นได้ชัดว่านั่นเป็นรูปภาพที่บรรยายถึงตอนที่พวกเขาค้นพบดาบขึ้นสนิมขนาดใหญ่ที่เสียบอยู่ที่พื้น

 

และรูปภาพรูปที่ 3 นั้นก็เป็นรูปภาพของพวกเขาที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าฉากกั้นอย่างไม่ต้องสงสัย บุคคลไร้ใบหน้า 3 คนกำลังตรวจดูภาพวาดบนฉากกั้น ขณะที่บุคคลไร้ใบหน้าคนหนึ่งกำลังนอนอยู่บนพื้น มันดูเหมือนกับพวกเขาจริงๆ

 

“ใครกันที่กล้ามาเล่นลูกไม้อะไรแบบนี้? เผยตัวออกมาซะ!” ไนท์วินด์ตะโกนและฟันดาบไปที่ฉากกั้นซ้ำๆ

 

มันเห็นได้ชัดว่านอกซะจากคนที่วาดรูปภาพบนฉากกั้นจะเป็นคนที่สามารถทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ มันก็ไม่มีทางที่ภาพวาดเหล่านี้จะถูกวาดก่อนที่พวกเขาจะมาถึง

 

ความเป็นไปได้เดียวก็คือใครบางคนใส่พลังบางอย่างไว้ที่ฉากกั้น และเมื่อพวกเขามาถึงที่นี่ มันก็ก่อเป็นรูปภาพที่พวกเขาเห็นอยู่ในตอนนี้

 

โซ่สสารของไนท์วินด์ฟันไปถูกฉากกั้นและแตกกระจายอีกครั้งโดยที่ไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้ ฉากกั้นนั้นแข็งแรงราวกับสมบัติระดับเทพเจ้า

 

“อย่ามัวเสียแรงเปล่าเลย พวกเราควรไปดูรูปภาพรูปต่อไป” คุณหญิงมิร์เรอร์พูด

 

การโจมตีของไนท์วินด์นั้นไร้ประโยชน์ เขาลดดาบลงและเดินตามคุณหญิงมิร์เรอร์ไปเพื่อดูภาพถัดไป

 

หานเซิ่นเข้าใจว่าคุณหญิงมิร์เรอร์จะบอกอะไร ภาพที่ 3 นั้นพรรณนาถึงสถานการณ์ในตอนนี้ของพวกเขา แต่มันยังคงมีอีก 3 ภาพบนฉากกั้น ถ้าภาพพวกนี้ถูกวาดไว้ตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง อย่างนั้นแล้ว 3 ภาพที่เหลือก็อาจจะทำนายถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป

 

ถ้ารูปภาพไม่สามารถทำนายสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้ หรือถ้าการทำนายของพวกมันไม่ถูกต้อง มันก็จะพิสูจน์ว่ามีใครบางคนกำลังเล่นลูกไม้กับพวกเขา นั่นจะหมายความว่าฉากกั้นนี้ไม่ได้มีพลังในการทำนายอนาคตและพวกเขาก็ไม่มีจำเป็นต้องกลัว

 

หานเซิ่นมองไปที่รูปภาพรูปที่ 4 รูปภาพรูปที่ 4 ยังคงแสดงถึงบุคคลไร้ใบหน้า 4 คน ตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับต้นไม้ต้นหนึ่ง และในครั้งนี้พวกเขาไม่ได้หันหลังทั้งหมด

 

คนไร้ใบหน้าคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น และอีก 2 คนหันหลังอยู่ แต่คนไร้ใบหน้าคนสุดท้ายนั้นแสดงหน้าที่ไร้ใบหน้าของเขา

 

หนึ่งในบุคคลไร้ใบหน้าที่หันหลังถือดาบอยู่ในมือ ดาบนั้นแทงทะลุบุคคลไร้ใบหน้าที่หันหน้ามาทางพวกเขา

 

“ภาพนี่ทำนายว่าพวกเราจะฆ่าฟันกันเองอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นสงสัย

 

ไนท์วินด์มองไปที่รูปภาพรูปและขมวดคิ้ว คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เธอเพียงแค่เดินต่อไปเพื่อดูรูปภาพรูปที่ 5

 

รูปภาพรูปที่ 5 นั้นไม่ได้บรรยายถึงบุคคลไร้ใบหน้า 4 คนอีกต่อไป มันเป็นภาพของบุคคลเพียง 3 คนเท่านั้น หนึ่งในพวกเขากำลังนอนอยู่บนพื้น ขณะที่อีก 2 คนกำลังบีบคอกันและกัน

 

“นั่นมันเหลวไหลสิ้นดี!” ไนท์วินด์สบถ

 

นี่เป็นการทำนายว่าพวกเขาจะฆ่ากัน ไนท์วินด์คิดว่ามีใครบางคนกำลังเล่นลูกไม้กับพวกเขา

 

คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรเช่นเคย เธอเดินต่อไปเพื่อดูรูปภาพรูปที่ 6 ซึ่งเป็นภาพสุดท้าย

 

ภาพที่ 6 เป็นภาพที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าเดิม มันเป็นภาพของบุคคลไร้ใบหน้า 2 คน คนหนึ่งนั้นนอนอยู่บนพื้น ขณะที่อีกคนกำลังประสานมือของตัวเองราวกับว่ากำลังสวดภาวณา

 

ตรงหน้าคนที่กำลังสวดภาวณาอยู่นั้นมีรูปปั้นที่มีแขนและดวงตานับพันอยู่ มันดูเหมือนกับรูปปั้นที่พวกเขาได้เห็นก่อนที่จะมาถึงหอคอยแห่งนี้

 

“มันจะต้องมีบางสิ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ที่นี่ และมันก็วาดภาพพวกนี้เพื่อเล่นตลกกับพวกเรา” ไนท์วินด์พูดขณะที่มองรูปภาพด้วยสีหน้าดูถูก

 

หานเซิ่นรู้ว่าทำไมไนท์วินด์ถึงได้แสดงปฏิกิริยาที่รุนแรงออกมาแบบนั้น เขาไม่ได้พยายามจะบอกว่ารูปภาพนี้มันบ้าบอแค่ไหน แต่เขาแค่กำลังพยายามที่จะบอกถึงความภักดีของเขา

 

บุคคลไร้ใบหน้าทั้ง 4 ไม่มีใบหน้า และทั้ง 4 คนก็ไม่สามารถระบุได้ด้วยรูปร่างของร่างกายเช่นเดียวกัน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าใครเป็นใคร

 

แต่บุคคลไร้ใบหน้าที่ถือดาบนั้นเห็นได้ชัดว่าโจมตีใส่คนอื่น และคนงานระดับดยุกที่พวกเขาพามาด้วยก็เห็นได้ชัดว่าคือคนที่นอนอยู่บนพื้นในทุกรูปภาพบนฉากกั้น

 

มันมีบุคคลไร้ใบหน้าคนเดียวในรูปภาพที่ใช้ดาบ ไนท์วินด์เองก็ใช้ดาบเช่นกัน และเขาก็เชี่ยวชาญในวิชาดาบ บุคคลไร้ใบหน้าที่ถือดาบนั้นคงจะต้องเป็นเขาแน่ และนั่นเป็นเหตุผลที่เขาต้องการจะพิสูจน์ความภักดีของตัวเองให้คุณหญิงมิร์เรอร์ได้เห็น

 

ไนท์วินด์ไม่รู้ว่าหานเซิ่นเป็นองค์ชายสิบหกตัวปลอม การฆ่าองค์ชายสิบหกหรือคุณหญิงมิร์เรอร์ที่เป็นคนสนิทของราชาไป๋นั้นจะมีผลที่เลวร้ายตามมา

 

สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้านั้นแข็งแกร่งมากๆ แต่มันไม่สามารถเทียบกับกำลังของทั้งเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงได้

 

“มันไม่สำคัญว่าคนที่ทำแบบนั้นจะเป็นเทพหรือผี ถ้าเขาไม่เผยตัวเองมา มันก็แสดงวให้เห็นว่าเขาหวาดกลัวพวกเรา ไนท์วินด์ เจ้านำทางต่อไป”
คุณหญิงมิร์เรอร์พูด ใบหน้าที่งดงามของเธอยังคงดูสงบนิ่ง เธอดูเหมือนจะไม่สนใจภาพวาดเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย

 

หานเซิ่นเองก็ไม่ได้กังวลอะไรกับมันเช่นกัน เป็นอย่างที่คุณหญิงมิร์เรอร์พูด ถ้าเกิดมีใครบางคนวาดรูปภาพเหล่านี้จริงๆ นั่นก็แสดงให้เห็นว่าคนๆนั้นไม่กล้าออกมาโจมตีพวกเขาตรงๆ ศัตรูที่พวกเขามองไม่เห็นคงจะต้องหวาดกลัวบางสิ่งอยู่ และนั่นก็ทำให้พวกเขารู้สึกปล่อยภัยขึ้นมาหน่อย

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset