Super God Gene – ตอนที่ 2435

หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกที่รุนแรง ร่างกายของเขาเอนไปด้านหลังและล้มลงไปกับพื้น

 

คุณหญิงมิร์เรอร์ยังคงไม่เคลื่อนไหว ขณะที่เด็กสาวกระโดดจับคอของหานเซิ่น เธอกดเขาลงกับพื้น พวกเขาทั้งคู่เป็นเหมือนในภาพที่ 5 ที่อยู่บนฉากกั้น

 

หานเซิ่นเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่ล้มลงไป ดวงตาของหานเซิ่นก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวด้วยการเปิดใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด

 

“พี่ชาย… หว่านเอ๋อกำลังรอคอยให้พี่ชายกลับมา!” เด็กสาวผมทองยิ้มออกมา เธอเลื่อนมือขึ้นมาจับใบหน้าของเขาและลดหัวลงเพื่อจูบหน้าผากของหานเซิ่น

 

หานเซิ่นอึ้งไป เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่แสงสีขาวในดวงตาของเขาเริ่มจะมัวลงไป

 

หานเซิ่นยังคงพยายามใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด แต่มันดับไป หลังจากที่เด็กสาวจูบหน้าผากของเขา

 

แสงสีทองของเด็กสาวเองก็มัวไปเช่นเดียวกัน ผมสีทองที่ส่องสว่างตอนนี้เป็นเหมือนกับไฟที่ถูกดับ มันมืดลงจนกระทั่งผมของเธอกลายเป็นสีดำ แม้แต่ม่านตาสีทองของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีดำเหมือนกับหมึก

 

“ในที่สุดก็ได้อยู่กับพี่ชายอีกครั้ง” หว่านเอ๋อดึงตัวเองกลับขึ้นมาและนั่งลงบนอกของหานเซิ่น เธอมองเขาพร้อมกับยิ้มออกมา

 

รอยยิ้มของเธอดูอ่อนหวานซะจนทำให้หานเซิ่นแข็งทื่อไป ในจังหวะนั้นเธอดูไร้เดียงสามากๆ

 

แต่วินาทีต่อมา ดวงตาของเธอก็ปิดลง เธอล้มตัวลงไปบนอกของหานเซิ่นและหมดสติไป

 

“เฮ้ เฮ้ สาวน้อย เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ใช่พี่ชายของเจ้า”
หานเซิ่นยกเด็กสาวที่เรียกตัวเองว่าหว่านเอ๋อขึ้นขณะที่ลุกกลับขึ้นมา

 

ผิวของเธอเรียบเนียนและอ่อนนุ่มอย่างมาก หานเซิ่นสัมผัสไม่ได้ถึงพลังที่น่ากลัวจากเธออีกต่อไป พลังชีวิตของเธอเหลือเพียงแค่เศษเสี้ยวของที่เคยเป็น ตอนนี้เธอดูอ่อนแอราวกับสามัญชนของจักรวาลแห่งนี้ หรือบางทีเธออาจจะอ่อนแอยิ่งกว่านั้นเสียอีก

 

ถ้าหานเซิ่นไม่ได้เห็นเธอเปลี่ยนร่างต่อหน้าต่อตา เขาก็ไม่มีทางเชื่อว่าเด็กสาวผมดำคนนี้จะเป็นคนเดียวกับเด็กสาวผมทองที่เพิ่งจะฆ่าไนท์วินด์ที่เป็นระดับเทพเจ้าในการโจมตีเพียงครั้งเดียว

 

หานเซิ่นรู้สึกตัวว่าตอนนี้รอยสักแมวเก้าชีวิตบนหลังของเธอหายไปแล้วเช่นกัน ผิวบนหลังของเธอเรียบเนียนและขาวราวกับว่ามันไม่เคยมีรอยสักอยู่ตั้งแต่แรก

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว เมื่อเขาลองสแกนเด็กสาว เขาก็ยืนยันได้ว่าเธอแค่หมดสติไป แต่ทว่าพลังชีวิตที่อ่อนแอของเธอเป็นอะไรที่น่ากังวล

 

“สาวน้อย ตื่น!” หานเซิ่นกดนิ้วลงบนริมผีปากของเธอเพื่อจะดูว่าเธอหมดสติไปจริงๆหรือว่าเธอแค่แกล้งทำ

 

แต่หานเซิ่นก็ต้องรีบดึงนิ้วมือกลับอย่างตื่นตระหนก เด็กสาวที่ชื่อหว่านเอ๋อไม่ตื่นขึ้นมา และผิวของเธอก็เริ่มมีเลือดไหลออกมาในตำแหน่งที่เขากดนิ้วลงไป

 

หานเซิ่นไม่ได้ออกแรงมากแต่อย่างใด เขาแค่กดลงบนผิวฝีปากของเธอเบาๆ แต่ผิวของเธอนั้นแตกและมีเลือดไหลออกมา เธอไม่เหมือนกับบุคคลเดิมในตอนที่เธอตื่นขึ้นมาอีกแล้ว

 

“นี่มันคืออะไรกัน? เกิดอะไรขึ้น?” หานเซิ่นมองไปที่เด็กสาวในอ้อมแขนด้วยความสับสน

 

ในที่สุดคุณหญิงมิร์เรอร์ก็ลุกกลับขึ้นมา เธอหยิบดาบหักบนพื้นและพยายามจะแทงใส่เด็กสาว

 

หานเซิ่นโอบแขนรอบตัวเด็กสาวแน่นกว่าเดิมและหลบการโจมตีของคุณหญิงมิร์เรอร์

 

คุณหญิงมิร์เรอร์มองเขาด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
“เจ้ากำลังทำอะไร? นี่เป็นโอกาสดีที่จะฆ่านาง ถ้านางตื่นขึ้นมาและใช้พลังนั้นอีกครั้ง พวกเราจะเป็นฝ่ายที่ถูกฆ่าแทน”

 

หานเซิ่นขมวดคิ้วและมองไปที่เด็กสาวในอ้อมแขน เขาเองก็คิดเกี่ยวกับการทำแบบนั้นเช่นกัน

 

เขารู้ว่าคุณหญิงมิร์เรอร์พูดถูก ในตอนนี้ร่างกายของเด็กสาวเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป นี่เป็นโอกาสดีที่สุดของพวกเขาที่จะฆ่าเธอจริงๆนั่นแหละ

 

ถ้าเธอตื่นขึ้นมาและใช้พลังนั่นอีกครั้ง พวกเขาก็จะไม่สามารถทำอะไรเธอได้อีก พวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง

 

ในภาพที่ 6 มันมีบุคคลใบไร้หน้า 2 คน นั่นหมายความว่าหนึ่งในพวกเขาจะต้องตาย ถ้าพวกเขาไม่ฆ่าเด็กสาวในตอนนี้ นั่นก็หมายความว่าคนที่จะต้องตายเป็นหนึ่งในพวกเขาทั้ง 2 สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปอาจจะเป็นผลจากความขัดแย้งระหว่างหานเซิ่นและคุณหญิงมิร์เรอร์ เพราะแบบนั้นการฆ่าเด็กสาวไปดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

 

แต่หานเซิ่นยังคงลังเล สิ่งที่หว่านเอ๋อพูดกับหานเซิ่นก่อนที่เธอจะหมดสติไปยังคงติดอยู่ในใจของเขา ถึงเขาจะไม่คิดตัวเองเป็นพี่ชายของหว่านเอ๋อ แต่การฆ่าเด็กสาวที่ไม่มีหนทางตอบโต้นั้นเป็นบางสิ่งที่หานเซิ่นไม่สามารถบังคับให้ตัวเองลงมือทำได้

 

และมันมีอีกเรื่องหนึ่งที่ยังค้างคาใจของเขาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ร่างเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดควรจะเป็นอะไรที่ไร้เทียมทาน แต่พลังของเด็กสาวนั้นสามารถยกเลิกการเปิดใช้งานมันได้ หานเซิ่นสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

พลังของโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดไม่ได้หายไปไหน และเขาก็สามารถเปิดใช้งานมันอีกครั้งได้ถ้าเขาต้องการ สิ่งที่เด็กสาวเพิ่งจะทำไปเป็นอะไรที่เขาไม่เคยประสบมาก่อน หานเซิ่นจึงไม่อาจจะลบมันออกไปจากจิตใจของเขาได้

 

คุณหญิงมิร์เรอร์รู้ว่าหานเซิ่นกำลังคิดอะไร เธอยกดาบขึ้นและชี้ไปที่เด็กสาวพร้อมกับพูด
“อย่าได้ถูกหลอกโดยสิ่งที่นางพูด นางคงจะรู้ตัวว่าตัวเองจะคงสติอยู่ได้นาน และนั่นเป็นเหตุผลที่นางพูดออกไปอย่างนั้น เจ้าควรจะรู้ดีไม่ใช่หรือว่านางไม่ใช่น้องสาวจริงๆของเจ้า?”

 

“ถึงนางจะไม่ใช่น้องสาวของข้า แต่ข้าทำมันไม่ได้” หานเซิ่นถอดเสื้อของเขาและใช้มันคลุมร่างของเด็กสาว

 

เด็กสาวสามารถฆ่าเขาได้ แต่เธอไม่ทำแบบนั้น หานเซิ่นรู้ดีว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณหญิงมิร์เรอร์พูดออกมา

 

“ถ้าเจ้าทำมันไม่ได้ อย่างนั้นข้าจะทำมันเอง!” คุณหญิงมิร์เรอร์พูด

 

“ข้าต้องขอโทษด้วย แต่มันมีบางสิ่งที่ข้าอยากจะถามนาง พวกเราค่อยตัดสินใจอีกครั้งหลังจากที่นางตื่นขึ้นมาแล้ว” หานเซิ่นพูดขณะที่อุ้มเด็กสาวเอาไว้

 

“เจ้าเป็นสุภาพบุรุษ แต่เจ้าดูจะลืมไปว่าภาพที่ 6 แสดงถึงอะไร” คุณหญิงมิร์เรอร์พูด

 

“ข้าไม่ได้ลืม แต่ท่านคงไม่คิดจริงๆหรอกนะว่าภาพนั้นจะทำนายอนาคตของพวกเราได้น่ะ?” หานเซิ่นถามอย่างใจเย็น

 

“ข้าไม่รู้ว่ามันจะทำนายอนาคตของพวกเราได้หรือไม่ แต่ทุกอย่างที่มันทำนายก่อนหน้านั้นเป็นความจริง ดังนั้นพวกเราควรจะระวังเอาไว้” คุณหญิงมิร์เรอร์พูด

 

หานเซิ่นรู้ว่าคุณหญิงมิร์เรอร์นั้นพูดถูก เขาถอนหายใจและพูด
“ท่านควรจะไปซะ ให้ข้าจัดการเรื่องนี้เอง ข้าจะสำรวจที่นี่ต่อไป ถึงแม้การทำนายของฉากกั้นจะถูกต้อง มันก็ไม่ได้บอกว่าคนที่ไม่ได้อยู่ในภาพคือคนที่ตายไป”

 

“เจ้าและข้าเคยแลกเปลี่ยนจิตใจกัน เจ้าควรจะรู้ว่านิสัยของข้าเป็นยังไง”
คุณหญิงมิร์เรอร์ไม่เคลื่อนไหว เธอยังคงชี้ดาบไปที่เด็กสาวในอ้อมแขนของหานเซิ่น

 

หานเซิ่นรู้จักลักษณะนิสัยของคุณหญิงมิร์เรอร์ดี เธอเป็นคนทะเยอทะยาน และความทะเยอทะยานนั้นก็ทำให้เธอต้องการจะควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง เธอจะไม่ปล่อยให้ใครคนอื่นบ่งการอนาคตของเธอ ไม่อย่างนั้นเธอก็คงจะไม่มาที่ทุ่งหินด้วยตัวเองตั้งแต่แรก เธอเพียงแค่ส่งหานเซิ่น ไนท์วินด์หรือเรดคลาวด์มาก็ได้

 

“ท่านหญิงมิร์เรอร์ นี่ท่านไม่เห็นหรือว่าพวกเรากำลังทำตามคำทำนายนั้น”
หานเซิ่นมองไปที่คุณหญิงมิร์เรอร์ เขาไม่ได้เชื่อในคำทำนาย

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset