Super God Gene – ตอนที่ 2436

ในตอนที่เด็กสาวออกมาจากไข่ต้นเรเควี่ยม รูปปั้นมนุษย์ที่อยู่ในค่ายก็เริ่มจะละลายราวกับก้อนน้ำแข็ง แต่ของเหลวที่ละลายออกมานั้นไม่ใช่น้ำแต่เป็นเลือด

 

หนูทดลองทั้ง 2 คนที่อยู่ภายในโกดังเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาถอยห่างจากก้อนหินด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง พวกเขาส่งเสียงกรีดร้องและวิ่งหนีไป แต่ก่อนที่พวกเขาจะหนีไปได้ ดวงตาของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

 

เลือดไหลออกมาจากก้อนหินมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเวลาผ่านไป มันก็เริ่มระเหยจากพื้นกลายเป็นไอที่แพร่กระจายไปสู่อากาศรอบๆ

 

ทั้งสมาชิกของสปริงเรนและคนงานทุกคนที่อยู่ใกล้เคียงตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของพลังที่มองไม่เห็นนั้น พลังของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเขาเพิ่มระดับขึ้นหนึ่งระดับและยีนของพวกเขาก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม

 

ระดับราชันทุกคนที่อยู่ใกล้เคียงนั้นกลายเป็นระดับครึ่งเทพ แต่คนที่เป็นระดับครึ่งเทพจะถูกลดระดับลงมาเหลือเพียงแค่ระดับดยุกเท่านั้น

 

สิ่งมีชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากก้อนหินอยู่ก่อนแล้วนั้นไม่ได้รับความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง และมันยังมีอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้ผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งคนๆนั้นก็คือหนิงเยวี่ย เขาไม่ได้ถูกเพิ่มระดับขึ้นหรือลดระดับลงแม้แต่น้อย

 

ดาบเขียวน้อยของเขาส่งเสียงร้องออกมา มันบินขึ้นและลงมาอยู่ในมือของหนิงเยวี่ย มันส่องแสงสีเขียวออกมาปกป้องเขาเอาไว้

 

ในห้องของหานเซิ่น เป่าเอ๋อยังคงเล่มเกมส์กับฟอลลิ่งลีฟอยู่ แต่จู่ๆเธอก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ดูกังวล เธอปรบมือและเรียกน้ำเต้าน้อยออกมา น้ำเต้าน้อยส่องแสงออกมาห่อหุ้มเธอ ฟอลลิ่งลีฟและนกแดงน้อยเอาไว้

 

“เจ้ากำลังทำอะไร?” ฟอลลิ่งลีฟถาม เธอไม่รู้ว่าเป่าเอ๋อกำลังทำอะไรกันแน่ เธอเห็นน้ำเต้าของเป่าเอ๋อส่องแสงออกมา แต่เธอไม่ได้สังเกตเห็นพลังที่ผิดปกติอะไรอย่างอื่น

 

“ไม่มีอะไร พวกเราเล่มเกมส์กันต่อเถอะ” เป่าเอ๋อพูดพร้อมกับกระพริบตาปริบๆ

 

ฟอลลิ่งลีฟไม่ได้พูดอะไรอีก พวกเขาเริ่มเล่นเกมส์กันต่อ แต่หลังจากที่ก้อนหินที่อยู่ภายในโกดังละลายจนหมดแล้ว ชายผมขาวในชุดสีขาวก็เผยออกมาให้เห็น เขาอยู่ในท่านั่งท่าเดียวกับที่รูปปั้นหินเคยเป็น เขาดูซีดเซียวและมีกลิ่นเหม็นอับ มันดูเหมือนกับว่าเขานั่งอยู่แบบนี้มานานแสนนาน การก่อตั้งและการล่มสลายของจักรวรรดินั้นเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆสำหรับคนอย่างเขา

 

ชายคนนั้นถอนหายใจและค่อยๆลืมตาขึ้นมา เขาพูดกับตัวเอง
“หลังจากผ่านมานานแสนนาน ข้าก็ยังอยากจะร่วมดื่มกับเจ้า ข้าจะยังมีเหตุผลอะไรที่จะอยู่บนโลกนี้ต่อไปโดยไม่มีเจ้า?”

 

ชายผมขาวลุกขึ้นและเดินออกไปจากโกดัง

 

ในขณะเดียวกันสิ่งมีชีวิตในค่ายก็กำลังต่อสู้กันเอง ระดับของพวกเขาบางคนเพิ่มขึ้น บางคนลดลงและดวงตาของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง พวกเขากลายเป็นบ้าและกระหายเลือด พวกเขาพยายามจะฆ่าทุกคนที่อยู่ใกล้เคียง

 

พลังต่างๆนาๆถูกร่ายทั่วทั้งค่าย ถ้าค่ายแห่งนี้ไม่ได้ถูกสร้างด้วยหินดำที่แข็งแรงล่ะก็ มันก็คงจะพังพินาศไปนานแล้ว

 

ชายผมขาวเดินผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือด แต่ไม่มีใคนคนไหนที่เข้ามาโจมตีเขา ไม่มีพลังใดที่กล้าจะมาถูกตัวเขา เขาเดินผ่านค่ายไปราวกับผีที่ไม่มีตัวตน

 

ชายผมขาวเดินออกมาจากค่ายและเงยหน้าขึ้นไปมองดวงดาวด้านบน

 

สิ่งก่อสร้างด้านหลังของเขาเริ่มจะถล่มภายใต้ความรุนแรงของการต่อสู้ และพลังก็ระเบิดขึ้นมาราวกับดอกไม้ไฟ แต่ชายผมขาวนั้นไม่ได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย เขายังคงพูดกับตัวเอง “โลกนี้มันช่างน่าเบื่อเมื่อปราศจากเจ้า”

 

ชายผมขาวหันกลับไปมองที่ค่ายและดวงตาของเขาก็มองไปทางของห้องที่เป่าเอ๋ออยู่ หลังจากนั้นดวงตาที่สงบนิ่งของเขาก็ดูตกใจขึ้นมา

 

ปัง!

ฟอลลิ่งลีฟและเป่าเอ๋อกำลังอยู่ระหว่างการเล่นเกมส์อยู่ แต่ทันใดนั้นเสียงบูมก็สั่นสะเทือนไปทั้งห้อง และกำแพงก็เริ่มถล่มราวกับกลีบดอกไม้ แต่ไม่มีเศษหินแม้แต่ก้อนเดียวที่เข้ามาใกล้พวกเธอ

 

เมื่อฟอลลิ่งลีฟมองออกไปข้างนอก ดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง สิ่งก่อสร้างทั้งค่ายพังทลายไม่มีเหลือ สมาชิกของสปริงเรนและคนงานกำลังต่อสู้กันราวกับว่าพวกเขาถูกเข้าสิง ซากศพเห็นได้ทุกหนทุกแห่ง

 

“นี่พวกเจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือยังไง?” ฟอลลิ่งลีฟตะโกน แต่นักสู้ที่บ้าคลั่งไม่ได้สนใจเสียงของเธอ พวกเขายังคงต่อสู้กันต่อไป

 

ท่ามกลางการฆ่าฟัน ชายผมขาวเดินเข้ามาทางพวกเธออย่างสง่างาม เขาเดินผ่านการต่อสู้เข้ามาอย่างง่ายดาย และพลังต่างๆที่ถูกปล่อยออกมาก็ผ่านตัวของเขาไปราวกับว่าเขาไม่มีตัวตน

 

หัวใจของฟอลลิ่งลีฟเต้นรัว เธอพลิกฝ่ามือและนำมีดเล่มหนึ่งออกมา เธอมองไปที่ชายผมขาวและพูดอย่างแน่วแน่
“หยุดอยู่แค่นั้น! ถ้าเจ้ายังก้าวเข้ามาอีก ข้าจะฆ่าเจ้า”

 

ชายผมขาวทำเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด เขาเดินหน้าต่อไปขณะที่จ้องมองไปยังเป่าเอ๋อที่นั่งอยู่บนโซฟา

 

ฟอลลิ่งลีฟพูดเตือน 3 ครั้ง แต่ชายผมขาวก็ยังเมืนเฉยต่อเธอ ฟอลลิ่งลีฟไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่คุณหญิงมิร์เรอร์สั่งให้เธอคอยดูแลเป่าเอ๋อ และนั่นก็เป็นสิ่งที่เธอต้องทำ

 

ฟอลลิ่งลีฟแทงมีดเข้าใส่ชายผมขาว แต่ในจังหวะที่เธอแทงมีดออกไปข้างหน้า ภาพตัวเธอก็แข็งไปชั่วขณะราวกับภาพติดตา หลังจากที่ภาพติดตานั้นหายไป สิ่งที่เหลืออยู่เบื้องหลังก็มีเพียงความรู้สึกห่อเหี่ยว

 

ความรู้สึกของความตายเคลื่อนผ่านชายผมขาวไป ก่อนที่ฟอลลิ่งลีฟจะกลับมายืนอยู่ที่จุดเดิมราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หลังจากนั้นรูม่านตาของฟอลลิ่งลีฟก็หดเล็กลงด้วยความตกตะลึง วิชาลอลสังหารของเธอถือเป็นที่สุด และการโจมตีของเธอก็ถือเป็นภัยแม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้า แต่ชายผมขาวคนนี้เมินเฉยต่อการโจมตีของเธอและยังคงเดินเข้าไปหาเป่าเอ๋อราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

“นั่นเป็นไปได้ยังไง?” ฟอลลิ่งลีฟไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

 

เธอไม่รู้เลยว่าชายผมขาวนั้นหลบการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเธอได้ยังไง ถึงแม้เขาจะดูไม่แข็งแกร่งอะไร แต่เพียงแค่มองไปที่ชายคนนั้นก็ทำให้ฟอลลิ่งลีฟรู้สึกหนาวขึ้นมา

 

แต่ชายผมขาวไม่ได้เหลียวมองฟอลลิ่งลีฟเลยแม้แต่น้อย ความสนใจของเขาโฟกัสไปที่เป่าเอ๋อเพียงคนเดียว

 

เป่าเอ๋อถือน้ำเต้าน้อยอยู่ในมือ ใบหน้าของเธอดูน่ากลัว และเธอก็จ้องมองไปที่ชายคนนั้นราวกับว่าเขาเป็นศัตรู

 

ตูม!

 

นกแดงน้อยบนไหล่ของเป่าเอ๋อก็ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงอันตรายเช่นกัน มันบินขึ้นจากไหล่ของเป่าเอ๋อและกลายร่างเป็นนกฟินิกซ์เพลิงที่น่ากลัว มันส่งเสียงกรีดร้องใส่ชายผมขาวราวกับเป็นการเตือน แต่มันยังคงไม่โจมตี จริงๆแล้วมันดูค่อนข้างหวาดกลัวชายผมขาวคนนี้

 

“น่าสนใจ นี่คือการรวมกันระหว่างฟินิกซ์กับนกปลาอย่างนั้นหรอ? การจะทำแบบนี้ได้… นี่เป็นอะไรที่น่าสนใจจริงๆ”
ในที่สุดชายผมขาวก็ละสายตาจากเป่าเอ๋อและมองไปที่นกแดงน้อยด้วยความสนใจ

 

ฟอลลิ่งลีฟอึ้งไป เธอคิดว่านกแดงน้อยบนไหล่ของเป่าเอ๋อเป็นเพียงแค่สัตว์เลี้ยงที่ไร้ประโยชน์ แต่พลังชีวิตที่น่ากลัวของมันในตอนนี้ทำให้เธอรู้ว่าจริงๆแล้วมันคือซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า

 

วินาทีต่อมาสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น ชายผมขาวเพียงแค่ยื่นมือออกไปข้างหน้าและจับตัวนกฟินิกซ์ที่ลอยตัวอยู่บนอากาศ ไฟบนตัวของนกหายไปและมันก็ไม่แม้แต่จะมีโอกาสได้ขัดขืน มันกลับกลายเป็นนกแดงน้อยในมือของเขา

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset