Super God Gene – ตอนที่ 2453

เป่าฉินดีดพิณในมือของเขา และโน้ตดนตรีก็ถูกเล่นเหมือนกับคลื่นของโซ่สสาร พวกมันแพร่กระจานผ่านหมู่เมฆ และเหล่าเมฆสีฟ้าที่เหมือนกับทะเลก็สั่นไหวและถูกซัดออกมาตามท่วงทำนองของพิณ

 

เมฆไม่ใช่แค่สิ่งเดียวที่ตอบสนองต่อเสียงดนตรี ทุกสสารไม่ว่าจะเป็นชุดเกราะ อาวุธหรือสมบัติซีโน่เจเนอิคต่างก็เริ่มบิดเบี้ยวภายใต้พลังเสียงของพิณ พวกมันกลายเป็นอะไรที่ปวกเปียกเหมือนอย่างเส้นบะหมี่ที่สุกและโบกไปมาตามเสียงทำนองของพิณ

 

แม้แต่ร่างกายของมังกรเมฆยักษ์ก็สูญเสียรูปทรงไป กระดูกของพวกมันบิดเบี้ยวจากตัวโน้ตของพิณ และไม่นานมังกรเมฆยักษ์ก็กลายเป็นแค่ชิ้นเนื้อที่ไร้กระดูก ภาพที่ได้เห็นทำให้หานเซิ่นขนลุกขึ้นมา

 

หานเซิ่นไม่รู้ว่าเป่าฉินใช้โซ่สสารพลังเสียงแบบไหนกันแน่ แต่มันบดขยี้ทุกอย่างที่อยู่รอบๆ มันเป็นอะไรที่น่ากลัวเกินไป

 

แต่ถึงจะมีพลังนั้น เป่าฉินก็ไม่ได้เป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ ควันสีดำที่ก่อตัวรอบๆเดม่อนสปิริตนั้นกันพลังเสียงเอาไว้ หานเซิ่นไม่สามารถบอกได้ว่ามันกำลังใช้อาณาเขตแบบไหนกันแน่ แต่พลังของมันดูเหมือนจะปกป้องพลังเสียงของเป่าฉินเอาไว้ได้ ถึงอย่างนั้นการโจมตีของเป่าฉินก็ยังลดความเร็วและพลังของเดม่อนสปิริตลงไปบางส่วน

 

ดวงตาของเดม่อนสปิริตดูเหมือนกับผี พวกมันจ้องไปที่เป่าฉินอย่างไม่กระพริบ เป่าฉินสบสายตากับเดม่อนสปิริตหลายต่อหลายครั้ง แต่หานเซิ่นไม่กล้าใช้วิญญาณอสูรใหม่นี้เพื่อกระโดดเข้าไปในดวงตาของเดม่อนสปิริต

 

หานเซิ่นไม่รู้ว่าวิญญาณอสูรบลัดอายอีวิลก็อตนั้นทรงพลังแค่ไหนกันแน่ และเขาก็ไม่รู้ว่าพลังแบบไหนบ้างที่จะยับยั้งมันได้ แถมความสามารถของเดม่อนสปิริตก็เป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัว ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงล้มเลิกความคิดที่จะเข้าไปในดวงตาของมัน

 

ขณะที่การต่อสู้ดำเนินต่อไป หานเซิ่นก็เริ่มรู้สึกตัวในบางสิ่งที่น่ากังวล เป่าฉินไม่ใช่คนที่มีฝีมือทัดเทียมกับเดม่อนสปิริต และเขากำลังถูกไล่ต้อนอยู่ฝ่ายเดียว

 

เป่าฉินพยายามจะหนีไปอยู่หลายครั้ง แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามสักแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถสลัดเดม่อนสปิริตไปได้ ยิ่งเวลาผ่านไปเป่าฉินก็ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ

 

หานเซิ่นหวังว่าเป่าฉินและเดม่อนสปิริตจะต่อสู้จนได้รับบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่ แต่ตอนนี้มันเห็นได้ชัดว่านักสู้ทั้ง 2 มีความแตกต่างระหว่างพลังมากเกินไป เป่าฉินไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะทำให้เดม่อนสปิริตได้รับบาดเจ็บด้วยซ้ำ

 

ถ้าเป่าฉินถูกฆ่าตาย การป้องกันที่วิญญาณอสูรบลัดอายอีวิลก็อตมอบให้กับหานเซิ่นก็จะถูกทำลาย หานเซิ่นต้องหาทางหนีไป เพราะเมื่อเป่าฉินตาย เดม่อนสปิริตก็จะเล็งเป้ามาที่เขาต่อ

 

แต่ถึงหานเซิ่นต้องการจะหนีไปในตอนนี้ โอกาสที่จะทำแบบนั้นก็ได้หายไปแล้ว ซีโน่เจเนอิคอสูรเมฆาทั้งหมดไม่ตายก็หนีไป มันไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนมาสบสายตากับเป่าฉินอีกในเร็วๆนี้แน่ ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่สามารถใช้วิญญาณอสูรบลัดอายอีวิลก็อตเพื่อหนีไปได้

 

วิญญาณอสูรนี้สามารถแลกเปลี่ยนตัวของกับภาพสะท้อนในดวงตาของสิ่งมีชีวิตอื่นเท่านั้น มันไม่ได้มีพลังกระจกเหมือนอย่างที่คุณหญิงมิร์เรอร์ใช้ ถ้าหานเซิ่นต้องการหนีไปโดยที่ไม่ให้ใครเห็น เขาก็จำเป็นต้องให้สิ่งมีชีวิตที่เขาแฝงตัวอยู่สบตากับสิ่งมีชีวิตอื่น

 

ปัง!

 

เดม่อนสปิริตชกถูกอกของเป่าฉินและทำลายชุดเกราะของเขา กล้ามเนื้อบริเวณอกของเป่าฉินถูกฉีกขาดและมีเลือดกระเด็นออกมาจากบาดแผลนั้น

 

แต่เลือดของเป่าฉินไม่ได้กระเด็นลงไปบนพื้น เลือดนั้นกลายเป็นฝุ่นควันสีดำที่ลอยออกไปเหมือนกับไอน้ำ มันก่อตัวกลายเป็นก้อนเมฆก้อนเล็กๆ

 

เมื่อเห็นเลือดที่เหมือนฝุ่นควันออกมาจากร่างกายของเป่าฉิน เดม่อนสปิริตก็เลียริมฝีปากของมันอย่างหิวกระหายและเทเลพอร์ตเข้าไปหาเป่าฉิน

 

หนึ่งในสายพิณของเป่าฉินขาดไปและเลือดก็กระเด็นออกมาเพิ่มอีก พวกมันเปลี่ยนกลายเป็นควันและบานออกเหมือนกับดอกไม้ท่ามกลางก้อนเมฆ

 

“เป่าฉินไม่รอดแน่ๆ…” หานเซิ่นทำการตัดสินใจ เขาปิดรูบิคว่านเจียและเมื่อเป่าฉินที่ได้รับบาดเจ็บสบสายตากับเดม่อนสปิริต เขาก็กระโดดเข้าไปในดวงตาของมัน

 

“ได้โปรดได้ผลด้วยเถอะ” หานเซิ่นภาวนา ดวงตาของเดม่อนสปิริตนั้นเหมือนกับดวงตาที่ไร้ปรานีของฉลาม พวกมันแดงเหมือนกับไฟและดูค่อนข้างโปร่งใส หานเซิ่นไม่รู้ว่าวิญญาณอสูรบลัดอายอีวิลก็อตจะใช้ได้ผลกับพวกมันหรือเปล่า

 

ในวินาทีต่อมาหานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าการมองเห็นของเขาเปลี่ยนไปจริงๆ ในตอนนี้เขากำลังมองตรงไปที่เป่าฉินที่ได้รับบาดเจ็บ หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจอย่างมากที่รู้ว่าสามารถเข้ามาอยู่ในดวงตาของเดม่อนสปิริตได้

 

การมองออกไปจากดวงตาของเดม่อนสปิริตนั้นแตกต่างไปจากที่หานเซิ่นจินตนาการเอาไว้ในตอนแรก เนื่องจากดวงตาของเดม่อนสปิริตเป็นสีแดง ดังนั้นหานเซิ่นจึงคิดว่าการมองผ่านดวงตาของมันจะมอบวิวที่ถูกย้อมสีและมืดมัว

 

แต่วิวที่ได้จากดวงตาของเดม่อนสปิริตนั้นจริงๆแล้วกับเป็นภาพขาวดำ ทุกอย่างที่หานเซิ่นมองเห็นเป็นภาพเบลอๆของเฉดสีเทา

 

มันใช้เวลาเพียงแค่ชั่วครู่ก่อนที่หานเซิ่นจะรู้สึกตัวว่าเขาไม่สามารถมองตามสายตาของเดม่อนสปิริตได้ทัน ด้วยเหตุนั้นเขาจึงใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อลดความต่างระหว่างการมองเห็นของเขากับเดม่อนสปิริตลง นอกซะจากเขาจะใช้งานวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วง ไม่อย่างนั้นมันก็เหมือนกับว่าเขากำลังมองออกไปจากรถไฟความเร็วสูง

 

แต่ด้วยวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วง หานเซิ่นมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง เดม่อนสปิริตกำลังโฉบเฉี่ยวอยู่ตรงหน้าเป่าฉิน ในตอนนี้ทุกสายพิณของเป่าฉินขาดไปจนหมดแล้ว และมือที่เหมือนกับผีของเดม่อนสปิริตก็พุ่งทะลุผ่านพิณของเป่าฉินเข้าไปสู่อกของเขา

 

ควันจากเลือดของเป่าฉินแพร่กระจายออกไป เป่าฉินกัดฟันและปลดปล่อยแสงสว่างจ้าออกมา นิ้วมือของเขาเอื้อมไปหาพิณที่ไร้สาย

 

หลังจากนั้นสายที่มองไม่เห็นก็ปรากฏขึ้นใต้นิ้วมือของเขา ทุกสายปลดปล่อยพลังเสียงประหลาดที่ฉีกมิติและสร้างเป็นวังวนขนาดใหญ่ขึ้นมา วังวนนั้นดึงก้อนเมฆใกล้เคียงเข้าไป หลังจากนั้นมันก็เริ่มดึงเดม่อนสปิริตและตัวเป่าฉินเองเข้าไป

 

เพื่อต้านแรงดูดของวังวน เดม่อนสปิริตเทเลพอร์ตถอยออกไป ในขณะที่ร่างกายของเป่าฉินถูกดูดเข้าไปในวังวนนั้น หลังจากผ่านไปชั่วครู่วังวนก็หายลับไป

 

เมื่อเห็นอย่างนั้นเดม่อนสปิริตก็หันกลับไปหารถม้าปีศาจทะเลของเขา มังกรเมฆยักษ์ได้ตายไปหมดแล้ว ด้วยเหตุนั้นรถม้าจึงลอยตัวอยู่กับที่

 

เดม่อนสปิริตสะบัดมือและทะเลก้อนเมฆก็เริ่มจะหมุนวน เหล่าก้อนเมฆหมุนกลายเป็นพายุทอร์นาโดที่ดูดก้อนเมฆเข้ามารวมกันมากขึ้น ไม่นานหลังจากนั้นพายุทอร์นาโดก็กลายเป็นมังกรเมฆตัวใหม่ที่บินเข้ามาหารถม้าปีศาจทะเล

 

หานเซิ่นตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น พลังและเทคนิคของเดม่อนสปิริตนี้เป็นอะไรที่บ้ามากๆ มันยากที่หานเซิ่นจะหยั่งถึงพลังของมันที่ใช้เพื่อสร้างเป็นมังกรเมฆมากมายขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว

 

‘เราจะปล่อยให้เขาหาเราเจอไม่ได้ แม้แต่การทำให้เขาตาบอดก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้เราหนีไปได้’ หานเซิ่นคิด

 

เดม่อนสปิริตกลับมาอยู่ข้างในรถม้าปีศาจทะเล หลังจากนั้นรถม้าก็หันกลับและตรงลึกเข้าไปในทะเลเมฆ

 

ซีโน่เจเนอิคและอสูรเมฆารอบทั้งหมดได้ตายไปจนหมดแล้วในตอนนี้ ที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่รถม้าที่เดม่อนสปิริตใช้เดินทาง รถม้าเดม่อนสปิริตไม่ได้รับความเสียหายใดตลอดการต่อสู้ หานเซิ่นไม่สามารถจินตนาการได้ว่ามันถูกสร้างขึ้นมาจากอะไรกันแน่

 

หานเซิ่นต้องการใช้ดวงตาของมังกรเมฆเพื่อหนีไป แต่เหล่ามังกรเมฆนั้นไม่กล้ามองมาที่เดม่อนสปิริตตรงๆ และเดม่อนสปิริตก็ไม่มองพวกมันเช่นกัน ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่สามารถหาโอกาสหนีไปได้

 

‘ไม่มีความจำเป็นต้องกังวล ตราบใดที่เดม่อนสปิริตไม่ได้สังเกตเห็นตัวตนของเรา ที่สุดแล้วเขาก็ต้องมองดวงตาของสิ่งมีชีวิตอื่น ดังนั้นไม่ช้าก็เร็วเราจะหนีไปได้’

เมื่อเห็นว่าเดม่อนสปิริตยังคงไม่รู้สึกถึงตัวตนของเขา หานเซิ่นก็เริ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา

 

ภายในรถม้าหิน เดม่อนสปิริตมองตรงไปข้างหน้าโดยไม่ปิดตาลง บางทีดวงตาของมันอาจจะไม่สามารถปิดลงได้

 

ขณะที่หานเซิ่นมองออกไปจากดวงตาของเดม่อนสปิริต เขาก็เห็นว่าภายในของรถม้าหินมีตัวอักษรถูกสลักเอาไว้บนกำแพง

 

เนื่องจากการมองเห็นของเดม่อนสปิริตเป็นภาพขาวดำ หานเซิ่นจึงไม่สามารถบอกถึงสีที่แท้จริงของตัวอักษรเหล่านั้นได้ สิ่งต่างๆที่หานเซิ่นมองเห็นเป็นโทนสีเทาทั้งหมด

 

ตัวอักษรที่ถูกเขียนเอาไว้นั่นเล็กมากๆ ตัวอักษรแต่ละตัวมีขนาดไม่ได้ใหญ่ไปกว่าแมลงวัน แต่เมื่อหานเซิ่นมองดูดีๆ เขาก็รู้สึกว่าตัวอักษรเหล่านั้นดูโบราณและแข็งแกร่ง มันเหมือนกับว่ามีจักรวาลที่มหัศจรรย์อยู่ภายในพวกมัน

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset