Super God Gene – ตอนที่ 2461

หานเซิ่นมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นอย่างระมัดระวัง เขาอยากจะรู้ แต่เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนั้นต้องการอะไรบางอย่างเป็นการตอบแทน ดังนั้นเขาจึงอยากจะรู้ก่อนว่าเธอต้องการอะไร

 

ผู้หญิงคนนั้นยิ้มให้กับเขา “ข้าจะบอกเจ้า แต่เจ้าต้องช่วยข้าทำอะไรบางอย่างซะก่อน”

 

“เจ้าแข็งแกร่ง ถ้ามันมีบางสิ่งที่เจ้าทำด้วยตัวเองไม่ได้ อย่างนั้นแล้วข้าจะทำมันได้ยังไง?” หานเซิ่นถามอย่างลังเล

 

ผู้หญิงคนนั้นยิ้มและพูด “อย่าได้กังวล งานนี้ไม่ได้อันตรายอะไร ข้าเพียงแค่ออกไปจากเกาะนี้ไม่ได้ ด้วยเหตุนั้นข้าจึงจำเป็นต้องพึ่งเจ้า”

 

หานเซิ่นเงียบไป แต่เขาไม่คิดว่านี้จะเป็นงานง่ายๆ

 

หลังจากนั้นเธอก็ชี้ออกไปในทิศทางหนึ่ง “เมื่อเจ้าออกจากเกาะนี้ไปแล้ว ตรงไปทางนั้น ไม่นานเจ้าจะเห็นแสงสว่าง เจ้าต้องตามแสงนั่นไป หลังจากนั้นเจ้าจะพบกับเกาะๆหนึ่งที่เหมือนกับเกาะนี้ แต่มันไม่ได้มีบ้านไม้อยู่บนเกาะ เจ้าต้องตัดยอดของภูเขานั้นให้เหมือนกับของเกาะๆนี้ นั่นคือทั้งหมดที่เจ้าต้องทำ”

 

“มันมีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่นั่นไหม?” หานเซิ่นถาม

 

ผู้หญิงคนนั้นส่ายหัว “ไม่ แต่เจ้าต้องจำเอาไว้อย่างหนึ่ง เมื่อเจ้าเห็นแสงสว่างแล้ว เจ้าห้ามพูดอะไร ตามใดที่เจ้าไม่พูดอกมา เจ้าก็จะไม่เป็นอะไร แต่ถ้าเจ้าพูดอะไรแม้แค่คำเดียว เจ้าจะถูกฆ่าตาย”

 

“แสงนั่นคืออะไร?” หานเซิ่นถาม

 

“ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มันขึ้นอยู่กับเจ้าว่าเจ้าต้องการไปหรือไม่ ข้าจะไม่บังคับเจ้า” ผู้หญิงคนนั้นพูด หลังจากนั้นเธอก็กลับไปทำการวิจัยของเธอต่อ

 

“ข้าขอดูวิชาจีโนพวกนั้นได้ไหม?” หานเซิ่นชี้ไปยังหนังสือที่เรียงรายกันอยู่บนชั้นวางหนังสือ

 

พวกมันต่างก็เป็นวิชาจีโนที่ดีที่สุดของแต่ละเผ่าพันธุ์ ถึงแม้เขาไม่คิดจะฝึกฝนพวกมัน แต่มันก็เป็นอะไรที่มีประโยชน์อยู่ดีถ้าเขาจดจำพวกมันทั้งหมดเอาไว้

 

“ถ้าเจ้ายินดีจะไป เจ้าจะอ่านพวกมันเท่าไรก็ได้ ตอนนี้เจ้าออกไปจากบ้านของข้าได้แล้ว” ผู้หญิงคนนั้นพูดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง

 

หานเซิ่นบินออกนอกหน้าต่างไปและลงมายืนอยู่บนพื้นหญ้าด้านนอก ผู้หญิงคนนั้นรักสะอาดเกินไป แถมเธอยังเป็นโรคย้ำคิดย้ำทันขั้นร้ายแรงอีก ถ้าหานเซิ่นไม่ทำงานให้กับเธอ เธอก็ไม่มีทางยอมให้เขาสัมผัสกับข้าวของของเธออย่างแน่นอน

 

หานเซิ่นตัดสินใจไปตามสถานที่ที่ผู้หญิงคนนั้นบอก

 

ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ปิดบังอะไรในงานที่ให้เขาไปทำ เพราะถ้าหานเซิ่นเกิดตายไปก่อนที่จะทำงานได้สำเร็จ การส่งเขาไปที่นั่นก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไร

 

“ถึงมันจะมีอันตรายอยู่จริง อันตรายก็คงจะเผยออกมาหลังจากที่เราเสร็จสิ้นภารกิจเท่านั้น”

หานเซิ่นรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นต้องการให้เขาช่วยปล่อยเธอให้เป็นอิสระจากที่แห่งนี้ หานเซิ่นหันกลับมองที่หน้าต่างบนชั้นที่ 2 ของบ้าน

 

“ข้าจะไปทำตามที่เจ้าบอก แต่ก่อนอื่นเจ้าบอกข้าได้ไหมว่าผู้นำเซเคร็ดทำการทดลองแบบไหนกันแน่?” หานเซิ่นถาม

 

“ข้าจะบอกเมื่อเจ้ากลับมาแล้ว” เสียงของผู้หญิงคนนั้นตอบกลับมาจากที่ไหนสักแห่งภายในบ้านไม้

 

“ข้ากลัวว่าในตอนที่ข้ากลับมา เจ้าจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว” หานเซิ่นพูด

 

ผู้หญิงคนนั้นเงียบไปสักพัก และหานเซิ่นไม่แน่ใจว่านั่นหมายความว่ายังไงกันแน่ ในตอนที่เขากำลังจะพูดอะไรอย่างอื่น มันก็มีบางสิ่งถูกโยนออกมาจากหน้าต่าง

 

หานเซิ่นรับมันเอาไว้และสังเกตเห็นว่ามันคือหนังสือหินเล่มหนึ่ง เขาพยายามจะเปิดมันออก แต่ดูเหมือนว่ามันจะถูกปิดผนึกเอาไว้ด้วยพลังบางอย่าง

 

“ทุกอย่างที่เจ้าอยากจะรู้อยู่ภายในหนังสือเล่มนั้น เมื่อเจ้าทำงานที่ข้าขอเสร็จแล้ว พลังที่ผนึกหนังสืออยู่จะหายไป ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าแล้วว่าเจ้าต้องการจะไปหรือไม่” ผู้หญิงคนนั้นพูด

 

หานเซิ่นมองหนังสือหินในมือ เขาไม่แน่ใจว่าที่ผู้หญิงคนนั้นพูดเป็นความจริงหรือไม่ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น เขาได้แต่เชื่อที่เธอพูดเท่านั้น ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่มีวันที่จะได้รู้ความจริง

 

หานเซิ่นกัดฟันและถามขึ้นมา “ในตำนานว่ากันว่าเซเคร็ดมีซีโน่เจเนอิคสเปชที่เรียกว่าก็อตแซงชัวรี่ เจ้ารู้จักที่นั่นไหม?”

 

“นั่นเป็นสถานที่ที่ผู้นำเซเคร็ดวิจัยเกี่ยวกับสปิริตที่เป็นอมตะ แต่ข้าไม่เคยไปที่นั่น ดังนั้นข้าจึงไม่รู้อะไร” ผู้หญิงคนนั้นพูด

 

ความจริงที่ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่รู้เกี่ยวกับก็อตแซงชัวรี่ ทำให้หานเซิ่นค่อนข้างผิดหวัง

 

หานเซิ่นอยากจะถามอีก 2-3 คำถาม แต่ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นมาซะก่อน

“ข้าจะไม่ตอบคำถามของเจ้าอีก”

 

“เจ้าต้องบอกข้ามาก่อนว่าแสงนั้นมีลักษณะเป็นยังไง” หานเซิ่นพูด

 

“เจ้าจะรู้เองเมื่อได้เห็นมัน” ผู้หญิงคนนั้นพูด

 

หานเซิ่นยักไหล่และเริ่มบินออกไปในทิศทางที่เธอบอกกับเขา

 

เนื่องจากรอบๆเต็มไปด้วยเมฆสีเหลือง มันจึงมีขีดจำกัดถึงสิ่งที่จะมองเห็นได้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงใช้อาณาเขตตงเสวียนเพื่อตรวจจับวัตถุและพลังชีวิตรอบๆ

 

ในทิศทางที่เขากำลังบินไปนั้นไม่ได้มีอะไรน่าสงสัย เท่าที่หานเซิ่นบอกได้มันก็มีแค่หมู่เมฆเท่านั้น สิ่งเดียวที่มันต่างไปจากสถานที่อื่นภายในระบบเทียนเซียคือการที่มันไม่มีซีโน่เจเนอิคตัวไหนให้เห็นเลย

 

หานเซิ่นยังคงบินต่อไปในทิศทางที่ผู้หญิงคนนั้นบอก และหลังจากที่ผ่านไป 3-4 ชั่วโมง เขาก็ได้เห็นแสงข้างหน้า

 

แสงนั่นเหมือนกับดวงอาทิตย์เวลาพลบค่ำ มันเป็นสีแดงเข้มและดูเหมือนกับดวงไฟดวงใหญ่บนขอบฟ้า เป็นอย่างที่ผู้หญิงคนนั้นพูด เขาจะรู้ในทันทีเมื่อได้เห็นมัน

 

เมื่อหานเซิ่นพบแสงนั่น มันก็เหมือนกับว่าแสงนั่นพบเขาเช่นเดียวกัน มันบินเข้ามาหาหานเซิ่นและห่อหุ้มร่างกายของเขาด้วยแสงของมัน

 

หานเซิ่นจดจำสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นบอกได้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่ส่งเสียงอะไรออกมา

 

แสงนั่นหมุนวนรอบตัวเขาอยู่สักพัก แต่ที่สุดแล้วมันก็เลิกสนใจเขาและบินจากไป

 

หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย เขารีบตามหลังแสงเหล่านั้นไป

 

แสงนั่นเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ แต่มันไม่ได้บินเป็นเส้นตรงไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง มันขึ้นๆลงๆและเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวากลับไปกลับมา

 

หานเซิ่นรู้สึกสับสนกับการเคลื่อนไหวของมัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงไล่ตามมันไป

 

โชดดีที่แสงนั่นดูเหมือนจะไม่ได้นำเขาไปสู่อันตรายอะไร ขณะที่หานเซิ่นบินไป เขาไม่ได้พบกับซีโน่เจเนอิคเลยแม้แต่ตัวเดียว

 

หลังจากที่ตามมันไปได้ครึ่งวัน เขาก็สังเกตเห็นเงาขนาดใหญ่อยู่ข้างหน้า เมื่อเขาเข้าไปใกล้จนเห็นมันชัดๆ เขาก็สังเกตเห็นว่ามันคือเงาของเกาะๆหนึ่ง นั่นทำให้เขารู้สึกดีใจ

 

เมื่อหานเซิ่นเข้าไปใกล้ เขาก็พบว่าเกาะแห่งนั้นเหมือนกับเกาะของผู้หญิงคนนั้นไม่มีผิด แม้แต่พืชบนเกาะทั้งหมดก็ยังเหมือนกัน

 

แสงที่นำทางเขามาบินไปที่เกาะและไปหยุดอยู่บนพื้นหญ้าราวกับว่ามันหลับไหลไป

 

หานเซิ่นบินลงมาบนเกาะเช่นกัน ขณะที่เขาเข้ามาใกล้ แรงน้ำถ่วงของเกาะก็ดึงเขาลงบนผิว เขาไม่สามารถบินบนเกาะนี้ได้

 

แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญอะไรสำหรับหานเซิ่น เขาเดินขึ้นไปที่ใจกลางของเกาะ และไม่นานก่อนที่เขาจะไปถึงตีนเขา หานเซิ่นเดินขึ้นบันไดหินไปจนถึงยอดเขาและพบว่าที่ยอดของภูเขาไม่ได้แบนราบเหมือนกับภูเขาของผู้หญิงคนนั้น

 

ภูเขาลูกนี้มียอดเขาอยู่ และที่ด้านข้างของยอดเขาก็มีสัญลักษณ์สีดำประหลาดสลักอยู่ หานเซิ่นไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไรกันแน่

 

หานเซิ่นคาดเดาว่านั่นคงจะเป็นพลังบางอย่างที่กักขังผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ ถ้าเขาทำลายมัน ผู้หญิงคนนั้นก็อาจจะถูกปล่อยเป็นอิสระ

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset