Super God Gene – ตอนที่ 2462

หานเซิ่นไม่มีเหตุผลต้องลังเล จักรวาลจีโนนั้นยุ่งเหยิงมากพออยู่แล้ว และผู้หญิงคนนั้นก็เป็นแค่หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ภายในจักรวาล มันไม่สำคัญว่าเธอจะดีหรือร้าย

 

หานเซิ่นนำมีดเขี้ยวผีสิงออกมาและใช้มันฟันใส่ยอดภูเขา เขาต้องการจะตัดมันให้ขาด

 

แต่เมื่อพลังเขี้ยวปะทะกับภูเขา สัญลักษณ์ประหลาดก็เรืองแสงออกมาและพลังเขี้ยวก็สลายไป

 

แต่ใบมีดของมีดเขี้ยวผีสิงยังคงฟันไปถูกภูเขาจนเกิดเป็นรอยขึ้นมา

 

หานเซิ่นฟันซ้ำหลายครั้ง แต่นอกจากพลังทางกายภาพแล้ว มันไม่มีพลังอะไรที่สร้างความเสียหายกับภูเขานี่ได้ สัญลักษณ์ที่สลักอยู่บนภูเขาดูเหมือนจะดูดกลืนพลังทุกอย่างที่มาสัมผัสกับมัน

 

‘ถ้าเราต้องฟันแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มันต้องใช้เวลานานแค่ไหนกันกว่าที่งานนี้จะเสร็จ?’ หานเซิ่นคิดอย่างหดหู่ เขาลองพยายามจะทำลายสัญลักษณ์ประหลาดบนภูเขานั้นก่อน

 

แต่เมื่อเขาพยายามจะฟันใส่สัญลักษณ์นั้น มันก็ดูเหมือนจะจมลงไปในหินแทนที่จะอยู่บนพื้นของภูเขา

 

หานเซิ่นไม่รู้จะทำยังไงดี ดังนั้นเขาจึงแค่ฟันใส่ยอดเขาต่อไปเรื่อยๆ โชคดีที่มันไม่มีสิ่งมีชีวิตที่อันตรายปรากฏตัวออกมาทำอะไรเขา

 

แสงที่นำทางเขามายังคงพักอยู่บนพื้นหญ้า ดูเหมือนว่ามันไม่ได้สนใจอะไรกับสิ่งที่หานเซิ่นกำลังทำ

 

หานเซิ่นฟันใส่ภูเขาต่อไป และไม่นานเขาก็เหงื่อท่วมตัว เขาแซะด้านข้างของภูเขาออกไปทีละเล็กทีละน้อย โชคดีที่ยอดของภูเขานั้นค่อนข้างเล็ก เขาคาดเดาว่ามันคงจะใช้เวลาเขาอีก 2 วันก่อนที่เขาจะตัดยอดภูเขาขาดออกไปได้

 

หลังจากที่ทำการขุดเป็นเวลาสิบชั่วโมงติดต่อกัน หานเซิ่นก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้นที่มันไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

 

แต่ทว่าเมื่อหานเซิ่นฟันใส่ยอดภูเขาอีกครั้ง เขาก็เห็นเลือดไหลออกมาจากจุดที่มีดของเขาฟันไปถูก

 

“อะไรกัน? ทำไมภูเขาถึงมีเลือดไหลออกมาได้?” หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัวขึ้นมา เขาก้าวออกไปด้านหลังและตั้งท่าป้องกันตัวเอง

 

หานเซิ่นไม่ชอบความจริงที่ว่าภูเขากำลังมีเลือดไหลออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากผ่านช่วงเวลาในเมืองดูก็อต ที่แห่งนั้นทำให้เขาหวาดกลัวก้อนหินที่มีเลือดไหลออกมา

 

หานเซิ่นไม่ได้หวาดกลัวการต่อสู้จริง แต่เขากังวลเกี่ยวกับกลลวงอันชั่วร้ายที่อาจจะส่งผลกระทบต่อตัวตน

 

ดาบเขียวน้อยของหนิงเยวี่ยเองก็ออกมาจากก้อนหินที่มีเลือดไหลออกมาเช่นกัน ซึ่งทำให้จนถึงวันนี้หานเซิ่นก็ยังไม่กล้าเข้าไปใกล้สิ่งที่เลวร้ายนั่น

 

หลังจากผ่านไปสักพัก หานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่ามีเพียงแค่เลือดส่วนน้อยเท่านั้นที่ไหลออกมา เขาสะบัดมือและปัดเลือดเหล่านั้นออกไปเพื่อดูรอยมีด ซึ่งสิ่งที่ได้เห็นก็ทำให้หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมา

 

ในส่วนที่ลึกที่สุดของรอยมีด หานเซิ่นมองเห็นเนื้อหนัง เขาไม่รู้ว่ามันเป็นเนื้อหนังของสิ่งมีชีวิตแบบไหนกันแน่ แต่เขาตัดเนื้อหนังเป็นบาดแผลที่ยาวหลายเซนติเมตร เลือดไหลออกมาจากบาดแผลนั่น

 

หานเซิ่นไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตแบบไหนที่อยู่ภายในภูเขานั่น แต่ถ้ามันตายไปแล้ว มันก็ไม่ควรจะมีเลือดไหลออกมา

 

ถ้ามันยังมีชีวิตอยู่ แบบนั้นมันจะมีชีวิตรอดทั้งๆที่ถูกฝังอยู่ใต้ภูเขาทั้งลูกได้ยังไง เพียงแค่คิดก็เป็นอะไรที่น่ากลัวแล้ว

 

บาดแผลที่เขาตัดเข้าไปคือส่วนเดียวที่หานเซิ่นเห็นเนื้อหนังของมัน เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจลงมือขุดต่อไป

 

เขาพยายามขุดมาถึงขนาดนี้แล้ว ดังนั้นเขาไม่คิดจะยอมแพ้ในตอนนี้ นั่นไม่ใช่สไตล์ของเขา

 

ถึงแม้สิ่งมีชีวิตนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ นั่นก็ไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับเขา เพราะถ้ามันไม่สามารถออกมาจากภูเขาได้ มันก็ไม่ทีทางเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งไปได้

 

หานเซิ่นใช้มีดขุดรอบๆเนื้อหนังนั้น ถ้าเขาขุดหินที่ปกคลุมมันออกไป เขาก็อาจจะเห็นสิ่งมีชีวิตนั้นได้ชัดๆ

 

หานเซิ่นค่อยๆขุดอย่างช้าๆ จนในที่สุดเขาก็ค้นพบผ้าสีเหลืองที่ดูเหมือนกับกางเกง และร่างกายส่วนที่หานเซิ่นสร้างบาดแผลนั้นจริงๆแล้วเป็นขาข้างหนึ่ง

 

หานเซิ่นสามารถบอกได้ว่าขานั้นต้องเป็นของผู้หญิงอย่างแน่นอน

 

หานเซิ่นขมวดคิ้วและทำการขุดต่อไป ส่วนของสิ่งมีชีวิตเริ่มเผยออกมามากขึ้นเรื่อยๆ และไม่นานหานเซิ่นก็สามารถยืนยันได้ว่ามันคือผู้หญิงคนหนึ่งจริงๆ

 

เขาแซะหินออกไปอย่างระมัดระวังและเท้าสีขาวของผู้หญิงก็เผยออกมาให้เห็น เธอสวมใส่กางเกงสีเหลืองและมีขาที่เรียวยาวมากๆ

 

ร่างกายท่อนบนของเธอยังคงอยู่ในภูเขา ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่สามารถบอกได้ว่าเธอดูเป็นยังไง แต่เขาไม่สามารถสัมผัสถึงพลังชีวิตของเธอได้ เธอเป็นเหมือนกับซากศพ

 

แต่เมื่อหานเซิ่นตรวจดูบาดแผลบนขาของเธออีกครั้ง รอยตัดก็สมานตัวแล้ว หานเซิ่นไม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้วกันแน่

 

หานเซิ่นทำการขุดต่อไป และส่วนต่างๆของผู้หญิงคนก็ปรากฏออกมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อหานเซิ่นขุดหัวของเธอออกมาและได้เห็นใบหน้าของเธอ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ

 

ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนกับผู้หญิงที่อยู่ในบ้านไม้ไม่มีผิด แม้แต่ฝาแฝดก็ดูไม่เหมือนกันขนาดนี้

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้มาถูกฝังอยู่ที่นี่? ถ้าผู้หญิงคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ แล้วผู้หญิงที่อยู่ในบ้านไม้นั่นเป็นใครกัน?” หานเซิ่นสั่นรัวขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้

 

เมื่อหานเซิ่นขุดเธอออกมาจากภูเขาได้แล้ว เขาก็พบว่าเธอดูเหมือนกับศพจริงๆ เธอไม่หายใจและหัวใจของเธอก็ไม่เต้น

 

หานเซิ่นตรวจสอบเธออย่างละเอียด เธอไม่ได้ดูบาดเจ็บอะไร เธอแค่ดูเหมือนจะไม่มีพลังชีวิตเท่านั้น

 

หานเซิ่นใส่พลังเข้าไปในตัวเธอ แต่เขาก็รู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่ามันไร้ประโยชน์ เขาไม่สามารถปลุกพลังชีวิตของเธอให้ตื่นขึ้นมาได้

 

สัญลักษณ์บนภูเขายังคงอยู่เช่นเดิม ดังนั้นหานเซิ่นจึงวางเธอลงและเริ่มลงมือขุดต่อไป

 

หานเซิ่นขุดผ่านหินไปเรื่อยๆ และมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่เขาจะตัดยอดเขาจนขาดได้ มือของเขาเริ่มจะรู้สึกปวด และเขาก็แทบจะถือมีดเอาไว้ไม่อยู่

 

‘เซี่ยชิงคงจะเหมาะสมกับงานแบบนี้มากกว่า ด้วยพลังของเขาและการตะโกน อลู อลู อลู! งานนี้ก็คงจะเสร็จเร็วขึ้นมาก’ หานเซิ่นคิดขณะที่ทำการขุดต่อไป

 

“หานเซิ่น…” ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ได้ยินใครบางคนเรียกชื่อของเขา เขากำลังจะตอบเสียงเรียกนั้น แต่เมื่อเขาอ้าปากขึ้น สีหน้าของเขาก็ซีดไปเล็กน้อย เขารีบปิดปากของตัวเองลง

 

ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าถ้าเขาพูดแม้แต่คำเดียว เขาจะถูกฆ่าตาย แถมมันไม่มีใครคนอื่นอยู่ที่นี่ ดังนั้นมันจะมีคนเรียกชื่อของเขาได้ยังไง?

 

“มันเป็นร่างของผู้หญิงคนนั้นงั้นหรอ?” ขากรรไกรของเขายังคงปิดสนิท ขณะที่เขาหันหน้ากลับไปมองร่างของผู้หญิงคนนั้น เมื่อเขาหันหน้าไปได้แค่ครึ่งเดียว เขาก็ตัวแข็งทื่อไป

 

ร่างของผู้หญิงคนนั้นได้หายไปแล้ว

 

“หานเซิ่น…” เสียงเรียกชื่อดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้มันอยู่ใกล้เขามากๆ เขาถึงขนาดรู้สึกได้ถึงลมเบาๆที่เป่ามาสัมผัสแก้มของเขา

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset