Super God Gene – ตอนที่ 2473

หานเซิ่นติดตามเลอตู้ผ่านทะเลเมฆไป พวกเขาได้พบกับยอดฝีมือมากมายที่เดินทางมาเพื่อจับตัวหานเซิ่น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ยอดฝีมือเหล่านั้นเห็นเลอตู้ พวกเขาก็รีบหลีกทางให้ในทันที มันไม่มีใครกล้าเข้ามาเผชิญหน้ากับเลอตู้

 

แต่หานเซิ่นยังรู้สึกได้ถึงสายตาของใครหลายๆคนที่กำลังมองมาที่เขา และความรู้สึกนั่นก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆยิ่งเวลาผ่านไป อุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆไม่สามารถใช้งานในระบบเทียนเซียได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้หมายความว่าเหล่านักล่าที่เดินทางมาจะไม่มีหนทางจับตาดูเขา ยอดฝีมือหลายคนที่มีพรสวรรค์ในด้านนี้สามารถจับตาดูเลอตู้และหานเซิ่นได้จากระยะที่ไกลออกไปหลายหมื่นไมล์

 

เลอตู้เพียงแค่บินต่อไปข้างหน้าโดยไม่สนใจอะไร แต่ที่สุดแล้วเขาก็หยุดไปอย่างกะทันหัน

 

หานเซิ่นสามารถสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ขณะที่เขามองออกไปข้างหน้า คนกลุ่มหนึ่งก็ออกมาจากหมู่เมฆสีเขียว

 

บุคคลกลุ่มนั้นดูเหมือนกันทั้งหมด พวกเขามีปีกผีเสื้อกางออกจากด้านหลัง และบนหัวโล้นของพวกเขาก็มีหนวด 2 หนวดงอกออกมา ร่างกายของพวกเขาสวมชุดเกราะแมลงสีดำ

 

พวกเขามีอยู่ด้วยกัน 6 คน พวกเขากระพือปีกของตัวเองและบินเข้าไปหาเลอตู้

 

หานเซิ่นสังเกตพวกเขาทั้ง 6 อย่างตั้งใจ พวกเขาทุกคนดูเหมือนกันหมด และชุดเกราะที่พวกเขาสวมใส่ก็เป็นแบบเดียวกัน พวกเขาทั้ง 6 ดูเหมือนกับแฝด

 

แต่ทว่าหานเซิ่นไม่ได้โง่เขลาพอที่จะดูถูกพวกเขาจากรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาด พวกเขาทั้งหมดเป็นระดับราชันขั้นที่ 8 หรือขั้นที่ 9 บางคนอาจจะเป็นถึงครึ่งเทพด้วยซ้ำ

 

มันเห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องแข็งแกร่ง เมื่อดูจากการที่พวกเขากล้าเข้ามาขวางทางของเลอตู้ ยอดฝีมือระดับราชันธรรมดาคงจะไม่กล้าทำอะไรแบบนั้น

 

“เลอตู้ ได้โปรดเห็นแก่พวกเรา 6 พี่น้อง พวกเราจะซาบซึ้งอย่างมาก” หนึ่งในพวกเขาพูดขึ้นมา

 

“พวกเจ้าเป็นใคร?” เลอตู้พูดอย่างขาดความกระตือรือร้น

 

“เจ้า…” คนประหลาดที่อยู่หน้าสุดโกรธ
“ก็ได้เลอตู้ พวกเรากำลังคิดจะไปแสดงความเคารพต่อกษัตริย์ของเดสทรอยเยอร์ แต่ถ้าเจ้าอยากจะตายมาก พวกเราราชาหกแฟรี่ผีเสื้อก็จะช่วยให้เจ้าได้สมหวังเอง”

 

หลังจากที่พูดแบบนั้นบุคคลประหลาดทั้ง 6 ก็กระพือปีกและบินเข้ามาล้อมเลอตู้เอาไว้

 

“เจ้าไปหาที่ปลอดภัยและรอข้าอยู่ที่นั่น” เลอตู้พูดอย่างสงบนิ่ง

 

หานเซิ่นได้ยินคำสั่งและบินถอยห่างออกไปจากทะเลเมฆบริเวณนั้น

 

ราชาหกแฟรี่ผีเสื้อมองดูหานเซิ่นบินจากไป แต่พวกเขาไม่ได้ไล่ตาม เนื่องจากเลอตู้กำลังมองมาที่พวกเขา ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะจัดการกับเลอตู้ก่อนแล้วค่อยไล่ตามหานเซิ่นไป

 

หานเซิ่นบินจากไปโดยไม่ได้หันกลับมามอง ราชาหกแฟรี่ผีเสื้อใช้อาณาเขตและปีกผีเสื้อบนหลังของพวกเขาก็เริ่มเรืองแสงออกมาด้วยสี 6 สีที่แตกต่างกัน เมื่ออาณาเขตของทั้ง 6 คนประสานเข้าด้วยกัน มันก็กลายเป็นอาณาเขต 6 สีที่ขังเลอตู้เอาไว้ภายใน

 

ปัง!

 

เลอตู้พยายามชกใส่อาณาเขต 6 สีนั้น แต่มันไม่ได้ผล

 

หานเซิ่นตกใจขณะที่หันกลับไปมอง แฟรี่ผีเสื้อทั้ง 6 เป็นครึ่งเทพอย่างไม่ต้องสงสัย และตอนนี้เมื่อพวกเขาทั้ง 6 รวมอาณาเขตของตัวเองเป็นหนึ่งเดียว ประสิทธิภาพของมันก็ทวีคูณด้วยจำนวนของพวกเขา ถ้าแม้แต่พละกำลังของเลอตู้ยังไม่เพียงพอที่จะทำลายอาณาเขตนั่น มันก็ไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะกล้ามาเผชิญหน้ากับเลอตู้

 

จากระยะไกลหานเซิ่นได้ยินหนึ่งในแฟรี่ผีเสื้อพูดขึ้นมา
“เลอตู้ มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขนาดไหน เมื่อเจ้าตกอยู่ในอาณาเขตแฟรี่ของพวกเรา เจ้าก็ไม่มีทางจะเคลื่อนที่ไปจากตรงนั้นได้อีก”

 

เลอตู้เมินเฉยต่อคำพูดของพวกเขาและเริ่มชกหมัดไปรอบๆ อาณาเขตแฟรี่ 6 สีสั่นสะเทือนเล็กน้อย แต่มันไม่ได้บุบสลายหรือแตกร้าว

 

เมื่อเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หานเซิ่นก็เลิกหันมามองและรีบบินหนีไปอย่างรวดเร็ว เขาคิดกับตัวเอง ‘ดูเหมือนว่าเลอตู้จะฆ่าคนพวกนี้ไม่ได้ง่ายๆ นี่เป็นโอกาสดีที่เราจะหนีไป รอนายอย่างนั้นหรอ? ฉันฉลาดเกินกว่าที่จะนั่งอยู่เฉยๆและรอให้นายมาจับตัวฉันไปอีกครั้ง’

 

หานเซิ่นเมินเฉยต่อสถานการณ์ด้านหลังและใช้สมาธิไปกับการพยายามจะหนีไป เขาต้องการจะไปให้ไกลจากเลอตู้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 

หานเซิ่นติดตามเลอตู้มานานพอที่จะรู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ตำแหน่งไหนในระบบเทียนเซีย ถึงแม้เขาจะยังไม่สามารถระบุตำแหน่งของเป่าเอ๋อได้ แต่เขาก็พอจะรู้ทิศทางที่เธอมุ่งหน้าไป

 

แต่หานเซิ่นไม่ได้ตรงไปทางเป่าเอ๋อในทันที เขาตัดสินใจจะใช้ทางอ้อมแทน ก่อนอื่นเขาต้องการจะสลัดสายตาของคนที่คอยจับตามองเขา

 

แต่หลังจากที่บินไปได้สักพัก หานเซิ่นก็พบว่ายังไม่มีใครเข้ามาหยุดเขาเอาไว้ เขาได้ทำการเปลี่ยนทิศทางหลายครั้งขณะที่หนีไป แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่มีใครปรากฏตัวออกมา

 

“แปลกจริงๆ ทำไมถึงไม่มีใครออกมา?” หานเซิ่นรู้สึกสงสัย แต่ในที่สุดเขาก็เข้าใจ

 

ผู้คนที่จับตาดูเขาอยู่ยังคงหวาดกลัวเลอตู้ เพราะอย่างนั้นพวกเขาถึงยังไม่เข้ามาจับตัวหานเซิ่น

 

เมื่อรู้สึกตัวในเรื่องนั้น หานเซิ่นก็เริ่มบินเป็นเส้นตรง เขาเร่งความเร็วขึ้นเพื่อออกห่างจากเลอตู้

 

เป็นอย่างที่หานเซิ่นคิดเอาไว้ เมื่อเขาออกห่างจากเลอตู้ได้ระยะพอสมควร มันก็มีใครหลายคนที่ทนต่อความยั่วยวนที่จะออกมาจับตัวเขาไม่ได้อีก

 

มันมีสิ่งมีชีวิตระดับราชันหลายสิบชีวิตจากเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันปรากฏตัวออกมา พวกเขารู้ไม่สามารถเอาชนะหานเซิ่นตามลำพังได้ ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงก่อตั้งพันธมิตรชั่วคราวขึ้นมา

 

หานเซิ่นมองไปที่พวกเขาและสังเกตเห็นว่าพวกเขามีอยู่ด้วยกัน 20-30 ชีวิต และ 3 คนในหมู่พวกเขาเป็นถึงระดับครึ่งเทพ มันดูเหมือนว่าพวกเขาทั้ง 3 คือผู้นำของพันธมิตรชั่วคราวนี้

 

“หานเซิ่น เจ้าควรจะยอมมอบตัวแต่โดยดี อย่าได้ทำให้พวกเราต้องทำร้ายเจ้า” หนึ่งในครึ่งเทพพูดขึ้นมา

 

หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร เขาตอบด้วยการส่งหมัดที่รวดเร็วไปทางอีกฝ่ายแทน เขาคิดกับตัวเอง ‘พวกนายคิดว่าตัวเองเป็นใคร? เลอตู้อย่างนั้นหรอ? พวกนายไม่ต้องการทำร้ายฉัน? ก่อนอื่นพวกนายจำเป็นต้องมีความสามารถพอที่จะมาทำร้ายฉัน’

 

เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของหานเซิ่น ครึ่งเทพคนนั้นก็ตะโกนขึ้นมา
“ถึงตาหัวหน้าแล้ว!”

 

หานเซิ่นรู้สึกว่ามันแปลกๆ เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายความว่ายังไงกันแน่ เขาหันมองไปที่ครึ่งเทพอีกคนหนึ่ง

 

สิ่งมีชีวิตครึ่งเทพนี้ดูเหมือนกับเสือดำ เมื่อได้ยินเสียงเรียกนั้น มันก็คำรามออกมาเพื่อปลดปล่อยอาณาเขตสีดำ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นอาณาเขตธาตุน้ำ

 

หานเซิ่นไม่ได้หวาดกลัวต่ออาณาเขตธาตุน้ำ เนื่องจากเขามีร่างกายแห่งราชันออริจินอลวอเทอร์อยู่ น้ำจึงไม่ได้เป็นผลเสียอะไรต่อเขา

 

ก่อนที่หมัดของหานเซิ่นจะไปถึงใบหน้าของครึ่งเทพตัวนั้น อาณาเขตสีดำก็ก่อตัวรอบๆร่างกายของมัน ยอดฝีมือระดับราชันอีก 20 คนใช้อาณาเขตของตัวเองเช่นกัน อาณาเขตนานาชนิดทับซ้อนกันภายในอาณาเขตของเสือดำ อาณาเขตสีดำกลืนกินพวกมันเข้าไปและทำให้อาณาเขตสีดำดูมืดมิดขึ้นไปอีก ทันใดนั้นมันก็ทำให้หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่ากำลังตกลงไปในหลุมที่ไร้ก้น เขายื่นมือออกไปข้างหน้าและพบว่ามองไม่เห็นนิ้วมือของตัวเอง

 

“นี่มันไม่ใช่อาณาเขตธาตุน้ำ?” หานเซิ่นประหลาดใจ

 

อาณาเขตสีดำกลืนกินอาณาเขตของราชันคนอื่นเข้าไป หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นวัตถุสีดำที่ดูเหมือนกับไข่ เมื่อเสือดำรวบรวมพลัง วัตถุสีดำก็เริ่มหดตัวเล็กลงเรื่อยๆ แต่ทว่าความมืดมิดภายในกลับหนาแน่นขึ้นไปอีก

 

ความมืดมิดเริ่มจะเหมือนกับของเหลวขณะที่มันกดลงกับตัวของหานเซิ่น ร่างกายของหานเซิ่นสามารถเคลื่อนไหวผ่านพวกมันได้ แต่เมื่อความมืดมิดหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ บางสิ่งก็เริ่มจะต้านทานการเคลื่อนไหวของเขา มันเหมือนกับว่าเขาอยู่ภายในซีเมนต์ที่กำลังแข็งตัว ไม่นานหลังจากนั้นร่างกายของหานเซิ่นก็แข็งไป เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset