Super God Gene – ตอนที่ 2475

ตอนนี้หานเซิ่นได้รู้อีกเหตุผลหนึ่งที่เลอตู้ไม่ได้มัดตัวเขาเอาไว้ เลอตู้รู้ว่าหนทางไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นเต็มไปด้วยอันตราย ถ้าเขาต้องอุ้มหานเซิ่นในขณะต่อสู้ มันจะเป็นอะไรที่ยากลำบากเกินไป

 

การปล่อยให้หานเซิ่นหนีเอาตัวรอดด้วยตัวเองจะทำให้เขาสามารถใช้สมาธิทั้งหมดกับใครก็ตามที่เข้ามาจู่โจมได้

 

“เจ้าเป็นคนที่รอบคอบมากๆ แต่เจ้าประเมินข้าต่ำเกินไป ข้าคือหานเซิ่น! เจ้าคิดว่าเพียงแค่เครื่องหมายนี้ เจ้าจะติดตามข้าได้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นหัวเราะในใจและรีบวิ่งหนีไปในทิศทางตรงกันข้าม

 

แต่หลังจากที่หนีไปได้ไม่นาน เขาก็เห็นกลุ่มยูนิคอร์นสีทองวิ่งตรงเข้ามาหาเขาจากหมู่เมฆอีกด้านหนึ่ง พวกมันอยู่ทุกหนทุกแห่ง และมันก็มียูนิคอร์นสีทองมากกว่ายูนิคอร์นสีขาวที่วิ่งมาจากอีกด้านซะอีก

 

“อะไรกันเนี่ย! ทำไมมันถึงได้มีซีโน่เจเนอิคมากมายขนาดนี้?”

หานเซิ่นชักมีดออกมาและวิ่งตรงเข้าไปหาฝูงยูนิคอร์น เขาฆ่ายูนิคอร์หลายตัวในทันทีทันใด

 

“ซีโน่เจเนอิคระดับดยุกถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ”

 

“พวกมันเป็นซีโน่เจเนอิคจริงๆ!” หานเซิ่นพยายามจะฝ่าฝูงยูนิคอร์นออกไป เขาฆ่าพวกมันทุกตัวที่ขวางทาง มีดเขี้ยวผีสิงตัดผ่านร่างของยูนิคอร์นราวกับเคียวตัดผ่านทุ่งข้าว แต่หานเซิ่นไม่ได้กำลังเกี่ยวข้าว เขากำลังฆ่าชีวิต

 

เหล่ายูนิคอร์นนั้นไม่ลดละ หานเซิ่นห้ำหั่นเหล่ายูนิคอร์นอย่างไม่หยุดและเลือดก็กระเด็นไปรอบตัวเขา ในเวลาอันสั้นเขาฆ่ายูนิคอร์นไปนับไม่ถ้วน

 

ทันใดนั้นจู่ๆหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงร้องดังขึ้นมา ยูนิคอร์นที่เรืองแสงอร่ามก้าวออกมาจากฝูง มันมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่ายูนิคอร์นตัวอื่นถึง 2 เท่า และเขาของมันก็เป็นทองบริสุทธิ์อีกด้วย มันวิ่งตรงเข้ามาหาหานเซิ่น

 

หานเซิ่นฟันใส่เขาของยูนิคอร์นที่วิ่งเข้ามาด้วยมีด แต่เมื่อมีดและเขาปะทะกัน หานเซิ่นก็ถูกส่งกระเด็นออกไปหลายร้อยเมตร

 

ก่อนที่หานเซิ่นจะทรงตัวได้ เขาก็เห็นยูนิคอร์นอีกตัววิ่งตรงเข้ามาหาเขา ยูนิคอร์นตัวนี้มีสีดำและมันก็แผ่รัศมีที่น่าสะพรึงกลัวออกมา มันไม่ได้อ่อนแอไปกว่ายูนิคอร์นสีทองตัวนั้นเลย

 

หานเซิ่นส่งหมัดไปทางยูนิคอร์นสีดำ พลังน้ำแข็งพุ่งไปถูกตัวยูนิคอร์น แต่ยูนิคอร์นตัวนั้นเรืองแสงสีดำออกมา มันเหมือนกับว่ามีโล่ก่อตัวขึ้นจากปลายเขาของยูนิคอร์น

 

เมื่อพลังน้ำแข็งของหานเซิ่นสัมผัสกับโล่นั้น มันก็กระเด้งออกไป มันไม่สามารถเจาะทะลวงอาณาเขตที่ยูนิคอร์นสีดำสร้างขึ้นมาได้

 

Pang!

ยูนิคอร์นสีดำวิ่งเข้าชนกับร่างกายของหานเซิ่นและฉีกร่างของเขาเป็น 2 ส่วน แต่หลังจากนั้นร่างจริงของเขาก็ปรากฏตัวที่อีกด้านหนึ่งของสนามต่อสู้ ขณะที่หานเซิ่นหันไป เขาก็เห็นยูนิคอร์นตัวใหญ่อีกตัววิ่งตรงเข้ามาหาเขา ยูนิคอร์นตัวนี้เป็นสีขาว

 

“อะไรกันเนี่ย! ทำไมยูนิคอร์นสีขาวถึงมาอยู่กับเราได้? เลอตู้รับมือกับพวกมันอยู่ไม่ใช่หรอ?” หานเซิ่นเริ่มจะสงสัยว่าเลอตู้กำลังเล่นตลกอะไรอยู่หรือเปล่า

 

แต่เมื่อหานเซิ่นหันไปมอง เขาก็เห็นว่าเลอตู้กำลังต่อสู้กับยูนิคอร์นสีรุ้ง ยูนิคอร์นสีรุ้งนั้นแผ่แสงแห่งเทพสีรุ้งออกมา ทันทีที่เขาได้เห็นมัน เขาก็รู้ในทันทีว่ามันต้องเป็นยูนิคอร์นระดับเทพเจ้าอย่างแน่นอน

 

“นี่เราโชคร้ายขนาดไหนกันที่ต้องมาเผชิญหน้ากับซีโน่เจเนอิคพวกนี้?”

หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ แม้แต่เลอตู้เองก็ดูจะรับมือกับซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตัวนั้นไม่ได้ ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในตอนนี้นั้นเลวร้ายสุดๆ

 

เนื่องจากยูนิคอร์นตัวอื่นไม่สามารถเข้าไปใกล้การต่อสู้ระหว่างเลอตู้และยูนิคอร์นระดับเทพเจ้า ด้วยเหตุนั้นพวกมันจึงมาหาหานเซิ่นแทน หานเซิ่นกำลังเผชิญหน้ากับยูนิคอร์นระดับครึ่งเทพถึง 4 ตัว และตอนนี้มันก็มียูนิคอร์นอีกนับไม่ถ้วนที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเขา ถ้าหานเซิ่นอยู่ต่อเพื่อต่อสู้ ถึงแม้เหล่ายูนิคอร์นจะเรียงแถวกันให้เขาฆ่าทีละตัว เขาก็ต้องหมดแรงซะก่อน

 

ในตอนที่ยูนิคอร์นสีแดงวิ่งตรงเข้ามาหาเขา หานเซิ่นก็ได้ไอเดียบางอย่างขึ้นมา ดวงตาข้างซ้ายของเขาแว็บด้วยแสงสีแดง และร่างกายของเขาก็เปลี่ยนเป็นเงาเลือด เขากระโดดเข้าไปในดวงตาของยูนิคอร์นสีแดงตัวหนึ่ง

 

การสูญเสียเป้าหมายไปต่อหน้าต่อตา ทำให้เหล่ายูนิคอร์นทั้งหมดดูสับสน พวกมันมองไปรอบๆและพยายามจะหาตัวหานเซิ่น แต่พวกมันหาเขาไม่เจอ

 

แต่หานเซิ่นไม่ได้หยุดอยู่ในดวงตาของยูนิคอร์นสีแดงตัวนั้น เขารีบเทเลพอร์ตไปในดวงตาของยูนิคอร์นอีกตัว เขากระโดดไปมาในดวงตาของยูนิคอร์นแต่ละตัวโดยที่ไม่ได้อยู่ในดวงตาของยูนิคอร์นตัวไหนเป็นเวลานานเกินกว่าหนึ่งวินาที

 

ถึงแม้ว่ยูนิคอร์นทั้ง 4 ตัวจะเป็นระดับครึ่งเทพ แต่หานเซิ่นไม่ได้หวาดกลัวพวกมัน แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจคือการมาถึงในเวลาที่เหมาะเจาะของเหล่ายูนิคอร์น หานเซิ่นรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างบ่งการพวกมันอยู่เบื้องหลัง แต่เขายังระบุไม่ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่

 

หานเซิ่นยังคงเคลื่อนย้ายไปมาระหว่างดวงตาของเหล่ายูนิคอร์น ด้วยการทำแบบนั้นทำให้เขาสามารถพาตัวเองไปถึงขอบของสนามต่อสู้ ขณะเดียวกันเขาก็พยายามสังเกตสิ่งที่ทำให้พวกมันมาโจมตีพวกเขาอย่างกะทันหัน แต่เขายังคงไม่เห็นอะไรที่ผิดปกติ

 

“นี่เราคิดมากไปอย่างนั้นหรอ? แต่การมาโจมตีของพวกมันถือเป็นเรื่องดี อย่างน้อยมันก็ทำให้เราหนีจากเลอตู้ได้ เขายังคงพยายามต่อสู้กับยูนิคอร์นระดับเทพเจ้า เขาคงจะไม่รอด และถึงเขาจะรอดไปจากที่นี่ได้ เขาก็จับตัวเราอีกครั้งไม่ได้’ หานเซิ่นคิด ในตอนที่เขาพาตัวเองไปถึงขอบของฝูงยูนิคอร์นได้สำเร็จ เขาก็ออกมาจากดวงตาของยูนิคอร์นและพยายามจะบินหนีไป

 

Pang!

หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าเขาบินไปชนเข้ากับกำแพง เขากระเด็นกลับไปด้านหลังและจมูกของเขาก็มีเลือดไหลออกมา

 

“นี่มันคืออะไรกัน?” หานเซิ่นมองไปข้างหน้า แต่เขามองไม่เห็นอะไร เขายื่นมือออกไปเพื่อสัมผัสอะไรก็ตามที่พุ่งชน และเขาก็รู้สึกตัวว่ามันมีโล่ป้องกันที่มองไม่เห็นอยู่

 

“มันมีบางสิ่งผิดปกติจริงๆ” หานเซิ่นบินสูงขึ้นไปหลายร้อยเมตร แต่มือของเขาก็ยังคงสัมผัสกับโล่ที่มองไม่เห็นนั้น มันดูจะไม่มีที่สิ้นสุด

 

หานเซิ่นบินขึ้นไปอีกหนึ่งพันไมล์ แต่มันก็ยังไม่มีวี่แววว่าโล่ป้องกันที่มองไม่เห็นจะถึงจุดสิ้นสุด เขาไม่รู้ว่ามันทอดยาวไปไกลถึงขนาดไหนกันแน่

 

“นี่มันคืออะไร? ใครกันที่เป็นคนทำอะไรแบบนี้?” หานเซิ่นแปลกใจ ถ้าโล่นี้ปกคลุมทั้งสนามรบ นั่นหมายความว่าสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าอีกหนึ่งที่คอยชักใยการต่อสู้นี้อยู่เบื้องหลัง มันมีเพียงแค่สิ่งมีชีวิตระดับนั้นที่จะสร้างโล่ป้องกันที่แข็งแกร่งและกว้างใหญ่ขนาดนี้ได้

 

หานเซิ่นใช้ออร่าตงเสวียนและวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อดูว่าจะระบุอะไรเกี่ยวกับโล่ป้องกันที่มองไม่เห็นนี้ได้ไหม

 

หานเซิ่นเห็นในทันทีว่าสิ่งที่ขวางทางเขาอยู่คือกำแพงโซ่สสารล่องหน และเขายังเห็นอีกว่ากำแพงนั่นปกคลุมไปทั้งสนามรบ

 

“มันเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าจริงๆที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี่”

หานเซิ่นหายใจเข้าลึกๆ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้านั้นถึงไม่เผยตัวออกมา เขารู้แค่ว่ามันมีสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าล็อคสนามต่อสู้เอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถหนีออกไปได้

 

ทันใดนั้นนิ้วมือข้างซ้ายของหานเซิ่นก็รู้สึกร้อนขึ้นมา ลำแสงสีเทาส่องออกมาจากนิ้วมือของเขา

 

เครื่องหมายนั้นดูเหมือนจะหายไปจากนิ้วมือของเขาและแสงสีเทาก็ก่อตัวเป็นภาพของเลอตู้ตรงหน้าเขา

 

“เลิกเอาแต่วิ่งหนี ที่นี่ถูกล็อคเอาไว้โดยยอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนหนึ่ง พวกเราจำเป็นต้องฆ่าซีโน่เจเนอิคทุกตัวที่นี่ ไม่อย่างนั้นพวกเราทั้งคู่จะต้องตาย” เครื่องหมายที่เปลี่ยนเป็นเงาของเลอตู้พูด

 

“ทำไม?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว

 

“มันไม่มีเวลามาถามว่าทำไม พวกเราไม่แข็งแกร่งพอที่จะมีตัวเลือกอื่น ในตอนนี้มีใครบางคนกำลังใช้พวกเราเหมือนกับตัวหมากบนกระดาน” หลังจากพูดจบ เงาของเลอตู้ก็ค่อยๆจางหายไป

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset