Super God Gene – ตอนที่ 2481

เลอตู้ลืมตาขึ้นและตกใจกับสิ่งที่เห็น คนที่จับตัวเขาเอาไวคือคนเดียวกันกับที่เขาเพิ่งจะโยนออกไปจากที่นี่
“ทำไมเจ้าถึงกลับมา”

 

“ข้ากลับมาถามเจ้าว่าทำไมเจ้าถึงช่วยข้าเอาไว้” หานเซิ่นพูด

 

หานเซิ่นไม่กลัวความชั่วร้าย แต่เขากลัวความเมตตา ถ้าใครบางคนใช้ประโยชน์จากเขา เขาก็จะให้คนๆนั้นต้องชดใช้เป็น 3 เท่า แต่ถ้าเขาเป็นหนี้บุญคุณคน เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบแทนมันยังไง

 

ในตอนที่หานเซิ่นกำลังจะหนีไป เขาก็รู้สึกตัวได้ถึงความจริงบางอย่าง โล่ป้องกันที่มองไม่เห็นนั้นอาจจะถูกทำลายไปแล้ว แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่ขังพวกเขาเอาไว้ยังคงอยู่ที่ไหนสักแห่ง ถ้าเขาไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องนั้นได้ การหนีไปก็อาจจะเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าโล่ป้องกันล่องหนจะอยู่หรือไม่ ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนนั้นคงจะไม่ปล่อยพวกเขาไป

 

“ช่วยเจ้า? ข้าไม่ได้เป็นคนดีพอที่จะทำอะไรแบบนั้น ข้าแค่ไม่ต้องการให้รางวัลของข้าถูกขโมยไป” เลอตู้พูด

 

ร่างกายของเลอตู้เต็มไปด้วยบาดแผล แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่รู้สึกเจ็บปวด เขาไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น เขาแค่ดูซีดไปเล็กน้อย

 

“อย่างนี้นี่เอง” หานเซิ่นพยักหน้า เขาไม่ได้คิดจริงๆว่าเลอตู้จะใจดีพอที่จะช่วยชีวิตเขา คำตอบนี้เป็นอะไรที่สมเหตุสมผล

 

ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน ยูนิคอร์นเทียนเซียก็หันหัวมาทางพวกเขาอีกครั้ง มันรู้ว่าเลอตู้กำลังจะตาย มันบินมาหาพวกเขา แต่มันไม่ได้ทำการปลิดชีวิตของเลอตู้ ดูเหมือนว่าเจ้ายูนิคอร์นต้องการสำราญในชัยชนะของมัน

 

“พวกเรามาทำข้อตกลงกันเป็นยังไง?” หานเซิ่นพูดขณะที่มองไปที่เลอตู้

 

“ข้ากำลังจะตาย แบบนั้นพวกเรายังจะทำข้อตกลงแบบไหนได้อีก?” เลอตู้พูด

 

“ถ้าพวกเราร่วมมือกันฆ่ายูนิคอร์นตัวนี้ได้ พวกเราทั้งคู่ก็จะมีชีวิตรอดกลับไป” หานเซิ่นพูดขณะที่ชี้ไปที่ยูนิคอร์นเทียนเซีย

 

“พวกเราจะมีชีวิตรอด อย่างน้อยก็สักพักหนึ่ง” เลอตู้ตอบอย่างไร้ความรู้สึก

 

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าและข้ามาร่วมมือกันฆ่ามัน ถ้าพวกเราทำสำเร็จ เจ้ายินดีจะปล่อยข้าไปไหม?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่เลอตู้

 

เมื่อได้ยินคำถามของหานเซิ่น ดราก้อนวันก็ขมวดคิ้วด้วยความเย้ยหยัน
“เจ้านี้บ้าไปแล้วหรือยังไง? ทำไมเขาถึงพูดสิ่งที่บ้าบ่อออกมาในเวลาแบบนี้?”

 

ทุกคนที่ได้ยินคำพูดของหานเซิ่นก็มีความคิดที่เหมือนๆกัน เลอตู้บาดเจ็บสาหัสและอยู่ในสภาพปางตาย ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็เป็นแค่ระดับราชันขั้นที่ 2 เขายังห่างไกลจากระดับเทพเจ้า การที่พวกเขาทั้ง 2 คนจะร่วมมือกันเพื่อสังหารสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้านั้นเหมือนกับการที่มด 2 ตัวร่วมมือกันเพื่อโค่นล้มช้างตัวหนึ่ง

 

“หานเซิ่นเสียสติไปแล้วอย่างนั้นหรอ? นี่เขาคิดจริงๆหรือว่าจะฆ่ายูนิคอร์นเทียนเซียได้น่ะ?”

 

“นี่มันน่าสมเพช มันพิสูจน์ว่าไม่ว่าใครก็อาจจะกลายเป็นคนที่เสียสติถ้าพวกเขาสิ้นหวังมากพอ นี่มันไม่ต่างอะไรจากการได้เห็นภาพหลอนของโอเอซิสขณะที่กำลังจะขาดน้ำตายอยู่ท่ามกลางทะเลทราย”

 

ผู้ชมหลายคนถอนหายใจออกมา การได้เห็นความสิ้นหวังของยอดฝีมือทั้ง 2 เป็นอะไรที่น่าเศร้า ผู้ชมหลายคนรู้สึกเห็นใจพวกเขา

 

นอกซะจากพวกเขาจะกลายเป็นระดับเทพเจ้า พวกเขาก็จะไม่สามารถควบคุมชะตากรรมของตัวเองได้ ยอดฝีมือระดับราชันและครึ่งเทพรู้สึกเข้าใจ ขณะที่พวกเขามองไปที่หานเซิ่นและเลอตู้

 

สิ่งที่เกิดขึ้นกับหานเซิ่นและเลอตู้ในวันนี้อาจจะเกิดขึ้นกับพวกเขาในอนาคต มันไม่มีอะไรรับประกันว่าพวกเขาจะไม่บังเอิญไปพบกับสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าที่โหดร้ายเข้า

 

“เอาสิ” เลอตู้พยักหน้าขณะที่มองไปที่หานเซิ่น

 

“นี่มันน่าสมเพช! เลอตู้เป็นคนที่ไร้เทียมทานเมื่อเทียบกับคนอื่นในระดับเดียวกัน เขาเป็นชายที่สังหารอาจารย์ของตัวเอง แต่ตอนนี้เขาตกต่ำถึงขนาดที่ฝากทุกอย่างเอาไว้กับความหวังลมๆแล้งๆอย่างนั้นหรอ?” ดราก้อนวันพูดด้วยความเกลียดชังและดูถูก

 

โคลเซ่ขมวดคิ้ว เขาไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเลอตู้มากนัก ถึงแม้เลอตู้จะเข้าร่วมกับเผ่าเดสทรอยเยอร์ แต่เขาก็เป็นคนที่สันโดษโดยธรรมชาติ แถมเขาก็ไม่ใช่หนึ่งในคนของเดสทรอยเยอร์จริงๆ

 

ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจเลอตู้เป็นอย่างดี แต่เขาก็รู้ว่าใครก็ตามที่สามารถสังหารยอดฝีมือระดับเทพเจ้าได้นั้นต้องเป็นบุคคลที่มีจิตใจแข็งแกร่ง สภาพจิตใจของเลอตู้ไม่ควรจะเสื่อมถอยถึงขนาดที่พูดอะไรออกมาแบบนั้น

 

แต่เลอตู้กลับตอบตกลงกับข้อเสนอที่เหลวไหลของหานเซิ่น เห็นได้ชัดว่าจิตใจของเขาไม่ปกติอีกต่อไป และนั่นเป็นเหตุผลที่เขาฝากความหวังไว้กับบางสิ่งที่บ้าบ่ออย่างนี้

 

“ความตายเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากๆ ไม่ว่าคนๆหนึ่งจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน พวกเขาก็จะดูกระจ้อยร่อยเมื่ออยู่ต่อหน้าความตาย” โคลเซ่ถอนหายใจ

 

เขาเองก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ถึงแม้เขาจะเป็นระดับเทพเจ้า แต่เขาก็จะต่อสู้จนถึงวาระสุดท้ายเพื่อเอาชีวิตรอด

 

“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอันตกลง” หานเซิ่นพูดด้วยใบหน้าที่ดูจริงจัง

 

“เจ้าต้องการจะทำอะไร?” เลอตู้ถามหานเซิ่นด้วยความอยากรู้

 

จริงๆแล้วเลอตู้ไม่เชื่อว่าหานเซิ่นจะทำสิ่งที่เขาเสนอมาได้ เลอตู้แค่อยากรู้ว่าหานเซิ่นมีแผนจะทำอะไร

 

ความจริงแล้วเลอตู้อยากรู้เกี่ยวกับหานเซิ่นมาโดยตลอด หานเซิ่นเป็นเหมือนกับคนที่ตรงกันข้ามกับเขา

ชีวิตของเลอตู้ไม่เคยมอบความทรงจำดีๆอะไรให้มองย้อนกลับไป เขานั้นต่อสู้เพื่อความอยู่รอด

 

แต่หานเซิ่นนั้นต่างออกไป หานเซิ่นเป็นคนที่มีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะมีชีวิตต่อไป หานเซิ่นจะใช้ทุกวิธีการที่จำเป็น ซึ่งนั่นรวมถึงการผิดคำสัญญาโดยการพยายามจะหนีไปจากเลอตู้เพื่อเอาชีวิตรอด

 

แต่ในจังหวะนี้หานเซิ่นกลับมาช่วยเขาเอาไว้ นั่นทำให้เลอตู้รู้สึกสงสัยว่าจริงๆแล้วหานเซิ่นเป็นคนแบบไหนกันแน่

 

หานเซิ่นไม่ตอบคำถาม และเขาก็ไม่ได้มองไปที่ยูนิคอร์นเทียนเซียที่ลอยตัวอยู่เหนือพวกเขาราวกับนักรบที่เป็นฝ่ายชนะ

 

หานเซิ่นช่วยพยุงเลอตู้กลับขึ้นมา เขายื่นมือไปวางบนหน้าผากของเลอตู้ เขาเป็นเหมือนกับนักบวชที่กำลังจะอวยพรให้กับคนอื่น

 

หานเซิ่นมองไปที่เลอตู้และพูดด้วยเสียงที่สงบนิ่ง
“ข้า…หานเซิ่น…ในนามของเทพทั้งปวง…ขอมอบ…พลังศักดิ์สิทธิ์ชั่วนิรันดร์…กับเลอตู้…เพื่อเปิดประตูแห่งชะตากรรม…”

 

เมื่อได้ยินสิ่งที่หานเซิ่นพูดออกมา ดราก้อนวันและโคลเซ่ก็เกือบจะพ่นน้ำชาออกมาจากปาก

 

ผู้ชมที่มองดูการถ่ายทอดสดอยู่นั้นจ้องมองไปที่หานเซิ่นราวกับว่าพวกเขากำลังมองดูคนโง่คนหนึ่ง

 

ในจังหวะนั้นการกระทำของหานเซิ่นก็ไม่ได้เป็นอะไรที่บ้าบ่ออีกต่อไป ตอนนี้มันเป็นอะไรที่โง่เขลา การที่ความตายมาถึงตัวคงจะต้องทำให้เขาเสียสติไป

 

ถึงแม้พวกเขาจะเห็นใจหานเซิ่นก่อนหน้านี้ แต่นี่เป็นอะไรที่มากเกินไป

 

“นี่เขาบ้าไปแล้ว! ในนามของเทพทั้งปวงอย่างนั้นหรอ? หานเซิ่นจะต้องเสียสติไปแล้วจริงๆ”

 

“นี่มันน่าตลก ข้าคิดว่าคงจะประเมินเขาสูงเกินไป เขาดูเป็นคนที่สุดยอดก่อนหน้านี้ แต่ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าจิตใจของเขาจะอ่อนแอถึงขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นบ้าไปแล้ว”

 

“ฮ่าๆ! ในนามของเทพทั้งปวง…นี่มันตลกจริงๆ…นี่เป็นมุกที่ตลกที่สุดที่ข้าเคยได้ยินมา!” ดราก้อนวันหัวเราะอย่างหนักจนน้ำตาไหลออกมา

 

หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่หานเซิ่นพูด แม้แต่ยูนิคอร์นเทียนเซียเองก็ดูขบขันและส่งเสียงที่เหมือนกับการหัวเราะออกมา

 

หานเซิ่นเป็นแค่ยอดฝีมือระดับราชันขั้นที่ 2 แต่เขากล้าพูดในนามของเทพทั้งปวง ซึ่งแม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ไม่กล้าจะพูดอะไรแบบนั้น มันทำให้ทุกคนคิดว่านี่เป็นมุกตลกที่น่าขำ

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset