Super God Gene – ตอนที่ 2488

หานเซิ่นและเลอตู้ทำการค้นหาเป็นวงกลม แต่พวกเขาก็ยังไม่พบวี่แววของวาฬขาว หานเซิ่นรู้สึกกังวลอย่างมาก

 

ในตอนนี้หานเซิ่นอยากจะฝึกหนึ่งในวิชาของกุนซือไวท์ แบบนั้นเขาก็จะสามารถคำนวณหาตำแหน่งที่เป่าเอ๋อเดินทางไปได้ เพียงแค่รู้ทิศทางก็เป็นอะไรที่มากพอแล้ว เพราะในตอนนี้ไม่ว่าอะไรมันก็ดีกว่าการวิ่งไปรอบๆเหมือนกับไก่ไร้หัว

 

ในขณะที่ยูนิคอร์นเทียนเซียทะยานผ่านก้อนเมฆ พวกเขาก็เห็นคนๆหนึ่งปรากฏตัวออกมา คนๆนั้นคือเหมิงเลี่ยญาติพี่น้องของกษัตริย์เอ็กซ์ตรีมคิง

 

“หานเซิ่น พวกเราพบกันอีกครั้ง”

 

เหมิงเลี่ยหนีเอาตัวรอดเมื่อผู้หญิงชุดเหลืองขโมยมังกรปีศาจเอ็กซ์ตรีมเพอเพิลของเขาไป หานเซิ่นคิดว่าเขาคงจะหนีออกไปจากระบบเทียนเซียเรียบร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้น

 

“เจ้าควรไปซะ” เลอตู้พูดกับหานเซิ่นขณะที่เขาจ้องไปที่เหมิงเลี่ย

 

หานเซิ่นหนีไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ที่เลอตู้บอกให้หานเซิ่นไป นั่นเป็นเพราะเลอตู้ไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถหยุดเหมิงเลี่ยได้ ถ้าหานเซิ่นยังอยู่ต่อ เขาก็จะกลายเป็นภาระของเลอตู้ ถ้าเลอตู้ต่อสู้ตามลำพัง เขาสามารถหนีเอาตัวรอดได้ ถ้าเขาสู้เหมิงเลี่ยไม่ไหว

 

เหมิงเลี่ยเริ่มจะไล่ตามหานเซิ่นไป แต่เลอตู้หยุดเขาเอาไว้

 

“เลอตู้ เจ้าต้องการจะกลายเป็นศัตรูกับเอ็กซ์ตรีมคิงจริงๆอย่างนั้นหรอ?”

 

“ข้าบอกเขาว่าข้าจะปล่อยเขาออกไปจากที่นี่” เลอตู้พูดอย่างไร้ความรู้สึก “นี่คือสิ่งที่ข้าจะทำ”

 

“ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็มาดูกันว่าเจ้าจะมีความสามารถพอหรือเปล่า”
สีหน้าของเหมิงเลี่ยเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง ร่างกายของเขาเปลี่ยนเป็นสีทอง ขณะที่เขาส่งฝ่ามือไปทางเลอตู้ ฝ่ามือนั้นดูเหมือนจะปกคลุมทั้งท้องฟ้า

 

หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงพลังที่เหมือนกับคลื่นกระแทกลูกยักษ์ที่ซัดเข้ามาจากด้านหลัง นั่นทำให้เขารีบบินหนีไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม

 

โชคดีที่พลังของคลื่นกระแทกสลายไปเกือบหมดแล้วในตอนที่มันมาถึงตัวเขา หานเซิ่นใช้โมเมนตัมของคลื่นกระแทกเพื่อเสริมความเร็วของตัวเอง ทำให้เขาหายเข้าไปในก้อนเมฆอย่างรวดเร็ว

 

‘เราต้องใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน? หลังจากที่เราพบเป่าเอ๋อ เราจะไปที่ปราสาทนภา หวังว่าพวกเขาจะยอมรับเราเข้าไป เราจำเป็นต้องหาใครสักคนคอยปกป้องเราจากเอ็กซ์ตรีมคิงจนกระทั่งเรากลายเป็นระดับเทพเจ้า’
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมา ‘อาณาเขตแห่งราชันของโลหิตชีพจรนั้นแปลกเกินไป เราผลักดันฟันเฟืองจักรวาลของคนอื่นได้ แต่ดูเหมือนว่าจะใช้มันกับตัวเองไม่ได้’

 

หานเซิ่นไม่รู้ทิศทางที่จะไปหาเป่าเอ๋อ และเขาก็จำเป็นต้องอยู่ให้ห่างจากการต่อสู้ระหว่างเลอตู้และเหมิงเลี่ย

 

หลังจากที่หนีไปได้ไม่นาน หานเซิ่นก็ไปถึงบริเวณที่มีก้อนเมฆหลายก้อนเชื่อมต่อกัน ตรงหน้าเขาก็คือทะเลเมฆสีขาวเหมือนกับน้ำนม ก้อนเมฆแต่ละก้อนนั้นดูเหมือนกับนมที่ลอยอยู่บนอากาศ

 

หานเซิ่นบินเข้าไปหามันอย่างไม่ลังเล แต่ในตอนที่เขาพยายามบินเข้าไปในหนึ่งในก้อนเมฆ เขากลับเด้งออกมาแทน

 

หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ ก้อนเมฆของระบบเทียนเซียนั้นหนากว่าปกติก็จริง แต่พวกมันไม่หนาพอที่จะหยุดเขา มีเพียงแค่คลาวด์บีสต์เท่านั้นที่จะอัดแน่นจนเขาไม่สามารถผ่านเข้าไปได้แบบนี้

 

แต่หานเซิ่นบินอย่างรวดเร็วขนาดที่ ถ้าเขาชนเข้ากับคลาวด์บีสต์ ร่างกายของพวกมันก็จะถูกเขาฉีกขาด แต่ก้อนเมฆขาวน้ำนมนี้กลับไม่เป็นอะไรเลยสักนิดเดียว และมันก็ยังเด้งเขากลับอีก

 

“นี่เราไปชนกับคลาวด์บีสต์ระดับสูงเข้าอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นคิดขณะที่มองไปที่ก้อนเมฆนั้น

 

แต่ก้อนเมฆไม่ตอบสนองอะไร มันแค่ลอยอยู่ที่เดิมเหมือนกับก้อนเมฆอื่นๆ

 

หานเซิ่นไม่สามารถมองเห็นอะไรที่พิเศษเกี่ยวกับก้อนเมฆนี้ เขาลังเลในตอนแรก แต่ในที่สุดแล้วเขาก็ตัดสินใจบินรอบๆก้อนเมฆเพื่อตรวจดูมันอย่างละเอียด เขายังยื่นมือออกไปเพื่อสัมผัสมัน

 

ก้อนเมฆนั้นอ่อนนุ่มมาก เมื่อหานเซิ่นสัมผัสกับมัน มันก็ยุบเข้าไปข้างใน แต่เมื่อหานเซิ่นชนเข้ากับมันด้วยความเร็วสูงสุดก่อนหน้านี้ ก้อนเมฆนั้นรู้สึกเหนียวมากๆ มันเหมือนกับเอ็นของเนื้อวัว

 

แต่ไม่ว่าหานเซิ่นจะสัมผัสมันมากแค่ไหน ก้อนเมฆก็ไม่ตอบสนองอะไร มันดูเหมือนกับวัตถุที่ไม่มีชีวิต

 

“ก้อนเมฆนี้ดูเหมือนกับของเหลวแบบนอนนิวโตเนียน”
หานเซิ่นปัดเป่าก้อนเมฆอื่นรอบๆออกไป และเขาพบว่าก้อนเมฆประหลาดนั้นมีความกว้างเพียงแค่ 20 เมตร นอกจากความจริงที่มันขาดพลังชีวิตและลักษณะแบบนอนนิวโตเนียนแล้ว มันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ

 

“ทำไมถึงได้มีเมฆแบบนี้อยู่ท่ามกลางก้อนเมฆอื่น?” หานเซิ่นรู้สึกสับสน เขามองไปที่ก้อนเมฆใกล้เคียงอยู่สักพัก ก่อนที่เขาจะยื่นมือเข้าไปในก้อนเมฆนั้นและดันร่างกายทั้งร่างเข้าไปข้างในอย่างช้าๆ

 

ในตอนที่อยู่ข้างนอก หานเซิ่นมองไม่เห็นอะไร ถึงแม้จะใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงก็ตาม ด้วยเหตุนั้นเขาจึงตัดสินใจจะเข้าไปดู

 

ร่างกายของหานเซิ่นเคลื่อนที่เข้าไปอย่างช้าๆ เขาคลืบคลานไปข้างหน้าด้วยความเร็วของหอยทาก หลังจากที่เข้าไปข้างในได้ 7 ถึง 8 เมตร จู่ๆหานเซิ่นก็รู้สึกว่าพื้นที่ตรงหน้านั้นว่างเปล่า และมือของเขาก็ทะลุผ่านก้อนเมฆออกไปข้างนอก

 

“มันมีบางสิ่งอยู่ที่นี่” หานเซิ่นรู้สึกดีใจ ก้อนเมฆนี้มีความกว้าง 20 เมตร และเขาเพิ่งเข้ามาได้ 7-8 เมตร ถึงอย่างนั้นมือของเขากลับทะลุออกไปนอกก้อนเมฆ นั่นหมายความว่ามันมีช่องว่างอยู่ที่ใจกลางของก้อนเมฆ

 

หานเซิ่นผ่านเข้าไปข้างใน หลังจากนั้นเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในพื้นที่ที่กว้าง 3 เมตร ภายในพื้นที่ที่ว่างเปล่านั้นเขาพบพืชต้นหนึ่ง

 

มันดูเหมือนกับต้นเศรษฐีเรือนนอก ใบสีเขียวยื่นออกไปทุกทิศทางและมันดูค่อนข้างงดงาม

 

“แปลงจริงๆ! ทำไมมันถึงมีพืชอยู่ที่นี่ได้?” หานเซิ่นคิดอย่างประหลาดใจขณะสังเกตไปที่พืชนั้น

 

ต้นเศรษฐีเรือนนอกงดงามเหมือนกับหยกเขียว ใบของมันมีความยาวหนึ่งฟุตและพวกมันก็มีรูปร่างเหมือนกับดาบ มันดูเหมือนกับงานศิลปะที่ถูกแกะสลักขึ้นมา แต่พลังชีวิตของมันดูแข็งแกร่งจนไม่มีใครอยากจะเชื่อว่ามันเป็นวัตถุที่ไม่มีชีวิต

 

จากที่หานเซิ่นบอกได้ ระบบเทียนเซียไม่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับพืชหรือสิ่งมีชีวิตธรรมดาๆ พืชจะไม่สามารถงอกขึ้นที่นี่ได้ แต่แล้วกลับมีต้นเศรษฐีเรือนนอกอยู่ตรงหน้าของเขา มันไม่ใช่สิ่งที่หานเซิ่นคาดว่าจะได้พบในตอนที่เข้ามาในก้อนเมฆ

 

‘มีใครบางคนมาที่นี่และทิ้งมันเอาไว้ในระบบเทียนเซียอย่างนั้นหรอ?’
ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิด เมฆสีขาวก็เริ่มจะลอยออกมาจากต้นเศรษฐีเรือนนอก มันลอยขึ้นเหมือนกับฟองสบู่และไปรวมตัวกับเมฆรอบๆ

 

“ดูเหมือนว่าก้อนเมฆนี้จะเกิดขึ้นมาจากต้นเศรษฐีเรือนนอก นั่นหมายความว่าพืชต้นนี้เป็นพืชท้องถิ่นของระบบเทียนเซีย” หานเซิ่นแปลกใจ

 

ขณะที่ต้นเศรษฐีเรือนนอกปลดปล่อยเมฆออกมาเพิ่ม หานเซิ่นก็ยื่นมือออกไปเพื่อสัมผัสมัน แต่เมื่อเขาแตะต้องมัน เขาก็พบว่ามันเหมือนกับก้อนเมฆรอบๆ พืชต้นนี้บอบบางถึงขนาดที่ดูเหมือนกับว่าเพียงแค่บีบเบาๆก็พอที่จะบดขยี้มันได้

 

แต่ถ้าเขาใช้กำลังกับมัน พืชนั้นก็จะเป็นอะไรที่เหนียวและทนทาน

 

“นี่มันเป็นพืชแบบไหนกันแน่?” ขณะที่หานเซิ่นตรวจดูต้นเศรษฐีเรือนนอกด้วยความสงสัย เขาก็เห็นว่ามันมีไฟสีขาวในใจกลางของพืช

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset