Super God Gene – ตอนที่ 2490

ตั้งแต่ที่หานเซิ่นทิ้งเลอตู้และเหมิงเลี่ยไป เขาก็เปลี่ยนเส้นทางหลายต่อหลายครั้ง ด้วยเหตุนั้นเขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเหมิงเลี่ยจะยังหาเขาเจอได้เร็วขนาดนี้

 

“ถ้ารู้แบบนี้ ฉันก็คงจะไม่กลับมา ทะเลเมฆนั่นประหลาดก็จริง แต่มันก็ยังดีกว่าการกลับมาเผชิญหน้ากับเหมิงเลี่ยที่นี่” หานเซิ่นหันกลับและต้องการจะกลับไปที่ทะเลเมฆนั้น

 

แต่ในจังหวะที่หานเซิ่นกำลังจะหนีไป เหมิงเลี่ยก็เทเลพอร์ตมาขวางหน้าเขาและพูด
“หานเซิ่น ถ้าเจ้ามากับข้าแต่โดยดี ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า และข้ายังจะปกป้องชีวิตของเจ้าอีกด้วย”

 

“คิดว่าทางเอ็กซ์ตรีมคิงจะปล่อยให้ข้ามีชีวิตต่อไป ถ้าข้ายอมไปกับท่านเนี่ยนะ?” หานเซิ่นแบะปากด้วยความเย้ยหยัน

 

เหมิงเลี่ยหัวเราะ “ข้าจะไม่โกหกล่ะกัน เจ้าจะถูกฆ่าตายจริงๆนั่นแหละ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเจ้าช่วยให้เลอตู้กลายเป็นระดับเทพเจ้าได้สำเร็จ ความสามารถนี้จะรับประกันความอยู่รอดของเจ้า ถ้าเจ้ายอมช่วยเหลือเอ็กซ์ตรีมคิงอย่างเต็มที่”

 

หานเซิ่นแปลกใจ เขาไม่อยากเชื่อว่าเหมิงเลี่ยจะพูดอะไรแบบนั้นออกมา

 

“แต่ข้าฆ่าลูกชายของราชาไป๋ แน่ใจหรือว่าเขาจะปล่อยให้ข้ามีชีวิตรอด?” หานเซิ่นพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

“เจ้ารู้ว่าราชาไป๋มีบุตรเป็นร้อยคนและยังหลานอีกนับไม่ถ้วน”
เหมิงเลี่ยหัวเราะออกมาอีกครั้ง “เจ้าไม่ได้ฆ่าองค์ชายสำคัญ และถ้ามันเป็นใครคนอื่นที่ฆ่าเขา มันก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะปกปิดความจริงได้นานขนาดนี้ แต่หานเซิ่น เจ้านั้นต่างออกไป ถ้าเจ้ายินดีจะทำงานเพื่อเอ็กซ์ตรีมคิง ข้าจะไว้ชีวิตของเจ้า”

 

หานเซิ่นกรอกตา มันไม่มีโอกาสที่เขาจะเอาชนะเหมิงเลี่ยได้ และมันก็ไม่มีทางที่เขาจะหนีไปจากชายคนนี้ได้เช่นเดียวกัน เขาแค่แกล้งฟังไปอย่างนั้นเพื่อถ่วงเวลาขณะที่พยายามคิดหาหนทางที่จะหนีไป

 

เมื่อเห็นว่าหานเซิ่นไม่ตอบอะไร เหมิงเลี่ยก็พูดต่อ
“ถ้าเจ้าหนีไปถึงปราสาทนภาได้ เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเรื่องนี้จะจบลงเมื่อเวลาผ่านไป? ทางเอ็กซ์ตรีมคิงจะไม่ปล่อยให้องค์ชายคนหนึ่งตายไปเปล่าๆ”

 

“มันเป็นอย่างที่ท่านบอก องค์ชายของเอ็กซ์ตรีมคิงจะไม่ตายไปเปล่าๆ แบบนั้นถ้าข้าไปกับท่านแล้วพวกเขาจะปล่อยให้ข้ามีชีวิตรอดได้ยังไงกัน?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว

 

เหมิงเลี่ยยิ้มและพูด “หานเซิ่นจะต้องตาย แต่เจ้าอาจจะไม่ใช่หานเซิ่นคนนั้น”

เมื่อหานเซิ่นเข้าใจว่าเหมิงเลี่ยกำลังจะบอกอะไร ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ

 

เมื่อเห็นสีหน้าของหานเซิ่น เหมิงเลี่ยก็พูดต่อ “พวกเราเอ็กซ์ตรีมคิงจะไม่ปล่อยให้คนที่ฆ่าองค์ชายของพวกเราไปไม่ได้รับผลกรรม และพวกเราก็จะไม่มอบข้อเสนอแบบนี้ให้กับใครคนอื่นนอกจากเจ้า ถ้าเจ้ายังยืนกรานจะไปที่ปราสาทนภา มันก็ไม่สำคัญว่าเจ้าจะมีความสามารถแบบไหน ทางเอ็กซ์ตรีมคิงจะไม่ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอดไปได้”

 

คำอธิบายของเหมิงเลี่ยเป็นอะไรที่ชัดเจน ถ้าหานเซิ่นยินดีจะสวามิภักดิ์และทำงานให้กับพวกเขา เขาก็จะถูกปล่อยให้มีชีวิตรอดต่อไป

 

หานเซิ่นกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นกลุ่มคลาวด์บีสต์สีฟ้าตรงเข้ามาทางพวกเขา

 

เหมิงเลี่ยขมวดคิ้ว ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าอย่างเขามักจะทำให้ซีโน่เจเนอิคระดับต่ำกว่าหวาดกลัวและไม่กล้าเข้ามาใกล้ แต่คลาวด์บีสต์พวกนี้เป็นแค่ระดับมาร์ควิสเท่านั้น แต่พวกมันก็ยังวิ่งตรงเข้ามาโดยไม่ลังเล ทั้งเขาและหานเซิ่นต่างก็คิดว่านี่เป็นเรื่องที่แปลก

 

เหมิงเลี่ยสะบัดมือและเหล่าคลาวด์บีสต์ที่วิ่งเข้ามาก็สลายหายไป หลังจากที่พลังระดับเทพเจ้าถูกพวกมัน มันก็ไม่มีแม้แต่กระดูกที่หลงเหลืออยู่

 

“หานเซิ่น เจ้าตัดสินใจได้หรือยัง?” เหมิงเลี่ยถามขณะที่มองมาที่หานเซิ่น

 

หานเซิ่นยังคงเงียบ แต่เหมิงเลี่ยไม่ได้เร่งหานเซิ่น เขาแค่ยืนรอคอยคำตอบอย่างอดทน

 

แต่ทว่าหานเซิ่นไม่ได้กำลังคิดเกี่ยวกับคำถามของเหมิงเลี่ย เขากำลังคิดเกี่ยวกับคลาวด์บีสต์ที่เพิ่งจะมุ่งหน้ามาทางพวกเขา

 

ด้วยการที่มียอดฝีมือระดับเทพเจ้าอยู่ที่นี่ โดยปกติแล้วพวกมันจะวิ่งหนีไปในทันทีที่สัมผัสได้ถึงตัวตนของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า การวิ่งเข้ามาหานั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

 

ใบหน้าของเหล่าคลาวด์บีสต์พวกนั้นเหมือนกับที่หานเซิ่นได้เห็นในทะเลเมฆสีน้ำนม แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในทะเลเมฆสีน้ำนมอีกแล้ว หานเซิ่นเชื่อว่ามันต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เหล่าคลาวด์บีสต์โกรธและต้องการจะเอาชีวิตเขา

 

ก่อนที่หานเซิ่นจะตอบคำถามของเหมิงเลี่ย คลาวด์บีสต์อีกกลุ่มก็ตรงเข้ามาหาพวกเขา ครั้งนี้คลาวด์บีสต์ที่มามีสายพันธุ์ที่แตกต่างกันออกไปและมันก็มีตัวที่เป็นระดับราชันปะปนอยู่ด้วย

 

หานเซิ่นอาจจะพอเชื่อว่าคลาวด์บีสต์ระดับต่ำนั้นโง่เกินกว่าที่จะสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่น่ากลัวของเหมิงเลี่ย แต่มันไม่มีทางที่คลาวด์บีสต์ระดับสูงจะโง่แบบนั้น พวกมันเป็นถึงระดับราชัน แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็นำคลาวด์บีสต์ตัวอื่นตรงเข้ามาหาหานเซิ่นและเหมิงเลี่ย นี่เป็นการกระทำที่แปลกมากๆ

 

ใบหน้าของเหมิงเลี่ยมืดมัวด้วยความโกรธ เขาสะบัดมือและปล่อยโซ่สสารสีทองออกไป มันฆ่าฝูงของคลาวด์บีสต์ที่เข้ามาในชั่วพริบตา

 

คลาวด์บีสต์ระดับราชันหลายตัวที่วิ่งนำหน้ามาถูกฆ่าตายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที มันไม่มีคลาวด์บีสต์ตัวไหนที่ต่อต้านพลังของเหมิงเลี่ยได้

 

“ข้าคือเหมิงเลี่ย! ถ้าเจ้ากล้าพอ เผยตัวออกมาต่อสู้กับข้า! การส่งคลาวด์บีสต์ที่น่าสมเพชพวกนี้มาไม่มีทางทำอะไรข้าได้!” เหมิงเลี่ยหันไปตะโกนขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

เหมิงเลี่ยเองก็รู้ว่าคลาวด์บีสต์พวกนี้ปฏิบัติตัวไม่ปกติ เขาคิดว่ามีใครบางคนใช้พลังบางอย่างส่งคลาวด์บีสต์พวกนี้มาทางพวกเขา

 

แต่หานเซิ่นรู้ว่าเหล่าคลาวด์บีสต์ทำตัวประหลาดตั้งแต่ก่อนที่เหมิงเลี่ยจะปรากฏตัวออกมาแล้ว ดังนั้นมันคงจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเอ็กซ์ตรีมคิงระดับครึ่งเทพคนนี้

 

‘แปลกจริงๆ ถ้าใครบางคนควบคุมคลาวด์บีสต์พวกนี้ คนๆนั้นก็ต้องทรงพลังมากๆ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมเขาถึงไม่ออกมาโจมตีตรงๆ?’
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘คลาวด์บีสต์พวกนี้ปฏิบัติตัวไม่เหมือนกับว่ามีบางสิ่งควบคุมพวกมันอยู่ แต่เหมือนกับว่าพวกมันเห็นบางสิ่งมากว่า’

 

ทันใดนั้นหานเซิ่นก็สะดุ้งเมื่อความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในจิตใจของเขา เขามองเข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตาของตัวเอง

 

หานเซิ่นเคยได้พบคลาวด์บีสต์หลายต่อหลายกลุ่มก่อนหน้านี้ แต่พวกมันไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนอย่างกลุ่มคลาวด์บีสต์ที่พุ่งเข้ามาเมื่อครู่ เหล่าคลาวด์บีสต์นั้นจะไม่พากันมาโจมตีเขาโดยไม่มีเหตุผล

 

เรื่องประหลาดนี้เกิดขึ้นหลังจากที่หานเซิ่นเอาจิ้งหรีดดำและต้นเศรษฐีเรือนนอกมา

 

ในตอนแรกหานเซิ่นคิดไปว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับซีโน่เจเนอิคในทะเลเมฆสีน้ำนม แต่หลังจากที่ออกมาจากทะเลเมฆสีน้ำนม มันก็เป็นอะไรที่แปลกที่เหตุการณ์แบบนั้นยังคงเกิดขึ้นอีก นั่นบ่งบอกว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ทะเลเมฆสีน้ำนม

 

หานเซิ่นมองเข้าไปที่ชั้นแรกของหอคอยแห่งโชคชะตาที่ที่เขาใส่ก้อนเมฆ จิ้งหรีดดำและต้นเศรษฐีเรือนนอกเข้าไป

 

ก้อนเมฆนั้นห่อหุ้มรอบๆต้นเศรษฐีเรือนนอก และจิ้งหรีดดำก็ได้หายตัวไปแล้ว มันคงจะหนีไปซ่อนตัวในก้อนเมฆ

 

‘ถ้าเหล่าคลาวด์บีสต์ถูกดึงดูดโดยของพวกนี้ แบบนั้นการนำพวกมันติดตัวไปด้วยก็อาจจะเป็นปัญหาใหญ่กว่าที่เราคิดเอาไว้’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง

 

แต่หานเซิ่นไม่รู้ว่าเหล่าคลาวด์บีสต์ถูกดึงดูดโดยต้นเศรษฐีเรือนนอกหรือจิ้งหรีดดำกันแน่ และตอนนี้เมื่อเหมิงเลี่ยยังอยู่ข้างๆเขา เขาก็ไม่สามารถนำพวกมันออกมาเพื่อเปรียบเทียบกันได้

 

“หานเซิ่น เจ้าตัดสินใจได้หรือยัง?” เหมิงเลี่ยถามหานเซิ่นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครบุกรุกข้ามาอีก

 

“ตกลง ข้าจะกลับไปกับท่าน แต่ท่านต้องสัญญาว่าข้าจะปลอดภัย” หานเซิ่นพูดหลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่

 

“อย่าได้กังวล ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าถูกฆ่าตาย ถ้าเจ้ากลับไปกับข้าและตั้งใจทำงานให้เอ็กซ์ตรีมคิง ข้าให้สัญญาว่าจะไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้” เหมิงเลี่ยพูดอย่างหนักแน่น

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset