Super God Gene – ตอนที่ 2492

ยิ่งการต่อสู้ดำเนินต่อไปนานเท่าไหร่ เหมิงเลี่ยก็สับสนมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าบางตัวจะไม่ฉลาดอะไรนัก แต่มันก็ยังรู้ว่าต้องถอยไปเมื่อเป็นฝ่ายที่กำลังเสียเปรียบ มันไม่ควรพยายามจะโจมตีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าอย่างไม่ลดละแบบนี้

 

แต่เจ้ากิเลนนั้นต้องการจะต่อสู้จนตัวตาย ซึ่งมันเป็นอะไรที่ยากจะรับมืออย่างน่าประหลาดใจ แต่สิ่งที่ทำให้เหมิงเลี่ยกังวลมากที่สุดคือความคิดที่ว่ามีใครบางคนบ่งการเรื่องทั้งหมดนี้อย่างลับๆ ถ้าบุคคลปริศนาคนนั้นสามารถควบคุมซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าได้ เหมิงเลี่ยก็ไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าคนๆนั้นจะแข็งแกร่งถึงขนาดไหน

 

“เราต้องรีบพาหานเซิ่นกลับไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงโดยเร็ว”
เหมิงเลี่ยทำการตัดสินใจ โซ่สสารระเบิดในแสงสว่างที่แสบตา มันเหมือนกับเทพสีทองกำลังฉีกผ่านอวกาศ

 

เนื่องจากระดับพลังมหาศาลปะทะกัน หานเซิ่นจึงไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ หลังจากผ่านไปสิบชั่วโมง หานเซิ่นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของบางสิ่ง หลังจากนั้นมันก็เงียบไป เขาหันไปเห็นร่างที่ไร้หัวของเจ้ากิเลนค่อยๆร่วงผ่านก้อนเมฆลงไป

 

หลังจากนั้นเหมิงเลี่ยก็เข้ามาหาเขา มือของชายคนนั้นถือหัวที่ขาดของกิเลนเอาไว้ แต่เหมิงเลี่ยเองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ร่างกายสีทองของเขามีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมากและบาดแผลหนึ่งนั้นลึกจนเห็นกระดูก เขาดูจะได้รับความเสียหายพอสมควร

 

หานเซิ่นรู้สึกว่ามันน่าเสียดายที่ไม่สามารถโจมตีปิดชีวิตของเจ้ากิเลนได้ แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับราชันได้เป็นจำนวนมาก เขาค่อยๆเติมเต็มยีนระดับราชันของตัวเองไปทีละนิดๆ

 

หานเซิ่นและเหมิงเลี่ยเริ่มเดินทางกันต่อ หานเซิ่นฆ่าคลาวด์บีสต์ไปเป็นจำนวนมาก แต่ไม่ว่าที่ไหนก็ตามที่พวกเขาไป มันก็มีคลาวด์บีสต์ที่บ้าคลั่งปรากฏตัวมาเพิ่มอีก ถึงแม้เหมิงเลี่ยจะฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็เริ่มจะเหนื่อยล้า

 

“ถ้าข้าได้รู้ว่าใครคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี่ล่ะก็ ข้าจะถลกหนังคนๆนั้นทั้งเป็น” เหมิงเลี่ยสาบแช่งอย่างไม่พอใจ

 

ในอดียเหล่าซีโน่เจเนอิคไม่เคยเข้ามาใกล้เหมิงเลี่ย เพราะพวกมันหวาดกลัวเขา แต่ในตอนนี้แม้แต่ซีโน่เจเนอิคระดับบารอนหรือไวเคานต์ก็ยังเข้ามาโจมตีเขา ถึงแม้เขาจะฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดาย แต่มันก็เป็นอะไรที่น่ารำคาญ

 

หลังจากที่ต่อสู้มาตลอดทางอย่างไม่หยุด ในที่สุดเหมิงเลี่ยก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาคว้าตัวหานเซิ่นและรีบหนีไปจากการไล่ตามของเหล่าซีโน่เจเนอิคด้วยความเร็วสูง เขารู้สึกเบื่อหน่ายจากการฆ่าฟันอย่างต่อเนื่อง เขาไม่ต้องการจะฆ่าฟันอีกต่อไปแล้ว

 

หลังจากที่เดินทางไปได้หนึ่งแสนไมล์ พวกเขาก็พบกับซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าอีกตัวหนึ่ง มันปรากฏตัวออกมาขวางทางเหมิงเลี่ยเอาไว้

 

หานเซิ่นเห็นนกสีรุ้งตัวใหญ่ที่ดูคล้ายคลึงกับนกยูง มันบินผ่านหมู่เมฆตรงเข้ามา และเพียงแค่พลังชีวิตของมันก็มากพอที่จะทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ตัวสั่นด้วยความกลัว

 

“ราชานกยูงเทียนเซีย! ใครกันที่ควบคุมราชานกยูงเทียนเซียได้?” เหมิงเลี่ยพึมพำกับตัวเอง ใบหน้าของเขาดูซีดไป

 

“นี่มันแข็งแกร่งอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม

 

“มันเป็นอันดับที่ 4 ใน 7 เทพของระบบเทียนเซีย ยูนิคอร์นเทียนเซียเป็นอันดับสุดท้าย แบบนั้นแล้วเจ้าคิดว่ามันจะไม่แข็งแกร่งอย่างนั้นหรอ?”
สีหน้าของเหมิงเลี่ยดูไม่สู้ดีนัก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะราชานกยูงเทียนเซียได้

 

หานเซิ่นมองไปที่ราชานกยูงเทียนเซียด้วยความแปลกใจ มันค่อยๆกางขนนกที่งดงามของมันออกเป็นครึ่งวงกลมด้านหลัง

 

ภาพที่เหมือนกับดวงตาจ้องออกมาจากหางของนกยูง สีทั้งหมดของสายรุ้งสว่างขึ้นภายในดวงตานั้น พวกมันกลายเป็นแสงแห่งเทพสีรุ้งที่อาบทั้งทะเลเมฆ

 

ในจังหวะที่แสงสีรุ้งถูกปลดปล่อยออกมา หานเซิ่นก็มองดูแสงนั้นพุ่งมาถูกร่างกายของเขา และเมื่อเป็นแบบนั้น ชุดเกราะ ผิวหนังและเส้นผมของเขาก็เริ่มจะดูเหมือนฝุ่นธุลี เขาอึ้งเกินกว่าจะเคลื่อนไหวได้

 

กายหยกของหานเซิ่นไม่สามารถป้องกันแสงแห่งเทพสายรุ้งของเจ้านกยูงได้ หานเซิ่นมองไปที่เหมิงเลี่ยและเห็นว่าเขาเองก็เริ่มละลายเป็นผุยผงเช่นเดียวกัน

 

เหมิงเลี่ยกัดฟันและร่างกายของเขาก็กลายเป็นสีทองอีกครั้ง เขายื่นมือมาจับตัวหานเซิ่นเพื่อทำให้ร่างกายของหานเซิ่นกลายเป็นสีทองเช่นเดียวกัน สีทองนั้นย้อมทั้งร่างกายของหานเซิ่น

 

เมื่อหานเซิ่นสังเกตดูดีๆ เขาก็เห็นว่าชั้นสีทองนั้นทำมาจากโซ่สสารที่สลับซับซ้อน แต่ชั้นป้องกันนั้นก็เริ่มจะสลายภายใต้แสงแห่งเทพสายรุ้งของเจ้านกยูง เห็นได้ชัดว่าร่างกายสีทองของเหมิงเลี่ยไม่สามารถทนต่อแสงแห่งเทพสายรุ้งของราชานกยูงเทียนเซียได้

 

“เจ้าต้องไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้” เหมิงเลี่ยโยนหานเซิ่นออกไป หลังจากนั้นเขาก็เริ่มวิ่งเข้าไปหาราชานกยูงเทียนเซีย

 

หานเซิ่นใช้แรงจาการโยนของเหมิงเลี่ยเพื่อหนีจากแสงแห่งเทพสายรุ้ง ขณะเดียวเจ้าราชานกยูงเทียนเซียก็กำลังยุ่งอยู่กับการรับมือกับเหมิงเลี่ย ทำให้มันไม่สามารถไล่ตามเขามาได้

 

‘เวรล่ะ! แม้แต่ซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัวแบบนี้ก็ยังถูกดึงดูดเข้ามา เราคงจะเก็บของพวกนี้เอาไว้ไม่ได้แล้ว’ หานเซิ่นคิด เขานำก้อนเมฆออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตาและโยนมันทิ้งไป หลังจากนั้นเขาก็เริ่มบินหนีไป

 

สิ่งนั้นดึงดูดราชานกยูงเทียนเซียมาได้ ถ้าเกิดหานเซิ่นยังคงพกมันติดตัวต่อไป มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่มันจะดึงดูดเทพของเทียนเซียที่เหลือ

 

แค่ยูนิคอร์นเทียนเซียที่เป็นอันดับสุดท้ายก็ยังแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แบบนั้นแล้วราชานกยูงเทียนเซียก็คงจะต้องน่ากลัวยิ่งกว่านั้นอีก แม้แต่เหมิงเลี่ยก็ไม่กล้าประมาณศัตรูแบบนั้น ถ้าเกิดมันยังมีศัตรูที่แข็งแกร่งกว่านั้นปรากฏตัวออกมาอีก พวกเขาก็คงจะถูกฆ่าตายในเวลาอันสั้น

 

หลังจากที่หานเซิ่นทิ้งก้อนเมฆนั้นไป เขาก็บินไปในทิศทางตรงกันข้ามเพื่อหนีไปจากเหมิงเลี่ย

 

หลังจากบินไปได้สักพัก หานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่ามีบางสิ่งกำลังตามเขามาจากด้านหลัง เมื่อหันไปมอง เขาก็เห็นว่าก้อนเมฆนั้นกำลังไล่ตามเขามา

 

“โอ้ไม่นะ! ทำไมมันถึงได้ไล่ตามเรามา?” ดวงตาของหานเซิ่นแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า เจ้าสิ่งนั้นไม่ยอมอยู่ในที่ที่เขาทิ้งมันเอาไว้

 

ก้อนเมฆนั้นไม่ได้ตอบหานเซิ่น มันบินเข้ามาหาเขาและลอยตัวอยู่ใกล้ๆ แต่ดูเหมือนว่ามันไม่ได้ต้องการจะทำร้ายอะไรเขา

 

หานเซิ่นคิดว่าควรจะออกห่างจากเมฆประหลาดนี้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเร่งความเร็วขึ้นและใช้ฟินิกซ์เทคนิคขณะที่บินหนีไป

 

ถึงแม้เมฆสีน้ำนมจะดูเชื่องช้ามาก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างมันกลับไล่ตามหานเซิ่นได้ทัน ไม่ว่าหานเซิ่นจะเปลี่ยนทิศทางสักกี่ครั้ง เขาก็ไม่สามารถหนีมันได้

 

หานเซิ่นลองชกใส่มันเพื่อจะส่งมันกระเด็นออกไป แต่นั่นก็ไม่ได้ผลเช่นกัน ไม่ว่าเขาจะออกแรงมากเท่าไหร่ ก้อนเมฆสีน้ำนมก็จะกลายเป็นอะไรที่เหนียวแน่นและทนต่อแรงกระแทกได้ทุกอย่าง

 

หลังจากนั้นหานเซิ่นก็เห็นกลุ่มคลาวด์บีสต์อีกกลุ่มปรากฏตัวออกมา พวกมันถูกดึงดูดเข้ามาโดยก้อนเมฆที่ติดตามหานเซิ่นอยู่

 

โชคดีที่คลาวด์บีสต์พวกนั้นมีระดับค่อนข้างต่ำ พวกมันเป็นแค่ระดับไวเคานต์และเอิร์ล ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงสามารถกำจัดพวกมันได้อย่างง่ายดาย

 

“ถ้าเจ้าพาซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้ามาหาข้าอีก ข้าก็คงจะถูกฆ่าตาย”
หานเซิ่นไม่สามารถทำอะไรเพื่อกำจัดก้อนเมฆนี้ได้ เขารู้สึกอยากจะร้องไห้

 

แต่หลังจากนั้นหานเซิ่นก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รัศมีการดึงดูดของก้อนเมฆนี้มีจำกัด ถ้าเขาไม่ไปไหน มันก็จะไม่มีคลาวด์บีสต์ที่น่ากลัวถูกดึงดูดเข้ามาหาเขา

 

เมื่อคิดได้แบบนั้น หานเซิ่นก็หยุดหนี เขาหยุดอยู่กับที่และจ้องมองไปที่ก้อนเมฆสีน้ำนม เขาพูดกับมัน “ข้าขอเตือนเจ้า อย่าได้ตามข้ามาอีก ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเจ้า”

 

หานเซิ่นพยายามจะขู่จิ้งหรีดดำและต้นเศรษฐีเรือนนอก เพราะมันเห็นได้ชัดว่าหนึ่งในพวกมันคือสิ่งที่ก่อให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้

 

“คิดจริงๆหรือว่าข้าฆ่าเจ้าไม่ได้?” หานเซิ่นพูดด้วยความโกรธ เมื่อเห็นว่าก้อนเมฆไม่มีการตอบสนองอะไร เขาก็เดินตรงเข้าไปหาก้อนเมฆ

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset