Super God Gene – ตอนที่ 2493

หานเซิ่นเข้าไปหาก้อนเมฆ แต่มันรีบถอยออกไปเพื่อไม่ให้หานเซิ่นสัมผัสมันได้

 

หานเซิ่นรู้สึกโกรธ เขาเร่งความเร็วขึ้นและไล่ตามหลังก้อนเมฆไป แต่ก้อนเมฆก็ยังคงถอยห่างออกจากเขา และเมื่อไหร่ก็ตามที่หานเซิ่นหันหลังกลับและพยายามจะหนีไปจากก้อนเมฆ มันก็จะไล่ตามเขามา หลังจากที่ทำแบบนั้นกลับไปกลับมาอยู่สักพัก หานเซิ่นก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก

 

“ข้าผิดเองที่พยายามจะเอาเจ้าไป ข้าขอโทษ เจ้าเลิกตามข้าจะได้ไหม?” หานเซิ่นพูดขอร้องด้วยน้ำตา

 

โชคร้ายสำหรับหานเซิ่น จิ้งหรีดที่อยู่ภายในก้อนเมฆนั้นไม่เข้าใจภาษาสามัญของจักรวาลจีโน เมื่อหานเซิ่นเดินจากไป มันก็เคลื่อนที่ตามเขาอีกครั้ง

 

ตอนนี้หานเซิ่นตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาหนีไปไม่ได้และเขาก็อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้เช่นกัน

 

“เจ้าคิดจริงๆหรือว่าจะรังแกข้าได้ง่ายๆแบบนี้?” หานเซิ่นพูดด้วยความโกรธ แทนที่จะไปทางใครทางมัน ก้อนเมฆนั้นกลับตามหลังเขาเหมือนกับสตอล์กเกอร์

 

หานเซิ่นตัดสินใจเรียกมนตราออกมาในร่างปืนคู่ เขายิงออกไปอย่างต่อเนื่องและกระสุนแต่ละลูกก็พุ่งไปหาก้อนเมฆด้วยความเร็วสูง

 

ก้อนเมฆนั้นไม่ได้หลบ และกระสุนทุกลูกก็พุ่งมาถูกผิวของมัน แต่ทว่ากระสุนแต่ละลูกนั้นกระเด้งออกไปในทันที

 

หานเซิ่นคิดอยู่แล้วว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ ความจริงแล้วเขาไม่ได้พยายามที่จะทำลายก้อนเมฆ

 

“เจ้าน่ะอ่อนแอเกินกว่าที่จะมาต่อสู้กับพี่ใหญ่หาน” หานเซิ่นหัวเราะออกมา เขาใช้ปืนพกยิงไปใส่ก้อนเมฆอีกครั้ง

 

กระสุนหลายลูกพุ่งไปถูกก้อนเมฆ แต่ในครั้งนี้ก้อนเมฆดูเหมือนจะสูญเสียความเด้งดึ๋งของมันไป

 

การโจมตีครั้งก่อนของหานเซิ่นนั้นแฝงไปด้วยพลังแช่แข็งของมนตรา เขาทำให้ผิวของก้อนเมฆแข็งตัวเพื่อลดความยืดหยุ่นของมัน

 

แต่ถึงตอนนี้ผิวของก้อนเมฆจะกลายเป็นอะไรที่แข็ง กระสุนก็ยังไม่สามารถเจาะทะลุพวกมันได้อยู่ดี แต่ในจุดที่กระสุนยิงไปถูกนั้นตอนนี้มีสัญลักษณ์เต่าปรากฏขึ้นมา มันคือวิชาเต่าของหานเซิ่น

 

หลังจากที่หานเซิ่นยิงซ้ำต่อไปอีกสักพัก ก้อนเมฆที่แข็งตัวก็เต็มไปด้วยสัญลักษณ์เต่าที่เรืองแสงออกมา เมื่อทำอย่างนั้นเสร็จแล้ว เขาก็ใช้พลังของกายหยกเพื่อเปลี่ยนก้อนเมฆให้กลายเป็นก้อนน้ำแข็ง

 

หานเซิ่นหันกลับและบินจากไป ขณะที่เขาบินไป เขาก็หันมามองก้อนเมฆที่แช่แข็งเป็นระยะๆ ก้อนเมฆเริ่มจะเคลื่อนไหวถึงแม้มันจะถูกแช่แข็งอยู่ แต่หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าตอนนี้มันเชื่องช้าเหมือนกับหอยทาก

 

หานเซิ่นดีใจกับเรื่องนี้ เขารีบบินออกไปจากที่นั่นโดยไม่หันกลับมามองอีก

 

“ในที่สุดข้าก็กำจัดมันไปได้” หานเซิ่นเปลี่ยนเส้นทางหลายครั้ง และเมื่อเขาแน่ใจว่าหนีจากมันมาพ้นแล้ว เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ

 

หานเซิ่นกำลังจะบินหนีต่อไป แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวตรงหน้า ดูเหมือนว่ามันจะมีสิ่งมีชีวิตทำการต่อสู้กันอยู่ข้างหน้าเขา

 

การต่อสู้นั้นดูเหมือนจะเกิดขึ้นไกลออกไปพอสมควร และคลื่นกระแทกจากการต่อสู้ก็แทบจะไม่ส่งผลกระทบต่อก้อนเมฆรอบๆตัวเขา หานเซิ่นลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจจะบินไปดู เมื่อบินไปได้ไม่นาน เขาก็สามารถวิเคราะห์คลื่นกระแทกได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

 

“พลังเสียงนี่มันดูคุ้นๆ นี่มันพลังเสียงของเป่าฉิน! อีกฝ่ายกำลังใช้พลังธาตุไฟอยู่ เดี๋ยวก่อนนะ นั่นมันพลังของนกแดงน้อยไม่ใช่หรอ?”
หานเซิ่นทั้งประหลาดใจและดีใจ เขารีบมุ่งหน้าไปทางที่มีการต่อสู้

 

ยิ่งเขาเข้าไปใกล้สนามต่อสู้มากเท่าไหร่ คลื่นกระแทกก็รุนแรงขึ้นเท่านั้น ก่อนที่หานเซิ่นจะได้เห็นนกแดงน้อยหรือเป่าฉิน เขาก็ได้เห็นวาฬขาวตัวใหญ่ในหมู่เมฆ มันกำลังไล่ล่าอัศวินระดับราชัน 2 คนของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง

 

หานเซิ่นดีใจอย่างมาก เขารีบตรงเข้าไปหาวาฬขาวและอัศวินเอ็กซ์ตรีมคิงระดับราชันทั้ง 2

 

อัศวินเอ็กซ์ตรีมคิงระดับราชันทั้ง 2 กำลังหนีด้วยความหวาดกลัว เมื่อพวกเขาเห็นหานเซิ่นมาปรากฎตัวตรงหน้า พวกเขาก็อึ้งไป การหยุดชะงักไปเพียงช่วงสั้นๆมากพอที่วาฬขาวจะอ้าปากและดูดพวกเขาเข้าไปข้างในเหมือนกับหลุมดำ

 

“พ่อ!” หลังจากที่หานเซิ่นเข้าไปในวาฬขาว เป่าเอ๋อก็กระโดดเข้ามาหาเขา เธอพูดอย่างตื่นเต้น “พ่อ! หนูจับผู้คนได้เพียบเลย”

 

หานเซิ่นมองไปทางที่เป่าเอ๋อชี้และเห็นว่ากรงของวาฬขาวนั้นกำลังขังอัศวินเอ็กซ์ตรีมคิงระดับราชันและครึ่งเทพหลายสิบคน

 

“ทำได้ดีมาก” หานเซิ่นมองไปที่คนอื่นบนยานและเห็นว่าฟางชิงอวี่กับเหล่าโจรสลัดนั้นปลอดภัยดี มีเพียงแค่หนิงเยวี่ยคนเดียวเท่านั้นที่ดูยุ่งเหยิง เธอนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของยานด้วยเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อน เธอดูกำลังหวาดกลัว

 

เมื่อเป่าเอ๋ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับหนิงเยวี่ย หานเซิ่นก็อึ้งไปชั่วครู่

 

‘ดาบเขียวน้อยนั่นฆ่าครึ่งเทพคนหนึ่งได้? ดูเหมือนว่ามันจะมีอะไรมากกว่าที่ตาเห็น มันเป็นสิ่งที่ถูกขุดขึ้นมาจากเมืองดูก็อต นั่นหมายความว่ามันเป็นอาวุธที่ถูกทิ้งเอาไว้จากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นที่นั่นอย่างนั้นหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นจริง อาวุธนี้ก็คงจะทำให้หนิงเยวี่ยร่ำรวยมากๆ’ หานเซิ่นคิด

 

เป่าเอ๋อยังบอกหานเซิ่นอีกว่าถึงแม้ลักษณะนิสัยของหนิงเยวี่ยจะถูกครอบงำโดยดาบเขียวน้อย แต่มันก็ไม่ได้หายไป ในบางกรณีตัวจริงของเขาจะเฉิดฉายออกมา

 

แต่ดาบเขียวน้อยนั้นทรงพลังเกินไป จิตใจของหนิงเยวี่ยจะตื่นขึ้นมาเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่บีบบังคับ การจะหนีจากการครอบงำของดาบเขียวน้อยนั้นดูจะเป็นเรื่องยาก

 

“นกแดงน้อยจะเป็นอะไรไหมนะ?” หานเซิ่นพึมพำกับตัวเองและมองไปที่ท้องฟ้าอย่างเป็นกังวล

 

จากที่เป่าเอ๋อบอก นกแดงน้อยและเป่าฉินต่อสู้กันมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว แต่มันก็ยังไม่มีฝ่ายไหนเป็นผู้ชนะ

 

เป่าเอ๋อเบะปากและพูด “พ่ออย่าได้กังวล นกแดงน้อยจะไม่เป็นอะไร ถ้ามันไม่ได้ยังเล็กอยู่ มันก็คงจะจัดการหมอนั่นได้นานแล้ว”

 

หานเซิ่นพยักหน้า เขาต้องการจะพูดอะไรอย่างอื่นอีก แต่ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

 

เขามองออกไปนอกวาฬขาวและเห็นก้อนเมฆสีน้ำนมกำลังตรงเข้ามาทางพวกเขา

 

“โอ้ไม่นะ! มันไล่ตามเรามาได้ยังไง?” หานเซิ่นเห็นว่าน้ำแข็งและสัญลักษณ์เต่าบนก้อนเมฆนั้นหายไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าจะกำจัดเจ้าสิ่งนี้ไปได้ยังไง

 

“เป่าเอ๋อเรียกนกแดงน้อยกลับมา พวกเราต้องไปเดี๋ยวนี้” หานเซิ่นพูด

 

ถ้าก้อนเมฆก้อนนั้นมาอยู่ที่นี่ แบบนั้นแล้วคลาวด์บีสต์จำนวนมากก็อาจจะกำลังมุ่งหน้ามาเช่นกัน ถ้ามันดึงดูดซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้ามาล่ะก็ พวกเขาจะเจอกับปัญหาใหญ่

 

เป่าเอ๋อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ทำตามที่หานเซิ่นบอก เธอใช้วาฬขาวยิงแสงคริสตัลออกไปที่สนามต่อสู้

 

ไม่นานหลังจากนั้นหานเซิ่นก็เห็นฟินิกซ์เพลิงถอยกลับมา เมื่อมันมาถึงที่วาฬขาว มันก็เปลี่ยนร่างกลับเป็นนกแดงน้อยอีกครั้ง

 

“นี่คิดจะหนีไปไหน?” เป่าฉินไล่ตามนกแดงน้อยมา ร่างกายของเขาดำเหมือนกับถ่านและมีเลือดไหลออกมาเต็มไปหมด พิณของเขาถูกเผาและสายบางสายก็ขาดไป ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เป็นฝ่ายที่ได้เปรียบในการต่อสู้กับนกแดงน้อย

 

หานเซิ่นบอกให้เป่าเอ๋อรีบขับวาฬขาวหนีไปจากที่นี่ เป่าฉินทำการต่อสู้เป็นเวลายาวนาน ดังนั้นเขาจะต้องสูญเสียพลังงานไปเป็นจำนวนมาก

 

วาฬขาวเคลื่อนที่ออกไปด้วยความเร็วสูง และเมฆสีน้ำนมก็เคลื่อนที่ตามพวกเขามาติดๆ เป่าฉินเองก็ไล่ตามมาเช่นกับ พวกเขาเดินทางผ่านหมู่เมฆไปอย่างรวดเร็ว

 

ปัง!

 

แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นก็เห็นแสงสีรุ้ง มันเข้าปกคลุมทะเลเมฆรอบๆในชั่วพริบตา

 

“ราชานกยูงเทียนเซีย…” หานเซิ่นเห็นนกที่สง่างามปรากฏตัวออกจากหมู่เมฆ

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset