Super God Gene – ตอนที่ 2507

“ข้าไม่รู้… ข้าแค่เคยได้ยินเกี่ยวกับมันเท่านั้น ถ้านี่เป็นโล่เมดูซ่าส์เกซจริงๆ แบบนั้นดวงตาของนางก็ควรจะเปิดขึ้นได้ ตำนานบอกว่าถ้านางลืมตาขึ้นมา แม้แต่เทพเจ้าก็จะร้องไห้ แต่มันผ่านมานานมากแล้ว… ผู้คนส่วนใหญ่แค่เคยได้ยินตำนานที่เล่าต่อกันมาเท่านั้น ในตอนนนี้พวกคนที่เคยได้เห็นโล่เมดูซ่าส์เกซคงจะตายกันไปหมดแล้ว มีเพียงแค่สิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะเท่านั้นที่จะยืนยันได้ว่าสิ่งนี้เป็นของแท้หรือไม่ แม้แต่ในสหพันธ์1000สมบัติ ข้าก็กลัวว่ามีแค่ผู้อาวุโสไม่กี่คนเท่านั้นที่อาจจะยืนยันได้ว่ามันคือของแท้หรือเปล่า” ฟางชิงอวี่พูด

 

หานเซิ่นขมวดคิ้ว ถ้านี่เป็นโล่เมดูซ่าส์เกซจริงๆ แบบนั้นทางเอ็กซ์ตรีมคิงก็ต้องเห็นเขาเอามันไปอย่างแน่นอน

 

“เป่าเอ๋อ หนูมาขับวาฬขาว” หานเซิ่นให้เป่าเอ๋อมาขับวาฬขาวต่อและนำโล่เข้าไปในห้องของเขา เขาต้องการจะหาว่าโล่นี้มีประโยชน์หรือเปล่า

 

มันไม่สำคัญว่านี่จะใช่โล่เมดูซ่าเกซหรือไม่ ถ้าเขาไม่สามารถใช้มันได้ มันก็เป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์

 

หานเซิ่นจับด้ามของโล่และใส่พลังของตัวเองเข้าไปข้างใน หรืออย่างน้อยๆเขาก็พยายามจะทำแบบนั้น แต่ว่าพลังนั้นถูกเด้งกลับมา เขาไม่สามารถใส่พลังของกายหยกเข้าไปในโล่ได้

 

หานเซิ่นขมวดคิ้ว ถัดไปเขาลองใช้พลังของศาสตร์ตงเสวียน เขาพยายามใส่พลังนั่นเข้าไปในโล่ ครั้งนี้พลังของเขาไม่ได้ถูกสะท้อนกลับออกมา หลังจากที่พลังของศาสตร์ตงเสวียนเข้าไปในโล่แล้ว ภาพสลักของผู้หญิงรูปงามบนโล่ก็เริ่มเรืองแสงสีม่วงออกกมา แสงสว่างเริ่มเฉิดฉายขึ้นในดวงตาของเธอและมันดูเหมือนกับว่าพวกมันกำลังจะเปิดขึ้น

 

แต่ทันใดนั้นดวงตาของหานเซิ่นก็เบิกกว้าง โล่นั้นเป็นเหมือนกับหลุมที่ไร้ก้นบึ้ง และมันกลืนกินพลังของเขาเข้าไปอย่างหิวกระหาย ในเวลาไม่กี่วินาทีใบหน้าของเขาก็ซีดเผือก พลังชีวิตของเขาอ่อนลงไป แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาของผู้หญิงบนโล่ก็ยังคงปิดอยู่ มันยังคงมีแสงสีม่วงอยู่รอบใบหน้าของเธอ แต่มันดูไม่เหมือนว่าดวงตาของเธอจะเปิดขึ้นมา

 

หานเซิ่นรีบวางโล่ลงไป ถ้าเขายังพยายามใส่พลังเข้าไปอีก เขาก็จะกลายเป็นเหมือนกับเปลือกไม้ที่แห้งเหือด

 

หลังจากที่หานเซิ่นวางโล่ลง แสงบนโล่ก็หายไป มันกลับไปอยู่ในสภาพที่ดูเก่าแก่และสะบักสะบอมอีกครั้ง

 

“ถึงแม้นี่จะไม่ใช่โล่เมดูซ่าส์เกซ แต่มันก็ยังคงเป็นสมบัติที่สุดยอดอยู่ดี แม้แต่พลังของเราในตอนนี้ก็ยังเปิดใช้งานมันไม่ได้” หานเซิ่นค่อนข้างพึงพอใจกับการค้นพบของเขา เขาเชื่อว่าโล่นี่จะต้องเป็นโล่เมดูซ่าส์เกซ

 

แต่หานเซิ่นยังคงหงุดหงิดเล็กน้อยที่ไม่สามารถใช้งานมันได้ เขายังอ่อนแอเกินไป และเขารู้ว่าถ้าจะลองอีกครั้งมันก็ต้องเป็นตอนที่เขาสวมใส่เสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูง

 

แต่หานเซิ่นยังไม่ต้องการจะลองใช้มันในตอนนี้ โล่เมดูซ่าส์เกซในตำนานเป็นอะไรที่น่ากลัวเกินไป หานเซิ่นรู้ว่าตัวเองคงจะไม่สามารถควบคุมพลังของมันได้อย่างสมบูรณ์ เขากลัวว่าถ้าปลุกพลังของโล่ให้ตื่นขึ้น พลังของมันก็จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ

 

หานเซิ่นตัดสินใจนำโล่เมดูซ่าส์เกซเข้าไปเก็บเอาไว้ในหอคอยแห่งโชคชะตา โล่เมดูซ่าส์เกซนั้นหนักมากๆ แต่เขาสามารถใส่มันเข้าไปในหอคอยได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร นั่นช่วยเขาได้มาก

 

ฟางชิงอวี่ยังคงสงสัยว่านั่นเป็นโล่เมดูซ่าส์เกซของจริงหรือเปล่า แต่หานเซิ่นไม่ได้กังวลอะไรกับเรื่องนั้น ที่เขาสนใจก็คือความจริงที่มันเป็นสมบัติที่ทรงพลังตราบใดที่เขาใช้มันได้

 

วาฬขาวยังคงอยู่ระหว่างการซ่อมแซมตัวเอง ดังนั้นมันไม่สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเต็มกำลัง และทำให้หน่วยอัศวินไอซ์บลูยังคงตามติดวาฬขาวมาได้

 

ราชาอัศวินไอซ์บลูอยู่บนยานอวกาศที่กำลังตามพวกเขามา เขาจ้องมองไปที่วาฬขาวอย่างไม่ละสายตาอยู่ทุกๆวัน

 

มันไม่มีคำไหนที่จะมาอธิบายถึงความขัดแย้งในหัวใจของราชาอัศวินไอซ์บลูตอนนี้

 

หานเซิ่นฆ่าองค์ชายคนหนึ่งและจับตัวบุตรชายคนโปรดของราชาไป๋ไป ซึ่งเรื่องทั้งหมดนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับราชาอัศวินไอซ์บลูเป็นการส่วนตัว แต่จู่ๆหานเซิ่นก็ขุดโล่เมดูซ่าส์เกซขึ้นมาได้จากสถานที่ที่เป็นเขตของหน่วยอัศวินไอซ์บลู ราชาอัศวินไอซ์บลูไม่แน่ใจว่าควรจะมีปฏิกิริยายังไงกับเรื่องทั้งหมดนี้

 

‘โล่เมดูซ่าส์เกซ… โล่เมดูซ่าส์เกซถูกซ่อนอยู่ใต้จมูกของเรามาตลอดหลายปี และเรา…’ ทุกครั้งที่ราชาอัศวินไอซ์บลูคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บปวด

 

“กัปตัน! มีบางสิ่งเกิดขึ้นจากภายในวาฬขาว” อัศวินคนหนึ่งตะโกนด้วยเสียงดัง

 

ราชาอัศวินไอซ์บลูมองไปที่วาฬขาวผ่านทางภาพวิดีโอ เขาเห็นว่าวาฬขาวดูแตกต่างไปจากเดิม มันไม่ได้ดูสะบักสะบอมอีกต่อไป ตอนนี้ผิวของมันดูมันเงาและเรียบเนียนเหมือนกับสิ่งมีชีวิต

 

ในตอนนี้วาฬขาวกำลังเรืองแสงสีขนาดประหลาด เขาสามารถเห็นว่ามันมีคลื่นบางอย่างอยู่รอบๆตัววาฬขาว

 

ก่อนที่ราชาอัศวินไอซ์บลูจะตอบสนองอะไรได้ วาฬขาวก็สะบัดหางของมันและว่ายออกไปด้วยความเร็วสูงอย่างน่าตกใจ มันหายไปในชั่วพริบตาและทิ้งไว้เพียงแค่คลื่นกระแทกของมัน

 

เหล่าอัศวินไอซ์บลูได้แต่จ้องมองไปข้างหน้าด้วยความตกใจ และก่อนที่พวกเขาจะรู้สึกตัวอีกที วาฬขาวก็ได้หายไปแล้ว

 

“กัปตัน! พวกเราจะทำยังไงกันดี? พวกเราควรจะไล่ตามไปต่อไหม?” อัศวินคนหนึ่งถามขึ้นมา

 

“ไล่ตามไป!” ราชาอัศวินไอซ์บลูพูดพร้อมกับกัดฟัน

 

“แต่พวกเราจะไล่ตามมันไปได้ยังไง?” อัศวินคนนั้นถาม

 

“ไปข้างหน้า!” ราชาอัศวินไอซ์บลูสั่งอย่างหดหู่

 

วาฬขาวซ่อมแซมตัวเองจนเกือบจะเสร็จแล้ว ดังนั้นตอนนี้มันสามารถเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วเต็มกำลัง มันยังคงมีบางส่วนที่จำเป็นต้องซ่อมแซม แต่หานเซิ่นไม่สามารถรอคอยอีกต่อไปได้

 

หานเซิ่นไม่รู้ว่าคนอย่างเหมิงเลี่ยจะไล่ตามเขามาทันเมื่อไหร่ ดังนั้นยิ่งพวกเขาหนีไปได้ไกลเท่าไหร่ พวกเขาก็จะปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น

 

เมื่อพวกเขาเดินทางเข้าไปถึงส่วนลึกของระบบจักรวาลเคออส แม้แต่ยอดฝีมือของเอ็กซ์ตรีมคิงก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แม้แต่คนอย่างเหมิงเลี่ยก็ยากจะจับตัวหานเซิ่นภายในนั้น

 

ในระบบจักรวาลเคออส ซีโน่เจเนอิคมักจะเดินทางกันเป็นกลุ่มใหญ่ โชคดีที่หานเซิ่นมีวาฬขาวอยู่ ซีโน่เจเนอิคทั่วๆไปจะไม่สามารถทะลวงผิวของวาฬขาวเข้ามาได้ และด้วยความเร็วของวาฬขาว มันก็เป็นเรื่องง่ายที่หานเซิ่นจะเล็ดลอดผ่านฝูงซีโน่เจเนอิคไป

 

ในตอนที่พวกเขาเจอกับซีโน่เจเนอิคที่ไม่แข็งแกร่งจนเกินไป หานเซิ่นก็ชะลอลงเพื่อล่าซีโน่เจเนอิค

 

เหล่าโจรสลัดเองก็สามารถฆ่าซีโน่เจเนอิคได้เป็นจำนวนมาก และพวกเขาก็ดีใจเกี่ยวกับเรื่องนั้น ด้วยการที่มีวาฬขาวคอยสนับสนุน พวกเขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกล้อม พวกเขาสามารถทำการฆ่าซีโน่เจเนอิคได้อย่างสบายใจ

 

หานเซิ่นไม่ต้องการจะล่าซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสและดยุกอีกต่อไป ดังนั้นถ้าเหล่าโจรสลัดฆ่าพวกมันได้ พวกเขาก็สามารถเก็บพวกมันเอาไว้ได้ หานเซิ่นต้องการเพียงแค่ซีโน่เจเนอิคระดับราชันเท่านั้น

 

ถ้าพวกเขาเผชิญหน้ากับซีโน่เจเนอิคฝูงใหญ่อย่างกุ้งกาแลกติกที่มีกันเป็นพันล้านตัว หานเซิ่นก็จำเป็นต้องหนี การเผชิญหน้ากับซีโน่เจเนอิคกลุ่มใหญ่ขนาดนั้นเป็นอะไรที่อันตรายมากๆ

 

“แมงมุมหลุมดำ!” วาฬขาวเคลื่อนที่ไปในระบบๆหนึ่งและแมงมุมขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นมาในสายตา ใยแมงมุมของมันกว้างขวางจนปกคลุมทั้งระบบ

 

หานเซิ่นชะลอความเร็วของวาฬขาวลงเพื่อไม่ไปรบกวนแมงมุมหลุมดำ สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวนั้นเป็นสิ่งที่แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าธรรมดาก็ไม่กล้าจะรบกวน

 

ขณะที่วาฬขาวกำลังจะออกจากระบบที่ถูกยึดครองโดยแมงมุมหลุมดำ ทันใดนั้นหานเซิ่นก็เห็นเท้าของเจ้าแมงมุมเคลื่อนไหว หัวของมันหันมาทางวาฬขาวและลูกตาที่เหมือนกับหลุมดำก็มองมาที่พวกเขา

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset