Super God Gene – ตอนที่ 2550

ขณะที่หานเซิ่นยังคงกระเด็นออกไป คนในชุดเกราะก็เข้ามารัดรอบหัวของเขาเอาไว้แน่น ลมปราณสีม่วงลอยออกมาจากมือของเขาและรัดตัวของหานเซิ่นไม่ให้เคลื่อนไหวได้อีก

 

เมื่อจันทราสวรรค์และกู่ชิงเฉิงเห็นคนในชุดเกราะจับตัวหานเซิ่นเอาไว้ กู่ชิงเฉิงก็ยกมือขึ้นและดาบเก่านับพันก็ปรากฏรอบๆตัวเธอ พวกมันพุ่งออกไปเพื่อจู่โจมคนในชุดเกราะ

 

ดาบแสงตกลงมาราวกับสายฝน แม้แต่ดาวดวงหนึ่งก็จะเต็มไปด้วยรูพรุนหลังจากรับพายุดาบเหล่านั้น

 

แต่คนในชุดเกราะสามารถจับตัวหานเซิ่นเอาไว้ในมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างชกผ่านสายธารดาบที่เข้ามา หมัดนั้นพุ่งมาจนถึงตัวกู่ชิงเฉิง แต่มันถูกหยุดเอาไว้โดยดาบแสงที่ก่อตัวขึ้นมาจากร่มของจันทราสวรรค์

 

ปัง!

หมัดนั้นทำลายดาบแสงที่ร่มของเธอสร้างขึ้นมา หลังจากนั้นคนในชุดเกราะก็รวบรวมพลังในหมัดอีกคครั้งเพื่อเตรียมจะโจมตีใส่กู่ชิงเฉิงอีกหนหนึ่ง

 

“หยุดเดี๋ยวนี้! เจ้ากล้าดียังไงเสียมารยาทกับพวกนางทั้ง 2 ถอยออกมาเดี๋ยวนี้!”
จี๋หยางเซิงตะโกน เขาขี่หมาป่าปีศาจเข้ามาถึงทันเวลา เมื่อได้ยินคำพูดของจี๋หยางเซิง คนในชุดเกราะก็ลดหมัดลงและถอยออกไป

 

“ขออภัยด้วยที่ข้ามาช้า และทำให้พวกเจ้าทั้ง 2 ต้องตกใจกลัว” จี๋หยางเซิงยิ้มให้กับกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์

 

“มันเป็นเจ้าเองสินะที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี่” จันทราสวรรค์พูดและจ้องมองไปที่จี๋หยางเซิงด้วยสายตาที่เย็นชา

 

“แน่นอนว่าไม่ ข้าแค่ทำในสิ่งที่เป็นสิทธิอย่างถูกต้องเท่านั้นเอง”
จี๋หยางเซิงหันไปมองคนในชุดเกราะที่จับตัวหานเซิ่นเอาไว้ เขายิ้มและพูด “อาจารย์หาน พวกเราพบกันอีกแล้ว ตอนนี้อาจารย์หานมีเวลาที่จะพูดคุยกับข้าแล้วใช่ไหม?”

 

“จี๋หยางเซิง ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะคาดเดาลักษณะนิสัยของข้าได้ถูกต้อง”
หานเซิ่นถูกจับล็อคเอาไว้แน่นโดยคนในชุดเกราะ ควันสีม่วงปกคลุมตัวของเขาทำให้เขาไม่สามารถขยับแม้แต่นิ้วมือได้ แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าของเขาก็ยังคงสงบนิ่ง

 

“นั่นหมายความว่ายังไง?” จี๋หยางเซิงมองไปที่หานเซิ่นด้วยความสนใจ เขาดูเหมือนกับแมวที่กำลังเล่นกับหนู

 

“องค์ชาย เพื่อความปลอดภัยพวกเราควรจะพาหานเซิ่นกลับไปที่ฐานของพวกเรา” เดม่อนระดับราชันพูดขึ้นมา

 

หานเซิ่นหัวเราะและพูด “เขาพูดถูก ข้าเป็นคนอารมณ์ร้าย เจ้าควรจะรีบลงมือ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะไม่มีโอกาส”

 

จี๋หยางเซิงเมินเฉยต่อคำพูดของเดม่อนระดับราชันคนนั้น
“โอ้ หานเซิ่น เจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่ง ถึงจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เจ้าก็ยังคงใจเย็นอยู่ได้ แต่ตอนนี้เจ้ากำลังตกอยู่ภายใต้มารนภาล็อค ถึงจะเป็นยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ทำลายมารนภาล็อคไม่ได้”

 

หลังจากนั้นจี๋หยางเซิงก็ไม่สนใจหานเซิ่นอีก เขาหันความสนใจไปที่กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์
“พวกเจ้าทั้ง 2 เป็นแขกพิเศษของข้า ได้โปรดอย่าได้กังวล พวกเจ้านั้นเป็นวีไอพี เผ่าเดม่อนจะไม่มีวันนำภัยมาสู่พวกเจ้าทั้ง 2 พวกเราจะปฏิบัติกับพวกเจ้าเป็นอย่างดี”

 

ก่อนที่กู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์จะตอบ หานเซิ่นก็หัวเราะออกมา
“ข้าก็สงสัยว่าทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้กับข้า มันเป็นเพราะเจ้าต้องการพวกนางทั้ง 2 คนหรอกหรอ? ถ้าเจ้าบอกข้าให้เร็วกว่านี้ ข้าก็จะมอบพวกนางให้กับเจ้า ทำไมถึงต้องลำบากลำบนทำเรื่องทั้งหมดนี่ด้วย?”

 

“หุบปาก! ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนที่ยากจะคาดเดาได้ แต่ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าจะเป็นคนหน้าไม่อายแบบนี้ เจ้าจะพูดแบบนั้นเพียงเพราะต้องการมีชีวิตรอดได้ยังไง?” จี๋หยางเซิงขึ้นเสียงใส่หานเซิ่น

 

หานเซิ่นถอนหายใจ “ข้าแค่จะบอกความจริงกับเจ้า พวกนางสวยมากก็จริง แต่จริงๆแล้วพวกนางเป็นสัตว์ประหลาดไม่รู้จักพอ พวกนางจะกินเนื้อหนังของเจ้าจนถึงกระดูก ข้าต้องทุกข์ทรมานอย่างมากในการติดตามพวกนาง ข้าจะยินดีอย่างมากถ้าเจ้าพาพวกนางไปจากข้า ข้ายังจะสร้างแท่นบูชาให้กับเจ้า และข้าจะสรรเสริญเจ้าทุกคืน ข้าจะปฏิบัติกับเจ้าเหมือนอย่างพระผู้ช่วย” หานเซิ่นพูด

 

“ฮ่า ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไร เจ้าก็หนีไปจากที่นี่ไม่ได้” จี๋หยางเซิงดูเหมือนจะรู้ว่าหานเซิ่นพยายามทำอะไร มันทำให้เขาหัวเราะออกมา

 

หานเซิ่นส่ายหัวและถอนหายใจ “จี๋หยางเซิง เจ้าดูอวดดี แต่พวกเราตกอยู่ในสถานการณ์นี้ก็เพราะผลงานของคนอื่น ถ้าไม่ใช่เพราะคนในชุดเกราะคนนี้ เจ้าก็ไม่มีทางจะเอาชนะข้าได้ เจ้าไม่มีอะไรให้อวดดี มันควรจะเป็นเขาต่างหากที่สมควรจะโอ้อวด”

 

จี๋หยางเซิงยิ้มและพูด “เขาคือเดม่อนดอลล์ของข้า เขาจะเคลื่อนไหวก็ต่อเมื่อข้าสั่งการ ถ้าเจ้ายังเอาชนะเดม่อนดอลล์ของข้าไม่ได้ เจ้าก็ไม่คู่ควรจะมาต่อสู้กับข้า”

 

“เดม่อนดอลล์? เขาไม่ใช่คนเผ่าเดม่อนจริงๆอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นแกล้งทำเป็นประหลาดใจ

 

“องค์ชาย พวกเรารีบกลับไปที่ฐานกันเถอะ”
เดม่อนระดับราชันคนก่อนหน้านี้เข้ามาหยุดการสนทนาของพวกเขา เขาไม่ต้องการให้องค์ชายเผยข้อมูลเกี่ยวกับเดม่อนดอลล์ออกไป

 

แต่จี๋หยางเซิงไม่ได้โง่ เขารู้ว่าหานเซิ่นพยายามจะทำอะไร เขาหัวเราะและพูด “หานเซิ่น เลิกถ่วงเวลาพวกเรา ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า ถ้าเจ้ายอมปฏิบัติตัวดีๆ พวกเราก็จะปฏิบัติกับเจ้าเป็นอย่างดีเช่นกัน”

 

“นั่นหมายความว่ายังไง? เจ้าช่วยอธิบายที่ว่า ‘ปฏิบัติตัวดีๆ’ ให้ข้าฟังหน่อยได้ไหม? เจ้าต้องการรีดนมข้าเหมือนกับวัวตัวหนึ่งอย่างนั้นหรอ? เจ้าต้องการให้ข้ากินหญ้า ขณะที่เจ้าบีบหัวนมของข้าอย่างนั้นใช่ไหม? เจ้าต้องการให้ข้าทำให้ลูกหลานของเจ้าได้อิ่มท้องงั้นสินะ? เจ้าต้องการให้ข้าตายอย่างทุกข์ทรมานในตอนที่ข้าไม่มีอะไรเหลือแล้วใช่หรือไม่?” หานเซิ่นยิ้ม

 

“มันไม่ใช่อะไรแบบนั้น ถ้าเจ้าทำงาน เจ้าก็จะได้รับรางวัล ถ้าเจ้ามีพลังแบบนี้ เจ้าก็ควรทำในสิ่งที่จะช่วยให้ชีวิตของคนอื่นในโลกใบนี้ดีขึ้น”

 

หลังจากนั้นจี๋หยางเซิงก็หันไปพูดกับกู่ชิงเฉิงและจันทราสวรรค์
“พวกเจ้าทั้ง 2 จะเป็นวีไอพีของข้าตลอดไป ไม่สำคัญว่าพวกเจ้าจะไปที่ไหน มันจะไม่มีใครกล้าทำร้ายพวกเจ้า แต่ถ้าพวกเจ้าไม่ต้องการเป็นเพื่อนกับข้า ข้าก็คงจะให้สัญญาพวกเจ้าในเรื่องนี้ไม่ได้”

 

จันทราสวรรค์นั้นเยือกเย็นอยู่เสมอ แต่ตอนนี้จู่ๆเธอก็หัวเราะออกมา ใบหน้าอันงดงามของเธอดูเหมือนกับแฟรี่ของปราสาทจันทรา เมื่อเธอหัวเราะออกมา มันก็เหมือนกับดอกไม้เบิกบานท่ามกลางพายุหิมะ

 

จี๋หยางเซิงและเดม่อนคนอื่นแข็งทื่อไป พวกเขากำลังคิดว่า ‘ผู้หญิงคนนี้งดงามอย่างไม่น่าเชื่อ’

 

จันทราสวรรค์หัวเราะและพูด “พวกเราอยากจะไปกับเจ้า แต่ข้ากลัวว่าใครบางคนจะไม่ยอม”

 

“ใครจะไม่ยอม?” จี๋หยางเซิงถาม

 

“เขา” จันทราสวรรค์มองไปที่หานเซิ่น

 

จี๋หยางเซิงหัวเราะออกมา “หานเซิ่นกำลังตกอยู่ในอันตราย ถึงแม้เขาจะไม่อยากให้เจ้ามากับข้า แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ เขายังช่วยตัวเองจากสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาจะมากับพวกเรา ดังนั้นพวกเราทั้งหมดจะไปด้วยกัน อย่างนั้นมันจะเป็นอะไรถ้าเขาจะไม่ยอม?”

 

จันทราสวรรค์ส่ายหัว “ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่เข้าใจเขาเลยสักนิด”

 

“ข้าจำเป็นต้องเข้าใจเขาด้วยอย่างนั้นหรอ?” จี๋หยางเซิงพูดอย่างอวดดี

 

“ถ้าเจ้าเข้าใจเขา เจ้าจะรู้ว่าเขาเป็นคนขี้ระแวง เจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยม เขาจะไม่ฝากความเชื่อเอาไว้กับใครคนไหนนอกจากตัวเอง เขาจะมีแผนสำรองอยู่เสมอ ถึงแม้ในตอนที่เขาตกอยู่ในวิกฤต เขาก็จะมีแผนการหนีเตรียมเอาไว้ ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะไม่มัวเสียเวลาพูดคุย ข้าจะตัดหัวและสับเขาเป็นชิ้นๆ หลังจากนั้นข้าจะเผาชิ้นเล็กชิ้นน้อยของเขาจนกระทั่งมันไม่เหลืออะไรนอกจากเถ้าถ่าน” จันทราสวรรค์พูดอย่างจริงจัง

 

จี๋หยางเซิงแปลกใจ เขามองไปที่หานเซิ่น ร่างกายของชายคนนั้นยังคงตกอยู่ในลมปราณสีม่วงที่เหมือนกับงูพิษ และภาพนั้นก็ทำให้จี๋หยางเซิงผ่อนคลายและยิ้มออกมาอีกครั้ง
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว เขาตกอยู่ภายใต้พลังมารนภาล็อค แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็หนีจากมันไม่ได้ ดังนั้นไม่สำคัญว่าเขาจะชั่วร้ายสักแค่ไหน การจะหนีจากกับดักนี้ไปเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”

 

“จริงอย่างนั้นหรอ?” เสียงของหานเซิ่นดังขึ้นมา

 

ก่อนที่จี๋หยางเซิงจะพูดอะไรได้อีก ใบหน้าของเขาก็ซีดไป

 

ควันสีม่วงยังคงห้อมล้อมหานเซิ่นเอาไว้ แต่ร่างกายของเขาดูเหมือนกับสายรุ้ง และมารนภาล็อคก็กำลังละลายภายใต้แสงนั้น

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset