Super God Gene – ตอนที่ 2551

ขนนกสีขาวอมเทาปรากฏออกมาห่อหุ้มร่างกายของหานเซิ่น ภาพของนกยูงสายรุ้งปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาและปลดปล่อยแสงสีรุ้งที่น่ากลัวออกมา แสงสีรุ้งนั้นละลายควันสีม่วงของมารนภาล็อคอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงแค่หนึ่งวินาทีพลังที่จับตัวหานเซิ่นเอาไว้ก็หายไป

 

จี๋หยางเซิงและเดม่อนคนอื่นๆตกใจเมื่อได้เห็นแบบนั้น มารนภาล็อคของพวกเขาสามารถจับได้แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า มันเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ

 

พวกเขามองเสื้อขนนกของหานเซิ่นอย่างตกตะลึง พวกเขาไม่แน่ใจว่าสมบัติที่หานเซิ่นกำลังใช้คือสมบัติซีโน่เจเนอิคแบบไหนกันแน่ แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร เห็นได้ชัดว่ามันทรงพลังพอที่จะทำลายมารนภาล็อคของพวกเขา

 

การสันนิษฐานของพวกเขาถูกแค่ครึ่งเดียว หานเซิ่นสามารถทำลายพลังของมารนภาล็อคได้เป็นเพราะพลังของเสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูงก็จริง แต่ลำพังแค่วิญญาณอสูรไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาเป็นอิสระได้ ถึงแม้ราชานกยูงเทียนเซียจะมาอยู่ที่นี่ด้วยตัวเอง มันก็ไม่สามารถทำลายมารนภาล็อคได้

 

แต่เมื่อพลังของเสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูง ความแข็งแกร่งของหานเซิ่นและพลังศาสตร์ตงเสวียนรวมกัน ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือพลังที่มากพอจะทำลายมารนกาล็อค

 

ที่หานเซิ่นไม่ใช่เสื้อคลุมวิญญาณราชนนกยูงในตอนแรกเป็นเพราะเขาคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับคนในชุดเกราะ เขาอยากรู้ว่าใครหรืออะไรที่อยู่เบื้องหลังคนในชุดเกราะ และนั่นเป็นเหตุผลที่เขาปล่อยให้ตัวเองถูกจับ

 

ตอนนี้เขาเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ดังนั้นมันไม่มีประโยชน์ที่จะแสแสร้งอีกต่อไป

 

ดวงตาของจี๋หยางเซิงเบิกกว้าง เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เขาใส่พลังของตัวเองเข้าไปในเขาสีม่วงที่อยู่ในมือมากขึ้น

 

ดวงตาของคนในชุดเกราะเรืองแสงสีม่วงขึ้นมาอีกหน เขาพยายามจะจับหัวของหานเซิ่นอีกครั้ง

 

หานเซิ่นสะบัดมือและแสงสีรุ้งสาดส่องไปถูกคนในชุดเกราะ ร่างกายของคนในชุดเกราะสูญเสียการควบคุมและคว่ำลงไป แสงสีรุ้งครอบงำร่างกายทั้งร่างของเขา พลังของมันเริ่มจะย่อยสลายชุดเกราะสีดำอย่างรวดเร็วและเผยให้เห็นคนที่อยู่ข้างใน

 

คนที่อยู่ข้างในเป็นชายที่บึกบนอย่างมาก เขาสูงยิ่งกว่าหานเซิ่น แต่เขาไม่ได้สูงอะไรมากนัก เมื่อเทียบกับเผ่าพันธุ์ยักษ์ในจักรวาลจีโน รอยสักปกคลุมทั่วทั้งร่างกายของเขา

 

หานเซิ่นเห็นว่ารอยสักเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับชูร่า แต่หานเซิ่นไม่ได้เห็นชูร่าที่มีรอยสักแบบนี้มากนัก พวกมันแตกต่างไปจากรอยสักทั่วไปของเผ่าเดม่อน

 

หานเซิ่นมองไปที่หัวของคนๆนั้นและประหลาดใจที่เห็นว่าเขาไม่มีเขาของชูร่าอยู่ หัวของเขาปกคลุมด้วยผมสั้นสีม่วงเท่านั้น

 

แต่ในผมสั้นนั้น หานเซิ่นเห็นร่องรอยรูปไข่ มันดูเหมือนว่าครั้งหนึ่งคนๆนี้เคยมีเขาอยู่ แต่มันถูกหักออกไป

 

‘เขาเป็นหนึ่งในชูร่าจริงๆ’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง

 

ชายคนนี้ไร้ซึ่งความรู้สึกและกล้ามเนื้อของเขาบูดบวมจนดูเหมือนกับว่าพวกมันกำลังจะระเบิด ลมปราณสีม่วงลอยออกมาและพยายามเข้ามาโจมตีหานเซิ่นอีกครั้ง หานเซิ่นตรวจจับพลังมารนภาได้ในทันที

 

“นี่ศาสตร์มารนภาและวิชาจำลองนภาเหมือนกันอย่างนั้นหรอ? แต่ถ้ามันไม่มีความแตกต่างอะไร นั่นก็หมายความว่าชูร่าบริสุทธิ์ไม่ควรจะเรียนรู้มันได้ไม่ใช่หรอ? ถ้าเขาเป็นชูร่าราชาจากก็อตแซงชัวรี่ เขาฝึกศาสตร์มารนภาได้ยังไง?” หานเซิ่นสงสัย

 

หมัดของคนๆนั้นเข้ามาหาหานเซิ่น แต่หานเซิ่นยกมือขึ้นมาหยุดมันเอาไว้ มือของหานเซิ่นห่อหุ้มด้วยแสงแห่งเทพสีรุ้งที่ก่อตัวโดยโซ่สสาร แสงแห่งเทพสีรุ้งนั้นรัดร่างกายอีกฝ่ายเอาไว้อย่างรวดเร็ว

 

คนๆนั้นพยายามดิ้นรน พลังมารนภาไม่ได้เป็นอะไรที่ทรงพลัง แต่มันแค่ไม่พลาดเป้าหมายเท่านั้น มันไม่ได้เป็นความสามารถที่ไร้เทียมทาน และเมื่อพูดถึงเรื่องพลัง คนๆนี้ยังไม่ถึงระดับเทพเจ้าซะทีเดียว พลังของเขาด้อยกว่าพลังของเสื้อคลุมวิญญาณ

 

ถ้าชูร่าคนนี้ต่อสู้กับคนอื่นนอกจากหานเซิ่น เขาก็สามารถใช้พลังเหตุและผลเพื่อหนีไปได้ แต่หานเซิ่นกำลังใช้อาณาเขตตงเสวียนร่วมกับพลังของเสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูง อาณาเขตตงเสวียนจะบังคับให้ฟันเฟืองจักรวาลทั้งหมดในรัศมีหยุดหมุน แม้แต่พลังเหตุและผลก็ไม่สามารถหนีจากการควบคุมของหานเซิ่นได้ นอกซะจากว่าชูร่าคนนี้จะแข็งแกร่งกว่าหานเซิ่น ไม่อย่างนั้นพลังของเขาก็ไม่สามารถใช้การอะไรได้เมื่ออาณาเขตตงเสวียนของเขายังคงทำงานอยู่

 

จี๋หยางเซิงและเดม่อนคนอื่นตกตะลึง พลังของเดม่อนดอลล์นั้นเกือบจะถึงระดับเทพเจ้า และเดม่อนดอลล์ก็ไม่ใช่คนเผ่าเดม่อนธรรมดาๆ พวกเขามีพรสวรรค์ที่น่ากลัวมากๆ หลังจากที่พวกเขากลายเป็นเดม่อนดอลล์ พวกเขาจะมีปฏิกิริยาประหลาดต่อพลังมารนภา หลังจากนั้นเดม่อนดอลล์จะได้รับพลังเหตุและผลมา ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถประยุกต์ใช้พวกมันได้อย่างหลากหลาย แม้แต่เดม่อนเลือดบริสุทธิ์ก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้

 

แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ไม่สามารถจับตัวเดม่อนดอลล์ได้ แต่ตอนนี้เดม่อนดอลล์ถูกจับตัวโดยหานเซิ่น สถานการณ์ทั้งหมดนั้นเป็นอะไรที่น่ากลัวเกินไป

 

โดยไม่ลังเล จี๋หยางเซิงหันหลังกลับเพื่อจะหนีไปให้เร็วที่สุด เดม่อนคนอื่นก็คิดจะทำแบบเดียวกัน แต่พวกเขาเพิ่งจะสังเกตว่าพลังของตัวเองหายไป พวกเขาไม่สามารถฉีกมิติของอวกาศ พวกเขาไม่สามารถใช้พลังอะไรได้นอกจากร่างกายของพวกเขาด้วยซ้ำ

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” จี๋หยางเซิงและเดม่อนคนอื่นมองหน้ากันด้วยดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความกลัว

“ให้ข้าจัดการพวกเขา” จันทราสวรรค์พูดขึ้นมา เธอกวัดแกว่งร่มกระดาษและปลดปล่อยแสงแห่งดาบออกมา มันบินตรงไปที่จี๋หยางเซิง

 

เนื่องจากความจริงที่พวกเขาไม่สามารถใช้พลังของตัวเองได้ จี๋หยางเซิงและคนอื่นจึงโยกตัวหลบอย่างเงอะงะ แต่ปฏิกิริยาของพวกเขาช้าเกินไป การโจมตีที่โหดร้ายเริ่มพุ่งทะลุผ่านร่างกายของพวกเขา เลือดของเหล่าเดม่อนกระจัดกระจายไปทั่วขณะที่พวกเขากรีดร้องออกมา

 

วินาทีต่อมา เดม่อนระดับราชันหลายคนก็สิ้นชีพไปเรียบร้อยแล้วภายใต้ดาบแสงของจันทราสวรรค์ จี๋หยางเซิงและเดม่อนระดับครึ่งเทพ 2 คนนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

ตอนนี้พวกเขาเชื่อสิ่งที่หานเซิ่นพูดแล้ว ผู้หญิงคนนั้นงดงามมากก็จริง แต่เธอยังเป็นคนที่จะสังหารหมู่ศัตรูของเธอโดยไม่แม้แต่จะแสดงความลังเล

 

พวกเขายังคงตกอยู่ภายใต้อิทธิพลพลังอาณาเขตของหานเซิ่น พวกเขาไม่สามารถใช้พลังของตัวเองได้ ถึงแม้พวกเขาจะพยายามหมุนฟันเฟืองของตัวเอง แต่พลังของพวกเขาก็ยังคงอยู่ในตัว พวกเขาไม่สามารถใช้งานพวกมันได้

 

พลังอาณาเขตของผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เหนือไปกว่าระดับราชัน แต่ดาบแสงของเธอสามารถเจาะทะลุร่างกายของครึ่งเทพ พลังนั้นเหนือกว่าที่ระดับราชันทั่วไปจะทำได้

 

จี๋หยางเซิงทั้งตกใจทั้งโกรธ เขารู้สึกเกลียดความจริงที่ตัวเองไม่ทำตามคำแนะนำของเดม่อนระดับราชันคนนั้น

 

“หานเซิ่น ข้าเป็นบุตรชายของผู้นำเผ่าเดม่อน ถ้าเจ้าฆ่าข้า เผ่าเดม่อนก็จะทำทุกอย่างเพื่อล้างแค้น แต่ถ้าเจ้าปล่อยข้าไป เจ้าจะได้รับสมบัติระดับเทพเจ้าและยีนซีโน่เจเนอิคที่เจ้าต้องการ” จี๋หยางเซิงตะโกน

 

หานเซิ่นมองจี๋หยางเซิงและพูด “เผ่าเดม่อนอย่างนั้นหรอ? พวกเจ้าถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำเมื่อเทียบกับเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง”

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของจี๋หยางเซิงก็ซีดไป เขาจำได้ว่าหานเซิ่นฆ่าองค์ชายคนหนึ่งของเอ็กซ์ตรีมคิง ถ้าเขาไม่กลัวแม้แต่ต่อความพิโรธของเอ็กซ์ตรีมคิง ทำไมเขาถึงต้องกลัวเผ่าเดม่อน?

 

หานเซิ่นยื่นมือออกมาและแสงสีรุ้งก็พุ่งออกไปจากฝ่ามือของเขา จี๋หยางเซิงไม่มีเวลาจะหลบหลีกมัน เขาสีม่วงถูกหานเซิ่นชิงไป

 

หานเซิ่นเมินเฉยต่อจี๋หยางเซิงและเดม่อนคนอื่นที่กำลังถูกดาบแสงของจันทราสวรรค์ฆ่า เขาหันความสนใจมาที่เขาสีม่วงอันลึกลับและยกมันขึ้นมาทาบกับเขาที่หักบนหัวของชูร่า

 

‘มันเป็นเขาของเขาจริงๆ’ หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมันและสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset