Super God Gene – ตอนที่ 2555

ตอนที่ 2555 ดึงสายธนู

 

หานเซิ่นถือวินด์สตริงอยู่ในมือและนิ้วมือของเขาก็จับที่สายธนู มันสั่นด้วยการสัมผัส เหมือนกับว่าเขากำลังลูบมังกรหรือเสือตัวหนึ่ง

 

ดาบมีจิตแห่งดาบ และธนูก็เองมีจิตวิญญาณเช่นกัน ยิ่งระดับของมันสูงมากเท่าไหร่ มันก็เป็นอะไรที่ยากขึ้นเท่านั้นที่จะใช้งานมัน หานเซิ่นใช้ศาสตร์ตงเสวียนในการเปิดใช้งานสมบัติต่างๆ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงใช้สมบัติเกือบทั้งหมดได้ แต่นั่นเป็นเพราะสมบัติส่วนใหญ่ไม่มีเจ้าของ ส่วนวินด์สตริงนั้นมีเจ้าของอยู่แล้ว ดังนั้นถึงหานเซิ่นจะใช้พลังของศาสตร์ตงเสวียน คันธนูก็ยังคงต่อต้านเขา เขาไม่สามารถดึงสายของมันได้

 

หานเซิ่นเกี่ยวนิ้วไปที่สายธนู และเขาก็ค่อยๆใช้พลังของกายหยกอย่างช้าๆ นิ้วมือที่สัมผัสกับสายธนูเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งและพลังที่เขาใช้ก็ยิ่งมากขึ้นกว่าเดิม

 

แต่ถึงอย่างนั้นสายธนูก็ยังไม่ขยับเขยื้อน ไม่ว่าหานเซิ่นจะดึงสายธนูแรงสักแค่ไหน มันก็ปฏิเสธที่จะถูกดึง

 

ออทัมน์วินด์ปลาบปลื้มเมื่อเห็นแบบนั้น เขาพูดขึ้นมา

“วินด์สตริงของข้ามีจิตวิญญาณของมันเอง ไม่ใช่ใครจะใช้มันก็ได้ ทำไมเจ้าไม่ลองใช้คันธนูอื่นดูล่ะ? ข้าไม่รังเกียจ”

 

“ข้าชอบธนูที่ดื้อรั้นหน่อยๆ” หานเซิ่นพูดอย่างมีลับลมคมใน

 

ออทัมน์วินด์พูด “ข้าไม่รังเกียจที่จะต้องรอ แต่เจ้าจะปล่อยให้พวกนางทั้ง 2 รอนานเกินไปไม่ได้”

 

“ไม่มีความจำเป็นต้องรอ พวกเราเริ่มกันตอนนี้ได้เลย นี่เป็นธนูลูกแรก” หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็หยิบลูกธนูดอกหนึ่งออกมาจากซองธนู

 

หานเซิ่นรู้สึกอุ่นใจเมื่อจับลูกธนู มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ในตอนที่เขาอยู่ในก็อตแซงชัวรี่ เขามักจะใช้ธนูอยู่บ่อยๆ และเขามักจะเป็นที่สุดในเรื่องการใช้พวกมัน ในตอนที่เขาอยู่ในโรงเรียนทหารเหยี่ยวดำ เขาได้อันดับที่หนึ่งในการแข่งขันการยิงธนู หานเซิ่นชอบการใช้ธนูเป็นอย่างมาก

 

แต่เขายังคงไม่พบธนูที่ทรงพลังในจักรวาลจีโน และในเรื่องการต่อสู้ระยะไกล เขาก็สามารถใช้มนตราได้ เขาจึงแทบจะไม่ได้ใช้ธนูอีกเลย

 

ถึงแม้เขาจะพบวิญญาณอสูรประเภทธนูที่ดี เขาก็เลือกที่จะมอบมันให้กับหานเมิ่งเอ๋อลูกสาวของเขา

 

หานเซิ่นคิดว่าอีกนานกว่าที่เขาจะได้ใช้ธนูอีกครั้ง เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะมีโอกาสได้ใช้ธนูในสถานการณ์แบบนี้

 

“เป็นความรู้สึกที่ดีที่ได้จับธนูอีกครั้ง” หานเซิ่นถอนหายใจ เขากดลูกธนูลงกับสายของวินด์สตริง

 

“เขาคิดจะทำอะไร? เขาดึงสายของวินด์สตริงไม่ได้ แบบนั้นแล้วการนำลูกธนูออกมาจะมีประโยชน์อะไร? นี่เขาคิดว่าลูกธนูจะถูกยิงออกไปด้วยตัวของมันเองหรือยังไง?” ทุกคนคิดว่าหานเซิ่นกำลังทำสิ่งที่ประหลาด

 

ทุกคนสามารถบอกได้ว่าหานเซิ่นมีพลังไม่เพียงพอ เขาพยายามดึงสายของวินด์สตริงอยู่หลายครั้ง และมันก็ไม่ขยับเขยื้อนเลย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถดึงสายธนูได้

 

ออทัมน์วินด์พูดขึ้นมา “จริงๆแล้วข้าไม่รังเกียจอะไรถ้าเจ้าจะใช้ธนูคันอื่น”

 

หานเซิ่นไม่ได้สนใจที่ออทัมน์วินด์พูด เขายกคันธนูขึ้นและใช้วิชากายหยก หลังจากนั้นเขาก็ดึงสายธนูของวินด์สตริงมาด้านหลัง

 

พลังที่น่ากลัวพลุ่งพล่านผ่านนิ้วมือของหานเซิ่น เขาดึงสายธนูอย่างแรง แต่มันก็ยังคงไม่ขยับเขยื้อน หานเซิ่นออกแรงมากจนสายธนูเจาะเข้าไปในนิ้วของเขาจนถึงกระดูก มันผ่านการป้องกันของกายหยกอย่างสมบูรณ์

 

“อย่าได้ฝืน แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ยังยากที่จะดึงสายธนูของวินด์สตริงได้” ออทัมน์วินด์เตือน

 

หานเซิ่นไม่ได้สนใจคำเตือนของออทัมน์วินด์และยังคงดึงสายธนูต่อไป

 

“องค์ชายรีบหนีเร็วเข้า!” ในขณะที่สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่หานเซิ่น เดม่อนคนหนึ่งขมวดคิ้วเมื่อเห็นจี๋หยางเซิงยังคงถูกผูกติดกับรถม้า

 

จี๋หยางเซิงแกล้งทำเป็นไม่เห็นเขา ขณะที่เดม่อนระดับราชันคนนั้นส่งเสียงเรียกเขาอย่างเร่งรีบ แต่เขาไม่ได้เข้าไปช่วยจี๋หยางเซิง เขาเป็นเพียงเดม่อนคนเดียวที่อยู่ที่นั่น ส่วนยอดฝีมือของเผ่าเดม่อนยังคงเดินทางมาไม่ถึง

 

“นี่องค์ชายเป็นอะไรของเขา? นี่เขาโง่หรือยังไงกัน? ทำไมเขาถึงไม่รีบหนี?” เดม่อนระดับราชันคนนั้นสงสัย

 

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้หานเซิ่นกำลังจดจ่ออยู่กับคันธนู ดังนั้นเดม่อนระดับราชันคนนั้นจึงไม่เข้าใจว่าทำไมจี๋หยางเซิงถึงไม่รีบหนีไปในตอนที่เขามีโอกาส

 

เดม่อนคนนั้นพยายามส่งสัญญาณให้กับจี๋หยางเซิง แต่การโบกมือซ้ำๆของเดม่อนชายคนนั้นทำให้จี๋หยางเซิงรู้สึกโกรธมากๆ เขาหันหน้าหนีและคิดกับตัวเอง

“นี่เจ้าโง่หรือยังไง? แน่นอนว่าข้าจะหนีไปถ้ามีโอกาส ข้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาเตือน หานเซิ่นยังคงอยู่ที่นี่และผู้หญิงทั้ง 2 คนก็ไม่อาจจะถูกยั่วยุได้ ข้าจะไม่เสี่ยงหนีไปในตอนนี้”

 

เดม่อนระดับราชันคนนั้นเห็นว่าจี๋หยางเซิงปฏิเสธที่จะมองมาทางเขา ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเคลื่อนที่ไปตามฝูงชนจนกระทั่งเขาเข้ามาอยู่ในสายตาของจี๋หยางเซิงอีกครั้ง เมื่อเขาแน่ใจว่าจี๋หยางเซิงมองเห็นเขา เขาก็เริ่มส่งสัญญาณอีกครั้ง

 

จี๋หยางเซิงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เขาอยากจะไปตบเดม่อนระดับราชันไร้สมองคนนั้น ตอนนี้เขาไม่สามารถหนีไปได้ ถ้าเขาพยายามจะหนีไป ผู้หญิง 2 คนที่มากับหานเซิ่นก็ต้องมาหยุดเขาเอาไว้ มันจะเป็นอะไรที่ดูแย่ ถ้าเขาถูกจับตัวอีกครั้ง และครั้งนี้มันจะเกิดขึ้นต่อหน้าฝูงชนจำนวนมาก

 

จี๋หยางเซิงเมินเฉยต่อเดม่อนที่โง่เขลาคนนั้นและหลับตาลง

 

ทุกคนเห็นว่าหานเซิ่นกำลังใช้แรงทั้งหมดจนกระทั่งสายธนูจมลงไปในเนื้อหนัง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังดึงสายธนูไม่ได้ และนั่นทำให้เหล่าผู้ชมรู้สึกดีใจ

 

“เขาคิดจริงๆหรือว่าเขาเป็นบิดาของเทพทั้งปวงน่ะ? ถึงแม้เขาจะเป็นจริงๆ นั่นก็คือธนู เขาเป็นบิดาของเทพ ไม่ใช่บิดาของธนู ทำไมเขาถึงยืนกรานที่จะดึงธนูนี้ให้ได้?”

 

“เขาจะอวดดีเกินไปหน่อยแล้ว เขาผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่มาและตอนนี้เขาเชื่อว่าตัวเองทำได้ทุกอย่าง”

 

“ฮ่าๆ! ในที่สุดข้าก็ได้เห็นหานเซิ่นทำให้ตัวเองต้องอับอายขายหน้า”

 

“วินด์สตริงนั่นไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะใช้งานมันได้ ถ้าทุกคนใช้งานมันได้ มันก็คงจะไม่ตกเป็นของเผ่าไอจิ”

 

ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน เสื้อคลุมขนนกสีเทาก็ปรากฏขึ้นรอบตัวหานเซิ่น พร้อมกับปลดปล่อยแสงสีรุ้งออกมา

 

ฝูงชนที่มาดูนั้นเห็นแสงสีรุ้งที่ส่องสว่างออกมาจากหานเซิ่น แต่พวกเขาไม่สามารถบอกถึงรายละเอียดของเสื้อคลุมหรือสัญลักษณ์ที่ปรากฏอยู่บนหลังของหานเซิ่นได้ นกยูงกางหางของมันเรียบร้อยแล้วและแสงสีรุ้งก็เจิดจรัสรอบตัวหานเซิ่น

 

เมื่อหานเซิ่นได้รับพลังเสริมจากเสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูง กายหยกบริเวณนิ้วมือของเขาก็เรืองด้วยแสงสีรุ้ง พลังไหลผ่านมือของเขาในระดับที่น่ากลัวอย่างแท้จริง

 

ขณะที่พลังอันน่ากลัวพลุ่งพล่านในตัวหานเซิ่น ในที่สุดสายของวินด์สตริงก็เริ่มขยับ สายของธนูถูกดึงไปด้านหลังทีละนิดๆ สายธนูสั่นไหวอย่างรุนแรง และทำให้เกิดเสียงที่ดังราวกับฟ้าร้อง ผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงนั้นคิดว่าหูของพวกเขากำลังจะระเบิด

 

ฝูงชนจ้องมองอย่างตกตะลึงขณะที่หานเซิ่นดึงสายของวินด์สตริงไปด้านหลัง พวกเขาตกใจเกินกว่าที่จะพูดอะไรออกมาได้

 

สายธนูของวินด์สตริงนั้นถูกดึงกำลังเหมือนอย่างที่ขุนพลของเผ่าโบน่าเคยทำ ด้วยการร่วมมือกันของครึ่งเทพ 2 คน แรงของพวกเขาก็ถึงระดับเทพเจ้าและเพียงพอที่จะดึงสายธนูของวินด์สตริง

 

แต่สิ่งต่างๆไม่ได้จบลงด้วยดีสำหรับคนที่ฝืนใช้วินด์สตริง มันเคยมียอดฝีมือระดับเทพเจ้าคนหนึ่งสามารถดึงสายธนูของวินด์สตริงได้สำเร็จ แต่หลังจากนั้นเขาก็ประสบกับเคราะห์ร้าย

 

ตอนนี้ทุกคนเห็นว่าหานเซิ่นดึงสายของวินด์สตริงได้สำเร็จ ถึงพวกเขาจะรู้สึกแปลกใจ แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ดีใจที่เห็นแบบนั้น

 

พวกเขาประหลาดใจที่หานเซิ่นสามารถดึงสายธนูของวินด์สตริงได้ และพวกเขาก็ตื่นเต้นที่จะได้รู้ว่าเคราะห์ร้ายแบบไหนที่หานเซิ่นต้องเจอ

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset