Super God Gene – ตอนที่ 2556

ตอนที่ 2556 ลูกธนูหนึ่งดอก

 

ขณะที่หานเซิ่นดึงสายของวินด์สตริงไปด้านหลัง เสียงคำรามที่ออกมาจากธนูก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ราชันที่อยู่ใกล้เคียงรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาจะเด้งออกมาจากอก พวกเขารู้สึกราวกับว่าหัวใจกำลังจะระเบิด

 

ถึงแม้ทุกคนจะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พวกเขายังคงรู้ตัวว่าต้องรีบถอยออกไปและมองดูจากระยะที่ไกลมากกว่าเดิม

 

ออทัมน์วินด์เริ่มจะเหงื่อตก หานเซิ่นดึงสายธนูกลับไปด้านหลังมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเขายิงมันออกมาในตอนนี้ ออทัมน์วินด์ก็ไม่มั่นใจว่าจะหลบลูกธนูได้

 

ถ้าวินด์สตริงถูกใช้เต็มกำลังสามารถทำร้ายได้แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้า ส่วนออทัมน์วินด์นั้นเป็นเพียงแค่ครึ่งเทพเท่านั้น ถึงแม้มันจะเป็นธนูของเขา เขาก็ไม่คิดว่าจะหลบหลีกลูกธนูที่ถูกยิงออกมาได้

 

เมื่อสายธนูของวินด์สตริงถูกดึงไปครึ่งหนึ่ง หานเซิ่นก็รู้สึกว่ามันติดอะไรบางอย่าง เขาไม่สามารถดึงสายธนูไปด้านหลังเพิ่มได้อีก ขณะเดียวกันโซ่สสารที่เหมือนกับทอร์นาโดก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากธนู มันกลายเป็นทอร์นาโดที่ดึงดูดหานเซิ่นเข้าไปข้างใน

 

“โอ้ไม่นะ! วินด์สตริงกำลังจะกลืนกินเขา”

 

“โชคร้ายสำหรับหานเซิ่น ทำไมเขาถึงได้เลือกยืมวินด์สตริงที่ต้องสาป?”

 

“วินด์สตริงจะตัดหัวของหานเซิ่นด้วยใช่ไหม?”

 

“มันยากที่จะบอกได้ ผู้คนหลายคนถูกตัดหัวโดยวินด์สตริงมาก่อน”

 

เหงื่อไหลลงมาบนหน้าผากของออทัมน์วินด์ ถ้าหานเซิ่นยิงลูกธนูออกมาในตอนนี้ เขาก็ไม่คิดว่าจะหลบมันได้

 

ขณะที่ราชันทั้งหมดกำลังพูดคุยกัน จู่ๆทอร์นาโอที่ห้อมล้อมวินด์สตริงและหานเซิ่นก็หายไป หานเซิ่นยังคงยืนถือคันธนูและดึงสายธนูไปไกลยิ่งกว่าเดิม เขาไม่ได้ถูกทำร้ายโดยวินด์สตริง

 

วินด์สตริงส่งเสียงร้องในมือของเขา ดูเหมือนกับว่าคันธนูไม่ต้องการจะอยู่ที่นี่อีกแล้ว แต่มันไม่มีทางเลือกนอกจากยอมจำนนต่อเจ้านายใหม่ และด้วยเหตุนั้นมันจึงส่งเสียงร้องออกมา

 

“เมื่อข้าต้องการจะยิงธนู เจ้าก็ต้องเปิดรับ ไม่ว่ายังไงก็ตาม”
หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็ออกแรงที่นิ้วมากขึ้นกว่าเดิม สายธนูที่ยังไม่ถูกดึงอย่างเต็มที่ก็ถูกดึงจนสุดอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มันดูเหมือนกับพระจันทร์เต็มดวง

 

วินด์สตริงสั่นไหวและปลดปล่อยเสียงคำรามที่เกรี้ยวโกรธออกมา แต่มันไม่สามารถทำอะไรได้ มันไม่สามารถหยุดหานเซิ่นจากการยิงลูกธนูได้

 

ทุกคนรู้สึกตกตะลึง หานเซิ่นใช้กำลังบังคับวินด์สตริง แม้แต่พลังของมันก็ไม่สามารถหยุดหานเซิ่นได้ การมองดูวินด์สตริงในตอนนี้เหมือนกับการมองดูผู้หญิงที่กำลังถูกผู้ชายคนหนึ่งฝืนใจ

 

หานเซิ่นเล็งธนูไปทางออทัมน์วินด์ และสีหน้าของออทัมน์วินด์ก็ซีดไป เหงื่อไหลออกมาจนเสื้อผ้าของเขาเริ่มจะเปียกโชก

 

เมื่อเห็นหานเซิ่นกำลังจะปล่อยมือจากลูกธนู ในที่สุดออทัมน์วินด์ก็ตะโกนขึ้นมา
“หยุด! อย่ายิง! ข้ารู้แล้วว่าเจ้าทำได้”

 

หานเซิ่นเมินเฉยต่อคำขอร้องของออทัมน์วินด์ มันเป็นเรื่องยากที่จะดึงสายธนูคันนี้ และหลังจากที่พยายามอย่างหนัก เขาก็รู้ว่าต้องยิงมันออกไป

เมื่อหานเซิ่นปล่อยมือ สายธนูก็ฉีกมิติของอวกาศจนขาด ลูกธนูบินออกไปและหายไปจากสายตาของทุกคน

 

ออทัมน์วินด์กลายเป็นพายุไต้ฝุ่น เขาเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆเหมือนกับสายลมเพื่อไม่ให้ใครจับตัวเขาได้

 

แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างลูกธนูขนนกยังคงมาปรากฏตรงหน้าของเขา มันกำลังจะทะลุผ่านหน้าผากของเขาไป ออทัมน์วินด์ดูเหมือนจะไม่รอดแล้ว

 

แต่ในจังหวะที่ลูกธนูกำลังจะเจาะทะลวงหน้าผากของออทัมน์วินด์ จู่ๆลูกธนูก็ทอดทิ้งเป้าหมายของมัน มันเคลื่อนที่ไปหาดวงดาวที่อยู่ใกล้เคียงแทน

 

ปัง!

 

ลูกธนูเจาะทะลวงเข้าไปในดวงดาว และวินาทีต่อมาดาวดวงนั้นก็ระเบิด คลื่นกระแทกออกไปสู่ดาวอื่นที่อยู่ใกล้เคียง และเหล่าราชันก็ถูกซัดจนเสียสมดุลโดยคลื่นกระแทกนั้น

 

โชคดีที่พวกเขาอยู่ไกลไปจากดาวดวงนั้น ไม่อย่างนั้นแรงระเบิดก็คงจะทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บ

 

ใบหน้าของออทัมน์วินด์ซีดเผือก ถ้าเขาโดนลูกธนูนั่นล่ะก็ ร่างกายของเขาก็คงจะถูกทำลายจนไม่มีอะไรเหลือ เขาไม่สามารถต้านทานพลังของมันได้

 

แม้แต่ตอนที่เขาใช้วินด์สตริง เขาก็ไม่สามารถเรียกพลังมากมายขนาดนั้นออกมาได้ เพราะยังไงซะเขาก็ไม่ใช่ระดับเทพเจ้า เขายังไม่สามารถใช้งานวินด์สตริงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

 

“ขอบคุณที่ไว้ชีวิต” ออทัมน์วินด์โค้งคำนับให้กับหานเซิ่น

 

“ข้ายังจำเป็นต้องยิงธนูอีกลูกไหม?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่ออทัมน์วินด์

 

“ไม่มีความจำเป็น ข้าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ข้าจะลากรถม้าให้กับเจ้า มันถือเป็นเกียรติที่จะได้ทำแบบนั้น” ออทัมน์วินด์พูด

 

หานเซิ่นส่งวินด์สตริงคืนให้กับออทัมน์วินด์ เจ้าของคันธนูคือออทัมน์วินด์ ถึงแม้หานเซิ่นจะใช้มันได้ แต่เขาจำเป็นต้องพึ่งพลังของเสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูง กายหยกและศาสตร์ตงเสวียนเพื่อทำแบบนั้น การยิงธนูลูกหนึ่งเป็นอะไรที่ใช้พลังมากเกินไป ดังนั้นไม่ว่าคันธนูนั่นจะดีสักแค่ไหน มันก็ไม่คุ้มค่าที่หานเซิ่นจะใช้มัน

 

แถมหานเซิ่นพูดว่าแค่ต้องการจะยืมมัน เขาคิดจะคืนมันให้กับออทัมน์วินด์ตั้งแต่แรกแล้ว

 

ออทัมน์วินด์รับคันธนูไปและนำมันกลับไปไว้บนหลังของเขา เขาเดินมาอยู่ตรงหน้ารถม้าทองแดงและยืนถัดไปจากจี๋หยางเซิง เขาดึงเชือกมาผูกรอบไหล่ของตัวเองและพูด
“มิสเตอร์จี๋ ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว ยังไงก็ฝากตัวด้วย”

 

“ฝากตัวอะไร ตัวของเจ้าก็ดูแลเองสิ” จี๋หยางเซิงรู้สึกโมโห เมื่อคิดว่าต้องมาทำงานลากรถม้า เขาสงสัยว่าทำไมออทัมน์วินด์ถึงได้แสดงความกระตือรือร้นกับงานชั้นต่ำแบบนี้

 

เมื่อผู้คนเห็นจี๋หยางเซิงและออทัมน์วินด์ลากรถม้าทองแดงไป ในที่สุดพวกเขาก็ตื่นจากความตกใจ

 

“บิดาของเทพนั้นคู่ควรกับสมญานามของเขาจริงๆ เขาบังคับให้วินด์สตริงยอมสยบได้ยังไงกัน? นี่เขาเป็นแค่ระดับราชันจริงๆอย่างนั้นหรอ? เจ้าแน่ใจหรือว่าเขาไม่ใช่ระดับเทพเจ้าปลอมตัวมา?”

 

“ไร้สาระ! ระดับเทพเจ้านั้นเข้ามาในคอร์แอเรียไม่ได้”

 

“นั่นมันก็ใช่ แต่ในตอนที่เขาใช้ธนู ข้าคิดว่าเขาสร้างโซ่สสารขึ้นมา”

 

“เสื้อคลุมขนนกนั้นต้องเป็นสมบัติระดับเทพเจ้าที่ทรงพลัง และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขามีพลังมากพอที่จะดึงสายธนูของวินด์สตริงได้”

 

“ไม่แปลกใจเลยที่เอ็กซ์ตรีมคิงจับตัวเขาไม่ได้ เขาแข็งแกร่งเกินไป”

 

มันมีองค์ชายและองค์หญิงของเอ็กซ์ตรีมคิงอยู่ที่นี่ด้วย แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปโจมตีหานเซิ่น ความสามารถที่เขาเพิ่งแสดงออกมานั้นเป็นอะไรที่น่ากลัวจนทุกคนตกตะลึง

 

ภายในคอร์แอเรียแม้แต่เอ็กซ์ตรีมคิงก็ไม่ต้องการจะเผชิญหน้ากับหานเซิ่น นอกซะจากว่าพวกเขาจะพาคนที่เป็นระดับเทพเจ้ามาได้ ไม่อย่างนั้นพลังของหานเซิ่นก็เป็นอะไรที่เกินกว่าที่พวกเขาจะรับมือ

 

เผ่าพันธุ์ต่างๆทำการวิเคราะห์วิดีโอการยิงธนูของหานเซิ่น คำอธิบายที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดก็คือเสื้อคลุมขนนกที่เป็นสมบัติปริศนาช่วยเหลือเขา ด้วยเหตุผลบางอย่างมันมอบพลังที่ทัดเทียมกับระดับเทพเจ้าให้กับหานเซิ่น

 

“เจ้านั่นทำไมถึงได้โชคดีนัก? ก่อนหน้านี้มันก็ได้รับโล่เมดูซ่าส์เกซไป และตอนนี้มันยังมีเสื้อคลุมขนนกปริศนานั่นอีก นี่มันมีสมบัติอยู่กี่อย่างกันแน่?” ลุงหกของเอ็กซ์ตรีมคิงเห็นภาพวิดีโอและสบถออกมา

 

“ดูเหมือนว่าพวกเราจะจับตัวเขาภายในคอร์แอเรียไม่ได้ พวกเราต้องหาตัวเขาในระบบจักรวาลเคออส” เหมิงเลี่ยพูด

 

“สปริงเรนกำลังตามหาตัวเขา ข้าหวังว่าพวกเขาจะตามหาตัวหานเซิ่นเจอในเร็วๆนี้” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ลุกหกก็ไม่ได้คาดหวังกับความสำเร็จของสปริงเรนมากนัก

 

ตอนนี้ทุกเผ่าพันธุ์รับรู้ว่าไม่ควรจะไปยั่วยุหานเซิ่นภายในคอร์แอเรีย

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset