Super God Gene – ตอนที่ 2558

 

ถังหมิงเอ๋อเพิ่งจะเข้ามาในก็อตแซงชัวรี่ ถึงแม้วิชาจีโนของเธอจะไม่ได้แย่อะไร แต่ยีนของเธอก็ยังไม่ได้ถูกเสริมความแข็งแกร่ง ด้วยเหตุนั้นเธอจึงยังอ่อนแอและไม่สามารถวิ่งหนีจากตะขาบปีศาจไปได้ ตะขาบนั้นตามเธอทันในเวลาไม่กี่วินาที

 

ถังหมิงเอ๋อจับมือของเสี่ยวฮวาขณะที่เธอวิ่งหนีไป แต่จู่ๆท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำ เงาขนาดใหญ่ยักษ์เข้าปกคลุมเธอ โดยไม่ต้องเงยหน้าไปมอง เธอรู้ว่าปากของตะขาบปีศาจกำลังอยู่เหนือหัวของเธอ

 

‘ทำไมเราถึงได้โชคร้ายแบบนี่? นี่พระเจ้าอิจฉาคนฉลาดอย่างนั้นหรอ? มันเป็นเพราะเราฉลาดเกินไปอย่างนั้นใช่ไหม?’ ถังหมิงเอ๋อคิดกับตัวเอง

 

ถังหมิงเอ๋อยังคงจับมือเสี่ยวฮวาขณะที่วิ่งหนีไป เมื่อเห็นว่าปากที่เปิดออกของตะขาบปีศาจยักษ์เข้ามาใกล้ เธอก็โยนเสี่ยวฮวาออกไป

 

“วิ่ง!” เธอตะโกน

 

เมื่อเห็นว่าปากที่น่ากลัวเข้ามาใกล้ ถังหมิงเอ๋อก็รู้สึกความกลัว เพราะยังไงซะเธอก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอไม่เคยประสบเหตุการณ์เฉียดตายมาก่อน ดังนั้นเธอจึงหวาดกลัว

 

เมื่อเห็นว่าปากของตะขาบปีศาจยักษ์กำลังจะกินเธอ การมองเห็นของถังหมิงเอ๋อก็เบลอไป หลังจากนั้นเธอก็เห็นหัวของตะขาบกระแทกลงไปกับพื้น ดินและหญ้ากระจัดกระจายไปทั่ว หัวของตะขาบจมลงในหลุมขณะที่มีเด็กชายยืนอยู่บนร่างของมัน

 

ดวงตาของถังหมิงเอ๋อเบิกกว้าง เธอจ้องไปที่เด็กชายบนหัวของตะขาบปีศาจยักษ์ เขาเป็นเด็กชายที่เธอโยนออกไปเมื่อครู่นี้

 

“พี่สาวเป็นอะไรไหม?” หานเสี่ยวฮวาเดินเข้ามาหาถังหมิงเอ๋อด้วยท่าทางกังวล

 

ถังหมิงเอ๋อไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองยังไง เธอได้แต่จ้องมองหานเสี่ยวฮวาด้วยความตกใจ เธอไม่สามารถพูดอะไรกลับไปได้

 

เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กชายที่ดูเด็กยิ่งกว่าเธอจะจัดการกับตะขาบปีศาจเลือดกลายพันธุ์ได้ และเขายังทำมันอย่างง่ายดาย

 

“พี่สาวเป็นอะไรหรือเปล่า?” หานเสี่ยวฮวาเห็นว่าถังหมิงเอ๋อแข็งทื่อไป เขายื่นมือไปแตะหน้าผากของเธอและเตรียมที่จะใส่พลังเข้าไปในร่างกายของเธอเพื่อตรวจดูว่าเธอได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า

 

ตูม!

ขณะเดียวกันนั้น ตะขาบปีศาจยักษ์พยายามดิ้นรนเพื่อยกหัวขึ้นมาจากพื้น ถังหมิงเอ๋อตกใจกลัวอีกครั้งและเธอก็ก้าวถอยหลังไป

 

“เจ้าทำให้พี่สาวกลัว! รีบมาขอโทษเดี๋ยวนี้” หานเสี่ยวฮวาหันไปและตะคอกใส่ตะขาบปีศาจยักษ์

ร่างกายของตะขาบปีศาจยักษ์สั่นกลัว ขณะที่ถังหมิงเอ๋อมองด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ตะขาบปีศาจยักษ์ลดตัวลงกับพื้นราวกับว่ามันกำลังขอให้เธอยกโทษให้

 

‘นี่…มันเกิดอะไรขึ้น? เรากำลังฝันไปหรือเปล่า? นี่มันเป็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ์ที่รู้จักกันในชื่อตะขาบปีศาจยักษ์จริงๆอย่างนั้นหรอ?’ ถังหมิงเอ๋ออึ้ง

 

“พี่สาวไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” หานเสี่ยวฮวาถามอีกครั้งขณะที่วางมือลงบนหน้าผากของเธอ

 

ถังหมิงเอ๋อหน้าแดง เธอก้าวถอยออกไปและมองมาที่เขา
“เจ้าเป็นใครกัน? ไม่สิ เจ้าเป็นมนุษย์จริงๆอย่างนั้นหรอ? ทำไมตะขาบปีศาจถึงได้ฟังที่เจ้าพูด?”

 

“ชื่อของข้าคือหานเสี่ยวฮวา และข้าก็เป็นมนุษย์ ข้าบอกพี่สาวไปแล้วไม่ใช่หรอ?”
หลังจากนั้นหานเสี่ยวฮวาก็ชี้ไปที่ตะขาบปีศาจยักษ์และพูดต่อ “เขาเอาชนะข้าไม่ได้ ดังนั้นแน่นอนว่าเขาจะฟังที่ข้าพูด”

 

“หานเสี่ยวฮวา… ชื่อสกุลของเจ้าคือหาน? นี่เจ้าเป็นญาติของลุงหานเซิ่นอย่างนั้นหรอ?” ถังหมิงเอ๋อรีบถาม

 

“ข้าเป็นลูกของเขา พี่สาวรู้จักพ่อของข้าอย่างนั้นหรอ?” เมื่อได้ยินชื่อพ่อตัวเอง เสี่ยวฮวาก็ดูดีใจอย่างมาก

 

“เจ้าเป็นลูกชายของลุงหาน? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่แปลกเลยที่เจ้าจะทำแบบนี้ได้ ปู่ของข้าเคยบอกว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้สำหรับตระกูลหาน และนั่นเป็นเพราะตระกูลหานนั้นแปลกประหลาด”
ดวงตาของถังหมิงเอ๋อเบิกกว้างขณะที่เธอพูดต่อ “ในตอนแรกข้าไม่เชื่อที่ปู่บอก ข้าคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ แต่เจ้ายังเด็กและแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เรียบร้อยแล้ว? สิ่งที่เขาพูดคงจะเป็นความจริง”

 

“พี่สาวจะไปที่ไหน? ข้าจะพาพี่สาวไปที่ที่พี่ต้องการ” หานเสี่ยวฮวาพูด

 

“พาข้าไป? เจ้าจะพาข้าไปยังไง?” ถังหมิงเอ๋อถาม

 

หานเสี่ยวฮวาจับมือของถังหมิงเอ๋อและพาเธอขึ้นมาบนหัวของตะขาบปีศาจ หลังจากนั้นเขาก็นำเอาผ้าคลุมออกมาจากกระเป๋าและให้เธอนั่งลงบนนั้น จากนั้นเขาก็นำผลไม้ออกมาให้กับเธอ

 

ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังตก ตะขาบปีศาจยักษ์ก็วิ่งข้ามทุ่งหญ้าไป บนตัวของมันมีเด็กผู้ชายและหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ ตะขาบปีศาจวิ่งไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับรักษาสมดุลเพื่อประคองทั้ง 2 คนที่มันแบกมา แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยชำนาญในการทำอะไรแบบนั้น

 

ถ้าตะขาบปีศาจพูดได้ มันก็คงจะร้องไห้ออกมาในทำนองว่า “ทำไมถึงได้โชคร้ายแบบนี้?”

 

หานเซิ่นกลืนยีนซีโน่เจเนอิคอีกยีนเข้าไป และยีนระดับราชันของเขาก็ครบหนึ่งร้อยพอดี

 

“อีกนานแค่ไหนกันก่อนที่เราจะกลายเป็นครึ่งเทพ?” หานเซิ่นพึมพำกับตัวเอง เขาอยากเลื่อนระดับอาณาเขตตงเสวียน

 

หานเซิ่นพึ่งพาวิชาคอนซูมและบิ๊กเดสทรอยเยอร์เพื่อกินยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน และอาณาเขตตงเสวียนของเขาก็พัฒนาจนถึงขั้นที่ 9 ตอนนี้เขาจำเป็นต้องเลื่อนอีกหนึ่งระดับเพื่อกลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพ

 

โชคร้ายที่หานเซิ่นต้องผิดหวัง ถึงแม้ยีนระดับราชันจะครบหนึ่งร้อยยีน แต่อาณาเขตตงเสวียนก็ยังปฏิเสธที่จะเลื่อนไปสู่ระดับต่อไป

 

“ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องใช้พลังของตัวเองเพื่อรวมทั้ง 9 ขั้นเป็นหนึ่งเดียวกันและกลายเป็นระดับครึ่งเทพ”
หานเซิ่นคาดเอาไว้อยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้อาจจะเกิดขึ้น หลังจากที่สลัดความผิดหวังทิ้งไป เขาก็ใช้ยีนซีโน่เจเนอิคหนึ่งร้อยยีนเพื่อเลื่อนระดับของกายหยกแทน

 

ในตอนนี้หานเซิ่นรำคาญมากๆ ความเร็วในกินยีนซีโน่เจเนอิคของเขานั้นเร็วกว่าที่เขาจะล่าซีโน่เจเนอิคระดับราชันมาได้ทัน ยีนซีโน่เจเนอิคที่เขาเก็บตุนไว้ก็กำลังจะถูกใช้จนหมด

 

ในคอร์แอเรียมีซีโน่เจเนอิคระดับราชันอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ที่แห่งนี้ใหญ่โตเกินไป ซึ่งทำให้การเดินทางใช้เวลานาน เขาต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะหาซีโน่เจเนอิคระดับราชันให้ได้สักตัวหนึ่ง

 

สำหรับระดับราชันทั่วไปแล้ว นั่นอาจจะเป็นเวลาที่พอใจได้ แต่สำหรับคนอย่างหานเซิ่นแล้ว นั่นยังไม่เร็วพอ เขาจำเป็นต้องหาหนทางที่เร็วกว่านี้

 

“ไม่ได้การ เราต้องหายีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันให้เร็วกว่านี้”
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง เมื่อรู้แบบนั้นเขาก็พยายามคิดหาหนทางที่จะทำให้เขาได้ยีนซีโน่เจเนอิคจำนวนมากมา

 

หนทางที่รวดเร็วที่สุดคงจะเป็นการรับจ้างไปฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้ากับดราก้อนวันหรือใครสักคน แต่ถ้าเป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า หานเซิ่นก็อยากจะฆ่ามันด้วยตัวเอง การช่วยเหลือคนอื่นเป็นอะไรที่ไม่คุ้มค่าเท่าไหร่

 

ขณะที่หานเซิ่นครุ่นคิดเกี่ยวกับปัญหานี้ ใครบางคนก็ตรงเข้ามาหาเขา คนๆนั้นมาขวางหน้าของเขาเอาไว้

 

“บาร์?” เมื่อหานเซิ่นเห็นบาร์ เขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา เขาไม่ได้หวาดกลัว เขาแค่คิดว่าบาร์เป็นคนที่น่ารำคาญเท่านั้น

 

“หานเซิ่น ข้าจะบอกกับเจ้าตามตรง ข้าต้องการให้เจ้ามอบพรให้กับข้า และข้าจะมอบอะไรก็ตามที่เจ้าต้องการเป็นการตอบแทน” บาร์พูดขึ้นมา

 

“โอเค ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนฟังดูเป็นยังไง?” หานเซิ่นเสนอขึ้นมา

 

บาร์ผงะไป ยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชัน 2 พันยีนถือเป็นจำนวนที่มาก

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset