Super God Gene – ตอนที่ 2587

ตอนที่ 2587 พลังของแส้เหล็กทองแดงสีม่วง

 

ขณะที่หานเซิ่นถือแส้เหล็กเอาไว้ ร่างกายของเขาก็อาบในแสงสีม่วง มันเหมือนกับมีดวงดาวสีม่วงนับไม่ถ้วนเต้นระบำรอบๆตัวเขา ร่างกายทั้งร่างของเขาดูเบลอๆไปราวกับรูปลักษณ์ของเขาถูกบดบังโดยเมฆหมอกสีม่วง

 

พลังประหลาดบางอย่างกำลังทำงาน แต่หานเซิ่นไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร มันรู้สึกลึกลับและยากที่จะเข้าใจ

 

“นี่มันทำอะไรได้” หานเซิ่นรู้สึกสนใจ เขากวัดแกว่งอาวุธไปทางกำแพงหินและแสงดาวสีม่วงก็พุ่งออกไป

 

แต่กำแพงหินนั้นไม่สะดุ้งสะเทือนเลย มันไม่มีแม้แต่ร่องรอยความเสียหาย และแสงดาวสีม่วงก็หายไป

 

ทุกคนจ้องมองไปที่กำแพงหินอย่างตั้งใจ พวกเขาคิดว่าที่สุดแล้วจะมีบางอย่างเกิดขึ้น แต่หลังจากรอคอยสักพัก กำแพงหินก็ยังคงดูเหมือนเดิม

 

“มันจบแล้วอย่างนั้นหรอ?” หนิงเยวี่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

“ฉันคิดว่ามันจบแล้ว” หานเซิ่นพูดขณะที่มองแส้เหล็กทองแดงสีม่วงอย่างแปลกๆ ก่อนหน้านี้แส้เหล็กพัดพวกเขากระเด็นออกไปอย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้เมื่อเขากวัดแกว่งแส้เหล็กด้วยตัวเอง มันกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันเป็นอะไรที่แปลกมากๆ

 

“มันต้องมีบางสิ่งที่นอกเหนือจากพลังทำลายล้าง มันควรจะมีฟังก์ชั่นบางอย่างที่พวกเราจะต้องหาให้เจอ แต่ว่ามันเป็นอาวุธธาตุอะไรกัน?” กู่ชิงเฉิงพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

หานเซิ่นก็คิดเหมือนกัน แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าธาตุของแส้เหล็กทองแดงสีม่วงนี้คืออะไร หานเซิ่นใช้อาณาเขตตงเสวียนและวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อตรวจดูมัน เขาเห็นฟันเฟืองจักรวาลกำลังหมุนอยู่ภายในแส้เหล็ก แต่ฟันเฟืองจักรวาลนั้นแตกต่างไปจากฟันเฟืองที่เขาเคยเห็นมาก่อน หานเซิ่นไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือธาตุอะไร

 

หานเซิ่นพยายามใช้พลังของแส้เหล็กอยู่หลายครั้ง แต่มันดูจะไม่สามารถทำอะไรได้ ความพยายามในการโจมตีใส่กำแพงหินของหานเซิ่นล้มเหลว เมื่อเขานำเอาหนังสือออกมาและแกว่งแส้เหล็กใส่หนังสือ มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับหนังสือเช่นกัน

 

“นี่มันแปลกจริงๆ แส้เหล็กนี้ทำลายอะไรไม่ได้ นั่นเป็นอะไรที่หาได้ยาก” จันทราสวรรค์พูด

 

“เสือขาว แน่ใจหรือว่าแส้เหล็กนี่มีพลังที่จะทำลายเจ้ามอนสเตอร์ที่อยู่ข้างนอกได้น่ะ?” หานเซิ่นหันไปถามเสือขาว

 

เสือขาวตอบด้วยการพยักหน้า หลังจากนั้นมันก็ส่งเสียงเพื่อเป็นกำลังใจให้กับหานเซิ่น มันเริ่มวิ่งกลับเข้าไปในอุโมงค์และเร่งให้หานเซิ่นรีบไปฆ่าเจ้ามอนสเตอร์ตัวนั้น

 

หานเซิ่นยังคงคลางแคลงใจ แต่เขาไม่มีทางเลือก เขาเริ่มวิ่งกลับไปที่พื้นผิว เขาจะลองพยายามฆ่าเจ้ามอนสเตอร์ตัวนั้นดู ถ้าเขาทำไม่สำเร็จ เขาก็สามารถหนีกลับลงมาใต้ดินได้อีกครั้ง

 

เมื่อพวกเขาเห็นเสือขาววิ่งเข้ามา ฟางชิงอวี่และคนอื่นก็รู้สึกตกใจ พวกเขาแตกตื่นและพยายามจะวิ่งหนีไป แต่เมื่อพวกเขาเห็นหานเซิ่นอยู่ด้านหลังเสือขาว พวกเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ แต่ทว่าหานเซิ่นไม่มีเวลามามัวพูดคุยกับพวกเขา เขาให้คนอื่นรออยู่ที่นั่นขณะที่เขาตามเจ้าเสือขาวขึ้นไปสู่พื้นผิว

 

เมื่อหานเซิ่นออกมาจากรู เขาก็เห็นว่ามีงูอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเขาจะมองไปทางไหนทุกแห่งบนเกาะก็ถูกปกคลุมไปด้วยงู

 

งูตัวน้อยหลายตัวได้เปลี่ยนเป็นมอนสเตอร์ ส่วนเจ้ามอนสเตอร์ตัวใหญ่นั้นยังคงกินเห็ดเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม ร่างกายของมันเองก็เริ่มจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน

 

ร่างกายสีดำของมันเริ่มจะดูเหมือนกับคริสตัลสีรุ้ง มันดูแปลกมากๆ

 

หานเซิ่นแกว่งแส้เหล็กใส่พวกงูที่อยู่บนพื้น แต่มันไม่เกิดผลอะไร เมื่อแสงสีม่วงพุ่งไปถูกพวกงู ผลลัพธ์ที่ออกมาก็เหมือนกับตอนที่มันพุ่งไปถูกกำแพงหิน มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

“เจ้าสิ่งนี้จะจัดการกับเจ้ามอนสเตอร์ตัวใหญ่ได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นสงสัย

 

เสือขาวส่งเสียงเหมียวใส่หานเซิ่นซ้ำๆ มันเร่งให้หานเซิ่นรีบไปจัดการเจ้ามอนสเตอร์ตัวใหญ่ตัวนั้น

 

หานเซิ่นจำเป็นต้องลองดู ดังนั้นเขาจึงกัดฟันและเรียกเสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูงออกมา หลังจากนั้นเขาก็บินเข้าไปมาเจ้ามอนสเตอร์ตัวใหญ่

 

ก่อนที่หานเซิ่นจะไปถึงตัวเจ้ามอนสเตอร์ มันก็สัมผัสได้ถึงการเข้ามาของเขา มันหันมองมาที่หานเซิ่น ร่างกายของมันดูเหมือนกับหนอนไหมคริสตัลที่โปร่งใสและหนวดที่เหมือนกับเส้นผมของมันก็ดิ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

 

หนวดก่อตัวเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นปีกและเปลือก จากภายในการป้องกันของหนวดเจ้ามอนสเตอร์มองไปที่แส้เหล็กในมือของหานเซิ่นอย่างระมัดระวัง

 

หานเซิ่นเห็นและคิดในใจ ‘ดูเหมือนเจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้จะหวาดกลัวแส้เหล็กนี่จริงๆ บางทีในที่สุดแส้เหล็กนี่คงจะทำอะไรบางอย่างได้?’

 

หานเซิ่นใช้แส้เหล็กเป็นเหมือนกับมีด เขาฟันใส่เจ้ามอนสเตอร์

 

เจ้ามอนสเตอร์ไม่ได้ใช้หนวดเป็นโล่เพื่อป้องกันแสงสีม่วงที่เข้ามา มันกระพือปีกเพื่อหลบหลีกการโจมตีที่เข้ามาแทน

 

หานเซิ่นยิ้มออกมา ก่อนหน้านี้เจ้ามอนสเตอร์ไม่จำเป็นต้องหลบหลีกการโจมตีของเขาหรือนกแดงน้อย ร่างกายที่ใหญ่โตของมันสามารถดูดซับการโจมตีของพวกเขาได้โดยไม่เกิดผลเสียอะไร แต่ตอนนี้มันพยายามจะหลบแสงสีม่วง นั่นหมายความว่ามันหวาดกลัวพลังของแส้เหล็ก

 

“แกหวาดกลัว! นี่จะเป็นเรื่องง่าย” หานเซิ่นพูดขณะที่กวัดแกว่งแส้เหล็กอย่างต่อเนื่อง

 

หานเซิ่นใช้วิชามีดใต้นภา และแสงสีม่วงที่ถูกปลดปล่อยออกไปก็กลายเป็นมีดเส้นไหมที่ปกคลุมเจ้ามอนสเตอร์เอาไว้

 

เจ้ามอนสเตอร์ไม่สามารถหลบหลีกแสงสีม่วงได้พ้น มันยกโล่หนวดขึ้นเพื่อป้องกันแสงที่ไม่สามารถหลบหลีกได้ เมื่อหนวดของมันสัมผัสกับแสงสีม่วง มันก็เหมือนกับน้ำแข็งสัมผัสกับถ่านที่ร้อนระอุ หนวดของมันละลายขณะที่แสงสีม่วงตัดผ่านไปและทิ้งบาดแผลลึกเอาไว้เบื้องหลัง

 

เจ้ามอนสเตอร์ร้องด้วยเสียงสูงที่แปลกประหลาด หานเซิ่นประหลาดใจที่เจ้ามอนสเตอร์ได้รับบาดเจ็บจากแสงสีม่วงของแส้เหล็ก และหนวดของมันก็ไม่สามารถออกมาซ่อมแซมบาดแผลที่มันได้รับได้

 

“มันได้ผล!” หานเซิ่นดีใจ เขาปลดปล่อยแสงสีม่วงเข้าใส่เจ้ามอนสเตอร์ต่อไป

 

แสงสีม่วงของแส้เหล็กไม่สามารถสร้างความเสียหายกับอะไรอย่างอื่นนอกจากเจ้ามอนสเตอร์นั่น เจ้ามอนสเตอร์ส่งเสียงร้องออกมาขณะที่แสงสีม่วงฉีกร่างกายของมันทีละชิ้นๆ

 

เจ้ามอนสเตอร์ดูเหมือนไม่สนใจกินเห็ดบนเกาะอีกต่อไป มันหันหลังและหนีกลับลงไปในทะเลลึก แต่หานเซิ่นเทเลพอร์ตไปด้านข้างของมันและโจมตีใส่มันอย่างต่อเนื่องด้วยแส้เหล็ก ร่างกายของเจ้ามอนสเตอร์เริ่มจะคลายและหนวดจำนวนมากของมันก็หลุดลงไปบนพื้น

 

ภายในรูของส่วนที่ถูกละลายไป หานเซิ่นเห็นว่าภายในร่างกายของเจ้ามอนสเตอร์มีคริสตัลที่โปร่งใสอยู่

 

หานเซิ่นแกว่งแส้เหล็กในมือและปล่อยแสงสีม่วงออกไปใส่คริสตัลนั่น คริสตัลแตกกระจายและมีของเหลวเหนียวๆไหลออกมา

 

ปัง!

เมื่อคริสตัลถูกทำลาย ร่างกายของเจ้ามอนสเตอร์ก็ระเบิดกลายเป็นของเหลว

 

หานเซิ่นอึ้งไป เขาไม่ได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นมา เขาไม่ได้ยินเสียงประกาศเกี่ยวกับยีนซีโน่เจเนอิคหรือวิญญาณอสูร

 

พวกงูเองก็ไม่มีเสียงประกาศเช่นเดียวกัน แต่หานเซิ่นคิดว่านั่นเป็นเพราะว่าพวกมันเป็นส่วนหนึ่งของเจ้ามอนสเตอร์ตัวใหญ่ แต่ทว่าการทำลายเจ้ามอนสเตอร์ตัวใหญ่ก็ไม่ได้มีประกาศดังขึ้นเช่นเดียวกัน

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset