Super God Gene – ตอนที่ 2606

ตอนที่ 2606 สลับ

 

การประชุมจบลงอย่างรวดเร็ว เรื่องราวของหานเซิ่นแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งปราสาทนภา ศิษย์ของปราสาทนภาปลาบปลื้มกับผลลัพธ์

 

ในตอนที่ปี้ซีและเอ็กซ์ควิสิทอยู่กันตามลำพัง พวกเขาก็พูดคุยกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ปี้ซีขมวดคิ้วและถามขึ้นมา “เจ้าอยากจะได้หานเซิ่นไปเป็นตัวไหมของเจ้า?”

 

เอ็กซ์ควิสิทพยักหน้าและพูด “ถ้าไผ่เดียวดายไม่ยินดีจะเข้าร่วมกับเผ่าเวรี่ไฮ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะบังคับเขา ข้าควรจะใช้โอกาสนี้พาตัวหานเซิ่นไป”

 

ปี้ซีขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม “นี่เจ้าคิดเรื่องนี้ดีแล้วใช่ไหม? หานเซิ่นดูมีพรสวรรค์มากๆ แต่ข้าไม่คิดว่าทุกอย่างจะเรียบง่ายเหมือนอย่างที่ตาเห็น บางทีเขาอาจจะฝึกวิชาจีโนบางอย่างที่ทำให้เขาปลุกศักยภาพภายในยีนของก็อตสปิริตทัช และนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ก็อตสปิริตทัชกลายเป็นผีเสื้อและสร้างสถานการณ์ว่าเขามีพรสวรรค์ระดับ 11 เปลือก บางทีนั่นจะไม่ใช่พรสวรรค์ที่แท้จริงของเขา เจ้าควรจะรู้ว่ายีนของคริสตัลไลเซอร์ไม่ได้มีพรสวรรค์สูงขนาดนั้น”

 

เอ็กซ์ควิสิทถอนหายใจและพูด “มันเป็นไปไม่ได้ พรสวรรค์ระดับ 11 เปลือกเป็นสิ่งที่มีอยู่เฉพาะในตำนาน หานเซิ่นนั้นไม่เลว แต่ข้ารู้ว่าเขาคงจะไม่ได้เป็นระดับตำนาน แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องมีเหตุผลของสิ่งที่เกิดขึ้น ข้าได้เห็นด้วยตัวเองว่าวิชาจีโนที่เขาใช้นั้นทำให้สิ่งมีชีวิตอื่นวิวัฒนาการ แค่เรื่องนั้นก็ถือว่าเป็นอะไรที่พิเศษมากแล้ว ดังนั้นถึงพรสวรรค์ของเขาจะธรรมดา แต่ข้าก็จะให้เขามาเป็นตัวไหมของข้าเพื่อที่ข้าจะได้ศึกษาวิชาจีโนของเขา แถมมันยังมีโอกาสที่เขาจะมีพรสวรรค์ที่สูงด้วย”

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น ปี้ซีก็ไม่ปฏิเสธถึงความเป็นไปได้นั้น เขาพูดขึ้นว่า
“เจ้าพูดถูก พลังนั้นเป็นสิ่งที่ลึกลับ แม้แต่เผ่าพันธุ์ของพวกเราก็ไม่มีวิชาจีโนที่จะทำแบบเขาได้”

 

“ในเมื่อเจ้าเห็นด้วย เจ้าก็ช่วยนำเรื่องนี้ไปพูดในการเจรจากับปราสาทนภาในวันพรุ่งนี้ได้ไหม?” เอ็กซ์ควิสิท

 

ปี้ซีพยักหน้าและพูด “ได้ แต่ก่อนหน้านั้นข้าจำเป็นต้องไปทดสอบหานเซิ่น ข้าอยากจะเห็นพลังที่แท้จริงของเขา”

 

เอ็กซ์ควิสิทไม่ได้คัดค้านในเรื่องนี้ มันมีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับหานเซิ่น แต่เธอยังไม่เคยได้เห็นความสามารถของเขาตรงๆ

 

“อาการบาดเจ็บของหานเซิ่นยังไม่หายดี ดังนั้นพวกเราคงจะไปต่อสู้กับเขาไม่ได้ พวกเราควรจะทดสอบเขาด้วยวิธีไหน?” เอ็กซ์ควิสิทถาม

 

“ข้ามีวิธีอยู่หนึ่ง” ปี้ซีพูดโดยที่ไม่ทำการอธิบาย

 

หานเซิ่นกลับไปที่เกาะหยกน้อยเพื่อรักษาตัว โชคดีที่ผู้นำของปราสาทนภาสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้ามาในเกาะ ไม่อย่างนั้นหลังจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น เขาก็คงจะถูกรบกวนจนไม่มีเวลาได้หยุดพัก

 

หานเซิ่นใช้มือให้กำเนิดผีเสื้อ เรื่องนั่นช่วยเสริมชื่อเสียงของเขาอีกระดับหนึ่ง ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้คนของปราสาทนภาโดยสายเลือด แต่ชื่อเสียงของเขาก็เทียบได้กับอวี้ซ่านซินและไผ่เดียวดายที่ถือเป็นที่สุดของคนในรุ่นนี้

 

เมื่อเรื่องราวของหานเซิ่นไปถึงแนร์โรว์มูน ชาวรีเบทมากมายก็ตกตะลึงกับข่าวนี้

 

รีเบทบางคนนั้นไม่ชอบใจที่อี๋ซาตัดสินใจเคลื่อนย้ายแนร์โรว์มูน แต่ตอนนี้พวกเขาเริ่มจะเปลี่ยนใจ พวกเขาไม่ได้รู้สึกเกลียดที่ต้องถูกย้ายมาที่นี่อีกแล้ว

 

“หานเซิ่นเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของราชินีแห่งมีด ราชินีแห่งมีดละเมิดเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงเพื่อช่วยเขาและเคลื่อนย้ายแนร์โรว์มูนมาเข้าร่วมกับปราสาทนภา ดังนั้นหานเซิ่นเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา ในอนาคตหานเซิ่นจะทำงานเพื่อรีเบท เขาจะอวยพรให้กับพวกเรา บางทีพวกเราก็อาจจะมีโอกาสได้วิวัฒนาการเช่นกัน” รีเบทหลายคนคิดในทำนองนี้

 

หลังจากที่เกิดเรื่องทั้งหมดขึ้น ความกดดันที่เผ่ารีเบทได้รับจากการตัดสินใจของอี๋ซาก็หายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้ราชาหลายคนคัดค้านการตัดสินใจของอี๋ซา แต่ตอนนี้พวกเขากำลังพูดถึงเรื่องที่จะให้หานเซิ่นมาช่วยอวยพรให้กับพวกเขา

 

อี๋ซาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงซุบซิบเหล่านั้น เธอได้เห็นการอวยพรของหานเซิ่น และเธอก็รู้ว่ามันบางสิ่งที่มหัศจรรย์ แต่เธอไม่คิดว่าพลังนั้นจะเปลี่ยนให้ทุกคนเป็นระดับเทพเจ้า

 

ในมุมมองของอี๋ซา ผู้คนที่ได้รับการอวยพรจากหานเซิ่นนั้นเข้าใกล้การกลายเป็นระดับเทพเจ้าอยู่แล้ว ซึ่งสำหรับคนที่ไม่มีโอกาสจะกลายเป็นระดับเทพเจ้า มันก็จะไม่สร้างความแตกต่างอะไร ไม่ว่าพวกเขาจะได้รับการอวยพรจากหานเซิ่นสักกี่ครั้ง

 

อี๋ซารู้ว่าหานเซิ่นจะไม่ปฏิเสธถ้าเธอขอเขาตรงๆ แต่เธอไม่คิดที่จะขอเขาในตอนนี้

 

มันไม่ใช่ว่าเธอภาคภูมิเกินกว่าที่จะไปขอความช่วยเหลือจากลูกศิษย์ของตัวเอง แต่มันเป็นเพราะว่าในเผ่ารีเบทยังไม่มีใครที่เหมาะสมจะได้รับการอวยพร

 

เผ่ารีเบทถือเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ชั้นสูง แต่ระดับของพวกเขายังค่อนข้างต่ำ พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากคางคกหยกและเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงเพื่อกลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง ตอนนี้เมื่ออี๋ซากลายเป็นระดับเทพเจ้า เธอก็ถือเป็นผู้สนับสนุนที่ใหญ่ที่สุดของเผ่ารีเบท

 

เธอเป็นระดับเทพเจ้าเพียงคนเดียวในเผ่ารีเบท เผ่ารีเบทมีคนที่เข้าใกล้ระดับเทพเจ้าอย่างราชากงล้อจันทราอยู่ แต่เขาแก่แล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าไหมหลังจากที่ได้รับการอวยพร และถึงเขาจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าได้สำเร็จ เขาก็จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานพอที่จะทำอะไรให้กับเผ่ารีเบท

 

อี๋ซาไม่อาจจะหยุดคิดเกี่ยวกับความจริงที่เผ่ารีเบทไม่มีบุคคลที่พิเศษอย่างเลอตู้หรือบาร์อยู่ มันทำให้เธอรู้สึกปวดหัว ขณะที่อี๋ซากำลังทำงานอยู่ เป่าเอ๋อก็วิ่งเข้ามาในห้องโถงและกระโดดเข้าหาเธอ

 

“พี่สาวราชินี!”

 

“เป่าเอ๋อ ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?” อี๋ซาลูบหัวของเป่าเอ๋อด้วยรอยยิ้ม

 

เป่าเอ๋อเคยอาศัยอยู่ในปราสาทร่วมกับอี๋ซา อี๋ซาชอบเป่าเอ๋อมากและมักจะตามใจเธอ

 

“พ่อพาหนูมาที่นี่” เป่าเอ๋อพูดด้วยรอยยิ้ม

 

อี๋ซามองไปข้างหน้าและเห็นหานเซิ่นเดินเข้ามาพร้อมกับยามที่เฝ้าประตู เธอบอกกับยามเฝ้าประตู “ปล่อยให้เขาเข้ามา!”

 

“ท่านราชินี” หานเซิ่นโค้งคำนับ

 

อี๋ซามองไปที่หานเซิ่นและสังเกตเห็นร่างกายที่ผอมแห้งของเขา
“ทำไมเจ้าไม่พักผ่อน? เจ้าไม่ควรจะออกมาข้างนอกในสภาพแบบนี้”

 

หานเซิ่นรู้ว่าอี๋ซากำลังพูดถึงเรื่องที่เขาเพิ่งจะอวยพรให้กับก็อตสปิริตทัช เขายิ้มและพูด
“ข้าแค่จะไปฟังเผ่าเวรี่ไฮอธิบายเกี่ยวกับวิชาจีโน ข้าถูกผลักดันให้ขึ้นไปบนเวทีเพื่อทำบางสิ่งที่ขัดใจของข้า”

 

หลังจากนั้นหานเซิ่นก็พูดต่อ “ร่างกายของข้ายังคงไม่พื้นตัว มันคงต้องใช้เวลาอีกหนึ่งปีเต็มๆ แต่ท่านราชินีจะเลือกรีเบทสัก 2 คนมาให้กับข้าก็ได้ และข้าจะหาเวลาอวยพรให้กับพวกเขา ถึงแม้พรสวรรค์ของพวกเขาจะไม่สูงพอจนกลายเป็นระดับเทพเจ้า แต่มันก็ยังจะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม”

 

อี๋ซาพึงพอใจมากกับเรื่องนั้น หานเซิ่นพูดเรื่องนี้ขึ้นมาโดยที่ไม่ต้องถูกขอ เธอเชื่อว่าการตัดสินใจของตัวเองถูกต้อง

 

‘น่าเสียดายที่ไม่มีใครในที่นี่หาตำแหน่งของผู้คนได้ ตอนนี้มันคงจะเป็นไปไม่ได้อีกแล้วที่จะตามหาตัวดอลลาร์’ อี๋ซาคิดกับตัวเอง เธอยังคงไม่ปล่อยว่างความบาดหมางของเธอกับดอลลาร์ไป

 

แต่อี๋ซาไม่ได้ตามหาดอลลาร์เพราะความบาดหมางเพียงอย่างเดียว เธออยากจะเอาฝักมีดของอัลฟ่าเผ่ารีเบทกลับคืนมา

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset