Super God Gene – ตอนที่ 2621

‘เป็นเมืองที่แปลกจริงๆ มันจำกัดพลังของเรา ถึงแม้เราจะยังแข็งแกร่งเหมือนปกติ แต่เราใช้พลังที่เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตธรรมดาไม่ได้ มันเหมือนกับว่าตอนนี้เราเป็นแค่สิ่งมีชีวิตธรรมดาๆ’
หานเซิ่นตกใจ เขาพยายามจะเปิดใช้การวิชาต่างๆของเขา แต่เขาไม่สามารถใช้พวกมันได้ในดินแดนประหลาดนี้

 

ขณะที่หานเซิ่นพยายามหาว่าพลังถูกจำกัดได้ยังไง ชายชาวนภาคนหนึ่งก็เดินเข้ามาและโค้งคำนับเขาอย่างมีมารยาท
“อาจารย์หาน ชื่อของข้าคือลุงฉิน ข้ารับหน้าเป็นมัคคุเทศก์ของเมืองราชาดำ”

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่ประชากรของเมือง

 

ลุงฉินหัวเราะและพูด “ใกล้ๆนี้มีคาเฟ่อยู่ พวกเราควรจะไปดื่มชาและพูดคุยกันต่อที่นั่น สิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองราชาดำนั้นค่อนข้างซับซ้อน ดังนั้นมันคงจะใช้เวลาสักพักในการอธิบาย”

 

หานเซิ่นตามลุงฉินไปยังคาเฟ่ที่อยู่มุมถนนใกล้ๆ พวกเขาทั้งสองคนนั่งในอยู่บนชั้นสอง พวกเขามองลงมายังสี่แยกที่อยู่ด้านล่าง

 

ลุงฉินสั่งชามาดื่ม ในตอนแรกหานเซิ่นยังคงเชื่อว่าเมืองทั้งเมืองเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา แต่เมื่อเขายกชาขึ้นดื่ม เขาก็ต้องทิ้งความคิดนั้นไป

 

ชามีกลิ่นหอมและรสชาติของมันก็เป็นเลิศ มันไม่ใช่แค่ภาพลวงตาอย่างแน่นอน

 

“อาจารย์หานไม่ต้องกังวล เมืองราชาดำเป็นสถานที่จริงๆ มันแค่แตกต่างออกไป ในมิติแห่งนี้มีเพียงแค่เมืองๆนี้เท่านั้น สิ่งมีชีวิตที่นี่อาศัยอยู่เฉพาะในเมืองแห่งนี้ พวกเขาเกิดและตายที่นี่ ซึ่งพวกเขามีอายุขัยแค่ไม่กี่สิบปีเท่านั้น เนื่องจากพวกเขาฝึกวิชาไม่ได้” ลุงฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ถ้าผู้คนที่นี่ฝึกฝนไม่ได้ แล้วทำไมที่นี่ถึงอันตราย?” หานเซิ่นถามด้วยความสับสน

 

ถ้าทุกอย่างเป็นอย่างที่ลุงฉินพูดจริงๆ มันก็ไม่มีอะไรในสถานที่นี้ที่จะทำร้ายเขาได้ แบบนั้นทำไมยวิ๋นฉางคงถึงได้เตือนเขาว่าให้เก็บบัตรผ่านติดตัวเอาไว้ตลอดเวลา?

 

“สิ่งมีชีวิตในเมืองราชาดำนั้นธรรมดา แต่ตัวเมืองไม่ธรรมดา ข้าเชื่อว่าอาจารย์หานคงจะรู้สึกได้ถึงมันเรียบร้อยแล้วว่าพลังของพวกเราถูกจำกัด นอกจากความแข็งแกร่งทางร่างกายแล้ว พลังอื่นๆของพวกเราสูญหายไป”

 

“ถึงแม้พวกเราจะมีแค่พลังทางกายภาพ แต่สิ่งมีชีวิตของที่นี่ก็ทำร้ายพวกเราไม่ได้อยู่ดี”

 

ลุงฉินพยักหน้าและพูด “สิ่งมีชีวิตของที่นี่ทำร้ายพวกเราไม่ได้ แต่กฎที่ผูกมัดเมืองราชาดำอยู่จะฆ่าพวกเรา มันมีอยู่ 2 เรื่องที่อาจารย์หานห้ามทำในเมืองราชาดำ หนึ่งคืออาจารย์หานห้ามทำบัตรผ่านราชาดำหาย อย่างที่สองคืออาจารย์หานห้ามทำร้ายสิ่งมีชีวิตอื่นในที่แห่งนี้ มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะอ่อนแอแค่ไหน ถ้าอาจารย์หานทำร้ายพวกเขา อาจารย์หานก็จะถูกลงโทษด้วยกฎของเมืองราชาดำ ถึงแม้อาจารย์หานจะเป็นระดับเทพเจ้า ผลที่ตามมาก็เป็นอะไรที่เลวร้ายอยู่ดี”

 

“ถ้าอย่างนั้นมันมีประโยชน์อะไรที่จะเข้ามาในเมืองแห่งนี้?” หานเซิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

“มันมีประโยชน์อยู่อย่างหนึ่ง ถึงสิ่งมีชีวิตที่นี่จะอ่อนแอ แต่สิ่งของในบ้านของพวกเขาไม่ใช่ มันมีบ้านอยู่ในเมืองแห่งนี้ทั้งหมดหนึ่งพันเก้าร้อยแปดสิบเจ็ดหลัง คนหลายต่อหลายรุ่นอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน พวกเขาจึงมีสมบัติที่สืบทอดมาจากสมัยอดีต และเนื่องจากพวกเขาฝึกฝนไม่ได้ พวกมันจึงเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ แต่ถ้าพวกเราได้พวกมันมา พวกมันก็จะมีประโยชน์ อาจารย์หานลองคิดดู มันอาจจะมีสมบัติระดับเทพเจ้าอยู่รอบๆนี้”
ลุงฉินหยุดไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดต่อ “แต่ในเมืองราชาดำนั้น อาจารย์หานจะขโมย ปล้นหรือทำร้ายคนอื่นไม่ได้ พวกเขาต้องยอมมอบสิ่งของให้กับอาจารย์หานอย่างเต็มใจ ถ้าอาจารย์หานละเมิดกฎ เมืองราชาดำก็จะลงโทษอาจารย์หาน”

 

“นั่นเป็นกฎที่แปลกมาก… แต่ถ้าคนที่นี่ไม่ได้ฝึก แล้วแบบนั้นสมบัติเหล่านั้นมาจากที่ไหนกัน?” หานเซิ่นถาม

 

“เรื่องนั้นไม่มีใครรู้ เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครรู้ว่าทำไมถึงมีสถานหยกขาวอยู่ในจักรวาลนี้ ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเมืองราชาดำถึงมีกฎแบบนี้และไม่มีใครรู้ว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่มาจากที่ไหน ทั้งหมดที่พวกเราต้องทำก็คือพยายามเอาสิ่งของที่จำเป็นออกไป” ลุงฉินพูด

“ข้าจะแลกเปลี่ยนกับพวกเขาได้ไหม?” หานเซิ่นถาม

 

“อาจารย์หานทำได้ แต่อาจารย์หานจะไปบังคับพวกเขาไม่ได้” ลุงฉินตอบ

 

หานเซิ่นถามลุงฉินเกี่ยวกับเรื่องของเมืองราชาดำเพิ่มเติม ซึ่งเขานั้นย้ำหลายครั้งเกี่ยวกับกฎของที่แห่งนี้

 

เมื่อหานเซิ่นพร้อมจะออกเดินทางแล้ว ลุงฉินก็พูดขึ้นมา
“อาจารย์หานอย่าลืม… พวกเราใช้พลังในที่แห่งนี้ไม่ได้ ถึงแม้สมบัติระดับเทพเจ้าจะมาอยู่ตรงหน้าพวกเรา แต่พวกเราก็ไม่รู้ว่าพวกมันมีพลังระดับไหน พวกเราเห็นแค่ว่าพวกมันดูเป็นยังไง ในบางครั้งคนที่เข้ามาได้ใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาสิ่งของชิ้นหนึ่งออกไป แต่กลับมาพบที่หลังว่ามันเป็นแค่ระดับบารอนเท่านั้น เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยภายในเมืองราชาดำ ดังนั้นอาจารย์หานต้องไตร่ตรองให้ดี ข้าหวังว่าอาจารย์หานจะเลือกสมบัติระดับเทพเจ้าออกไปได้”

 

“ขอบคุณที่ช่วยอธิบายเรื่องทั้งหมดนี่” หานเซิ่นพูดบอกลาและออกจากคาเฟ่ไป เขาเริ่มเดินไปบนถนนอีกครั้ง

 

หลังจากที่เดินไปไม่กี่ก้าว เขาก็เห็นช่างเหล็กสองคนกำลังทุบค้อนลงไปบนทั่งตีเหล็ก

 

เมื่อหานเซิ่นเห็นทั่งตีเหล็กนั้น ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา

 

ทั่งตีเหล็กมีสีดำสนิท มันดูค่อนข้างเก่าและเต็มไปด้วยสนิม แต่หานเซิ่นสามารถบอกได้ว่ามันไม่ได้ขึ้นสนิมจริงๆ

 

ทั่งอันนั้นเป็นฐานรองที่ช่างเหล็กใช้ทุบอาวุธ ในตอนที่เหล็กถูกนำออกมาจากไฟ พวกเขาจะใช้ค้อนทุบเหล็กร้อนๆให้เข้ารูปบนทั่ง

 

หานเซิ่นสามารถบอกว่ามันดูเก่ามากๆ ใครจะรู้ว่ามันอยู่ภายในโรงตีเหล็กเป็นเวลานานแค่ไหนแล้ว แต่มันยังคงอยู่ในสภาพดี การที่มันไม่บุบสลายหรือเป็นรอยอะไรถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเป็นเลิศของมัน หานเซิ่นสามารถบอกได้ว่ามันค่อนข้างพิเศษ

 

“ทั่งนี่เป็นสมบัติอย่างนั้นหรอ? แต่ระดับของมันคืออะไร?” หานเซิ่นยืนอยู่นอกโรงตีเหล็กขณะมองไปที่ทั่ง เขาไม่สามารถใช้พลังได้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ถึงระดับของทั่งอันนี้

 

“ทั่งนี่ต้องเป็นสมบัติอย่างหนึ่ง แต่ข้าบอกไม่ได้ว่ามันอยู่ระดับไหน มันอาจจะเป็นอะไรที่ไม่เลว ซึ่งศิษย์ของปราสาทนภาที่เข้ามาก็คงจะอยากได้เจ้าสิ่งนี้เช่นเดียวกัน แต่ช่างเหล็กจำเป็นต้องใช้ทั่งตีเหล็กในการทำงาน ดังนั้นถึงจะผ่านมาหลายต่อหลายรุ่น ทั่งตีเหล็กก็ยังอยู่ที่นี่ เนื่องจากไม่มีช่างเหล็กคนไหนยอมขายมัน”
เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลังของหานเซิ่น

 

หานเซิ่นหันไปเห็นเอ็กซ์ควิสิทอยู่ข้างๆเขา เธอสวมใส่ชุดสีขาว

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset