Super God Gene – ตอนที่ 2628

“ไผ่เดียวดาย ถ้าเจ้ารู้ว่ามันเป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่มีพรสวรรค์ระดับแปดเปลือก ทำไมเจ้าไม่รู้อะไรอย่างอื่นเกี่ยวกับมัน?”
เจ้าซีโน่เจเนอิคเพิ่งจะฟันถูกหลังของหานเซิ่น กระดูกสันหลังของหานเซิ่นเผยออกมาให้เห็นผ่านบาดแผล มันเป็นอะไรสมควรต่อการบ่น

 

“เจ้าไม่เห็นแปดตัวอักษรบนประตูหรือยังไง? นั่นหมายความว่ามันมีพรสวรรค์ระดับแปดเปลือก” ไผ่เดียวดายพูดขณะที่วิ่งไปรอบๆ

 

“ตัวอักษรพวกนั้นบรรยายถึงซีโน่เจเนอิคที่ออกมาอย่างนั้นหรอ? แต่ถ้าอย่างนั้นมันก็ต้องมีคนคอยเพราะพันธุ์และเลี้ยงซีโน่เจเนอิคอยู่ในนั้นน่ะสิ?” หานเซิ่นพูดขณะที่หันไปมองตัวอักษรที่สลักอยู่ที่ประตู ตัวอักษรเป็นภาษาโบราณของจักรวาลจีโน

 

“ข้าไม่รู้ แม้แต่บรรพบุรุษเผ่านภาก็ไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับต้นกำเนิดของสถานหยกขาว มันไม่มีใครรู้ว่าซีโน่เจเนอิคพวกนี้มาจากไหน”
ไผ่เดียวดายพูดขณะที่ยังคงต่อสู้กับเจ้าซีโน่เจเนอิค

 

พวกเขาทั้งสองคนต่อสู้ร่วมกันเป็นอย่างดี แต่จอมทำลายล้างสีเงินนั้นรวดเร็วเกินไป หานเซิ่นพยายามจะคาดเดาการเคลื่อนไหวของศัตรู แต่การโจมตีของมันรวดเร็วเกินกว่าจะหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นความสามารถในการคาดเดาของหานเซิ่นจึงไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก

 

ดาบแสงสีเงินมากมายสว่างไสวบนท้องฟ้าของเมืองราชาขาว ในเวลาที่หานเซิ่นเห็นดาบแสงเหล่านั้นและพยายามจะหลบหลีก มันก็สายเกินไปแล้ว ซึ่งสภาพของไผ่เดียวดายเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าหานเซิ่น เขาเองก็เริ่มมีบาดแผลมากขึ้นเรื่อยๆ

 

สิ่งที่น่าหดหู่มากที่สุดเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งหมดนี้ก็คือความจริงที่แสงแห่งเทพของไผ่เดียวดายนอกจากครั้งแรกแล้ว มันก็ไม่ถูกตัวของจอมทำลายล้างสีเงินอีก เจ้าซีโน่เจเนอิคนั้นรวดเร็วยิ่งกว่าแสง และเมื่อไหร่ก็ตามที่ไผ่เดียวดายปล่อยแสงแห่งเทพออกมา จอมทำลายล้างสีเงินก็จะหนีหายไปแล้ว

 

ไม่มีพลังไหนถูกตัวของจอมทำลายล้างสีเงิน แม้แต่พลังที่เข้าไปใกล้ได้ก็จะถูกทำลายด้วยดาบแสงของศัตรู

 

หานเซิ่นเริ่มจะคิดถึงหวังอวี่ฮังขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่ดาบแสงของจอมทำลายล้างสีเงินพุ่งผ่านมือของเขา หานเซิ่นคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดและพึมพำกับตัวเอง
“ลุงหวังเก่งเรื่องการเป็นเป้าถูกโจมตี! ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนในตอนนี้ แต่มันคงจะเป็นอะไรที่เยี่ยมมากๆถ้าเขาอยู่ที่นี่”

 

เมื่อเห็นว่าดาบแสงนั่นกำลังเข้ามา หานเซิ่นก็ไม่สามารถทนมันได้อีกต่อไป เขาเรียกเสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูงออกมา โซ่สสารสีรุ้งก่อตัวขึ้นรอบชุดขนนก

 

ธนูงูหกคอร์ของหานเซิ่นยิงลูกธนูที่อาบด้วยแสงสีรุ้งออกไป เขาเล็งมันไปที่ดาบแสงที่พุ่งเข้ามา

 

ปัง!

ธนูแสงสีรุ้งถูกทำลายด้วยดาบแสงสีเงิน การปะทะกันทำลายดาบแสงสีเงินไปครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งหนึ่งของดาบแสงก็ยังคงพุ่งต่อมาทางหานเซิ่น

 

ด้วยพลังเสริมจากเสื้อคลุมวิญญาณอสูรราชานกยูง หานเซิ่นบินหลบไปด้านข้างราวกับนกประหลาด ในที่สุดเขาก็สามารถหลบดาบแสงของจอมทำลายล้างสีเงินได้สำเร็จ

 

ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นใช้เสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูง เขาก็เคลื่อนไหวด้วยความเร็วระดับเทพเจ้า แต่มันยังคงช้ากว่าความเร็วในการโจมตีของจอมทำลายล้างสีเงิน เขาจำเป็นต้องใช้ความสามารถในการคาดเดาเพื่อหลบหลีกดาบแสงให้พ้น

 

“อย่างนั้นแหละ! ถ้าเจ้าทำแบบนั้นต่อไปสักพัก ข้าจะหาโอกาสได้ในที่สุด!” ไผ่เดียวดายยังคงพยายามปล่อยแสงแห่งเทพจากดวงตานภาใส่จอมทำลายล้างสีเงิน

 

“เจ้าต้องการใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้อย่างนั้นหรอ? ทำไมเจ้าไม่มาลองดูบ้าง?” หานเซิ่นบ่น แต่เขายังคงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชักนำจอมทำลายล้างสีเงินไปรอบๆ

 

จอมทำลายล้างสีเงินแข็งแกร่งกว่าซีโน่เจเนอิคตัวไหนในคอร์แอเรีย หานเซิ่นใช้เสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูงและธนูงูหกคอร์เพื่อต่อสู้กับจอมทำลายล้างสีเงิน แต่เขาก็ยังไม่สามารถต่อสู้กับจอมทำลายล้างสีเงินแบบตรงๆได้ เจ้าซีโน่เจเนอิคนั้นรวดเร็วเกินกว่าที่หานเซิ่นจะทำอะไรได้ ถึงแม้เขาจะพยายามยิงธนูจากระยะใกล้ แต่จอมทำลายล้างสีเงินก็ฟันลูกธนูที่เข้ามาได้อย่างง่ายดาย

 

แม้แต่ลูกธนูที่เดินทางผ่านช่องว่างของอวกาศรวมกับลูกธนูหมุนก็ยังไม่ถูกตัวของมัน หานเซิ่นและไผ่เดียวดายร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับจอมทำลายล้างสีเงิน แต่เจ้าซีโน่เจเนอิคนั้นก็ยังคงได้เปรียบพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่ตอนนี้สถานการณ์ของหานเซิ่นดีขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่เขาเรียกเสื้อคลุมวิญญาณราชานกยูงออกมา เขาก็สามารถป้องกันดาบแสงของศัตรูได้ แต่ทว่าบาดแผลของไผ่เดียวดายยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

หานเซิ่นพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลอกล่อจอมทำลายล้างสีเงินไปรอบสนามประลอง นอกเหนือสิ่งอื่นใดเขาต้องการจะหยุดมันจากการสร้างความเสียหายกับไผ่เดียวดายไปมากกว่านี้

 

ถึงแม้หานเซิ่นและไผ่เดียวดายจะทำงานร่วมกันเพื่อโค่นล้มจอมทำลายล้างสีเงิน แต่การร่วมมือของพวกเขาก็ไม่ได้ไร้ที่ติ พลังและกระบวนการคิดของพวกเขานั้นแตกต่างกัน พวกเขาไม่ได้ทำการต่อสู้แบบเดียวกัน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงพลาดโอกาสหลายครั้ง

 

ขณะที่การต่อสู้ดำเนินต่อไป การประสานงานระหว่างหานเซิ่นและไผ่เดียวดายก็เหมือนจะดีขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้บุคลิกภาพและพลังของพวกเขาจะแตกต่างกัน แต่พวกเขาทั้งคู่ก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์มากในด้านการต่อสู้ พวกเราทำความคุ้นเคยกับจุดเด่นของอีกฝ่ายและปรับมันเข้ากับสไตล์ของตัวเอง

 

ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็สามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวต่อไปของอีกฝ่ายและร่วมมือกันได้เป็นอย่างดีมากยิ่งขึ้น

 

ในที่สุดหานเซิ่นก็หยุดการเคลื่อนไหวของจอมทำลายล้างสีเงินได้ชั่วครู่ ทำให้ไผ่เดียวดายสามารถใช้แสงแห่งเทพของดวงตานภาใส่เจ้าซีโน่เจเนอิค

 

ขณะที่จอมทำลายล้างสีเงินถูกหยุดการเคลื่อนไหว หานเซิ่นก็ดึงสายธนูงูหกคอร์ไปด้านหลังมากที่สุด ลูกธนูแสงสีรุ้งพุ่งออกปักหนึ่งในช่องดวงตาของจอมทำลายล้างสีเงิน

 

หลังจากนั้นลูกธนูของหานเซิ่นก็ระเบิดจากภายในดวงตาของจอมทำลายล้างสีเงิน แรงระเบิดนั้นก็ฉีกส่วนหนึ่งของหมวก

 

จอมทำลายล้างสีเงินทำเหมือนกับว่าไม่รู้สึกเจ็บปวด มันยังคงกวัดแกว่งดาบของมันใส่หานเซิ่น

 

หลังจากที่หานเซิ่นและไผ่เดียวดายร่วมมือกันได้อย่างเข้าขามากขึ้น พวกเขาก็เริ่มโจมตีโดนตัวจอมทำลายล้างสีเงินบ่อยขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่ต่อสู้ยาวนานกว่าเจ็ดชั่วโมง หานเซิ่นก็ยิงธนูออกไปยี่สิบสามลูก และแต่ละลูกนักก็เจาะทะลวงเข้าไปในดวงตาของจอมทำลายล้างสีเงิน

 

หานเซิ่นมองดูจอมทำลายล้างสีเงินล้มลงไปกับพื้น หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นมา

 

“ซีโน่เจเนอิคจอมทำลายล้างสีเงินระดับเทพเจ้าถูกฆ่า คุณได้รับยีนซีโน่เจเนอิค”

 

“นั่นเป็นอะไรที่น่าเสียดาย” หานเซิ่นผิดหวังที่ไม่ได้รับวิญญาณอสูร ในตอนที่หานเซิ่นกำลังจะไปค้นร่างของจอมทำลายล้างสีเงิน มันก็มีลำแสงส่องลงมา หลังจากนั้นร่างกายของจอมทำลายล้างสีเงินก็หายไป

 

เมื่อลำแสงนั้นจางหายไปแล้ว ไข่สีเงินก็ปรากฏในตำแหน่งที่จอมทำลายล้างสีเงินเคยอยู่ บนผิวของไข่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ประหลาดมากมาย

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset