Super God Gene – ตอนที่ 2642

เอ็กซ์ควิสิทไม่ตอบและมุ่งหน้าเข้าไปในดินแดนที่เหมือนสรวงสวรรค์ต่อไป

 

ฝูงฟินิกซ์บินอยู่เหนือหัวพวกเขา น้ำตกศักดิ์สิทธิ์ลอยตัวอยู่ในอากาศและล้อมด้วยหมู่เมฆ มังกรขนาดยักษ์เดินอย่างสง่าผ่าเผยบนพื้นที่ปกคลุมไปด้วยดอกไม้ประหลาด มันมีสิ่งมีชีวิตหายากมากมายอยู่รอบๆ และไม่ว่าหานเซิ่นจะมองไปทางไหน มันก็มีสิ่งประหลาดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

 

ภายในไม่กี่วินาทีที่มาถึงที่นี้ หานเซิ่นก็เห็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าถึงสามตัว หนึ่งในพวกมันเป็นพืชระดับเทพเจ้า

 

“นี่มันน่ากลัวจริงๆ… แปลกใจเลยที่เผ่าเวรี่ไฮถูกกล่าวขานว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล มันมีทรัพยากรมากมายอยู่ที่นี่ แม้แต่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงที่ทรงอำนาจก็ยังมีทรัพยากรน้อยกว่านี้…ไม่สิ…พวกเขาเปรียบเทียบกับเผ่าเวรี่ไฮไม่ได้ด้วยซ้ำ เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงดูเหมือนกับกลุ่มของขอทานไปเลยเมื่อกับเผ่าเวรี่ไฮ”

 

หานเซิ่นตกใจเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้ ซีโน่เจเนอิคที่ทรงพลังนับไม่ถ้วนป้วนเปี้ยนเต็มไปหมด และในป่าที่อยู่ใกล้เคียงก็มีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง

 

พวกเขาบินต่อไปอีกหลายหมื่นไมล์ มันมีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้านับไม่ถ้วนอยู่รอบๆ แต่พวกเขายังคงไม่พบกับเผ่าเวรี่ไฮคนไหน

 

“ตั้งแต่ที่เผ่าพวกเราพบสถานที่แห่งนี้ในสมัยโบราณกาล บรรพบุรุษของพวกเราก็ได้นำซีโน่เจเนอิคที่น่าสนใจมาอยู่ที่นี่ และหลังจากผ่านไปไม่รู้กี่พันล้านปี ที่นี่ก็กลายเป็นอย่างที่เห็น แต่อัตราการเกิดของพวกเรายังคงน้อยมาก ตอนนี้พวกเรามีกันอยู่เพียงแค่สองร้อยคนเท่านั้น แต่ในทางต้นกันข้ามสิ่งมีชีวิตที่พวกเราพาตัวมามีอัตราการเกิดที่สูง พวกมันเป็นผลของน้ำพักน้ำแรงของพวกเรา” เอ็กซ์ควิสิทพูด

 

ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมเผ่าเวรี่ไฮถึงช่วยให้คนที่ถูกเลือกมากลายเป็นระดับเทพเจ้าได้ ที่แห่งนี่เป็นเหมือนกับคลังทรัพยากร ด้วยทรัพยากรที่มีอยู่ การจะช่วยให้คนๆหนึ่งกลายเป็นระดับเทพเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

 

เป่าเอ๋อกำลังมองไปที่ดอกไม้และต้นหญ้าที่อยู่รอบๆด้วยความสนใจ พวกมันไม่ได้ดูพิเศษอะไร แต่หานเซิ่นรู้จักเป่าเอ๋อดี เขาสามารถบอกได้ว่าเธอกำลังเตรียมตัวจะทำอะไรบางอย่าง

 

ยานของพวกเขายังคงบินต่อไปข้างหน้า หลังจากผ่านไปสักพักหานเซิ่นก็เริ่มจะคิดว่าในสถานที่แห่งนี้มีปัญหากับการไหลของเวลา เขาไม่สามารถระบุได้ว่ามันผ่านมานานเท่าไหร่แล้วตั้งแต่ที่เข้ามาดินแดนแห่งนี้

 

ยานของพวกเขาเข้าไปใกล้กับภูเขาที่ถูกปกคลุมด้วยก้อนเมฆขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อพวกเขาเข้าไปในระยะของมัน ในที่สุดหานเซิ่นก็เห็นว่าปราสาทที่ตั้งอยู่บนยอดของภูเขา เมฆบางๆบดบังมันราวกับภาพของสรวงสวรรค์

 

เมื่อยานของพวกเขาลงจอดที่ตีนภูเขา หานเซิ่นก็สังเกตเห็นบันไดหินที่ทอดยาวขึ้นไปจนถึงปราสาทหินที่อยู่บนยอด ชายเผ่าเวรี่ไฮคนหนึ่งกำลังเดินลงบันไดหินนั่นมา

 

“เอ็กซ์ควิสิท เจ้ากลับมาแล้ว!”

 

“พี่สอง” เอ็กซ์ควิสิทก้าวลงจากยานและโค้งคำนับต่อหน้าชายคนนั้น

 

ชายคนนั้นโบกมือเพื่อบอกให้เธอเงยหน้าขึ้น เขามองไปที่หานเซิ่นและเห็นเป่าเอ๋อนั่งอยู่บนไหล่
“น้องสาม ทำไมเจ้าถึงพามาสองคน? คนไหนกันที่เป็นตัวไหมของเจ้า?”

 

“เขาคือหานเซิ่น ข้าเลือกเขา ส่วนนั่นลูกสาวของเขา เขาพานางมาด้วยก็เพราะว่าไม่มีใครคอยดูแลนางในตอนที่เขาไม่อยู่” เอ็กซ์ควิสิทอธิบาย

 

ชายคนนั้นพยักหน้าและหันมามองที่หานเซิ่นกับเป่าเอ๋อ หลังจากนั้นเขาก็หันไปบอกกับเอ็กซ์ควิสิท
“แท่นบูชาถูกเตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว พวกเราทำพันธสัญญาได้ตอนนี้เลย”

 

เอ็กซ์ควิสิทพยักหน้าและหันมาพูดกับหานเซิ่น “พวกเจ้าตามข้ามา และอย่าได้ออกห่างจากข้า”

 

หานเซิ่นพยักหน้า เขาก้าวลงจากยาน ทันทีที่เขาเหยียบลงบนพื้น เขาก็รู้สึกราวกับว่าถูกทับโดยภูเขาทั้งลูก เขาเคลื่อนไหวได้ช้าลงกว่าปกติ

 

“สภาพแวดล้อมของเอาท์เตอร์สกายนั้นแตกต่างไปจากจักรวาลภายนอก เจ้าต้องทำความเคยชินกับมัน” เอ็กซ์ควิสิทบอกหานเซิ่น

 

หานเซิ่นพยักหน้าและตามเอ็กซ์ควิสิทขึ้นบันไดหินไปอย่างเงียบๆ

 

“น้องสาม เจ้าจะเลือกไผ่เดียวดายของเผ่านภาไม่ใช่หรอ ทำไมเจ้าถึงได้เลือกคริสตัลไลเซอร์คนหนึ่งแทน? ร่างกายของคริสตัลไลเซอร์นั้นเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง พวกเขาพัฒนาได้ไม่มาก…” ชายคนนั้นพูดกับเอ็กซ์ควิสิทขณะที่พวกเขาเดินขึ้นบันไดไป เขาไม่พูดจาอ้อมค้อม

 

‘ทำไมหมอนี่ถึงดูไม่เหมือนกับคนเผ่าเวรี่ไฮเลย?’ หานเซิ่นสงสัยขณะที่เขาตรวจเช็คชายคนนั้น คำดูถูกของชายคนนั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไร

 

ชายคนนี้ดูแตกต่างไปจากหลี่เคอเอ๋อ ปี้ซีและเอ็กซ์ควิสิท บอกตามตรงเขาดูค่อนข้างธรรมดาๆ เขาไม่ได้ดูเย็นชาเหมือนอย่างเวรี่ไฮคนอื่นที่หานเซิ่นเคยเจอ

 

เอ็กซ์ควิสิทพูดบางสิ่งที่กำกวม เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อยากจะพูดคุยกับเขา

 

เมื่อพวกเขาทั้งสี่คนเดินไปประมานครึ่งทาง ที่นั่นพวกเขาก็พบกับศาลาหิน ชื่อของศิลาหินนั้นถูกเขียนเอาไว้ว่า “ชะตากรรมครึ่งชีวิต”

 

หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร ชายคนนั้นโบกมือเรียกหานเซิ่นและพูด
“เจ้ามาที่นี่เพื่อเป็นตัวไหมของเอ็กซ์ควิสิทใช่ไหม? จากกฎของเผ่าเวรี่ไฮ มีแค่คนที่มีพรสวรรค์ระดับเก้าเปลือกขึ้นไปเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ทำพันธสัญญา ให้ข้าได้ทำการทดสอบเจ้า”

 

ชายคนนั้นดูเหมือนจะไม่รู้ว่าหานเซิ่นถูกทดสอบเรียบร้อยแล้ว ชายคนนั้นพาหานเซิ่นเข้าไปในศาลาและเปิดฝาภาชนะหินที่วางอยู่บนโต๊ะหิน เมื่อฝาถูกเปิดออก หานเซิ่นก็เห็นก็อตสปิริตทัชตัวหนึ่งนอนอยู่ภายในภาชนะ

 

“มอบเลือดของเจ้าให้กับก็อตสปิริตทัชและรอผลการทดสอบ” ชายคนนั้นพูดขณะที่ชี้ไปที่ก็อตสปิริตทัช

 

“พี่สอง มันไม่มีความจำเป็นต้องทดสอบเขา ปี้ซีได้ทดสอบเขาด้วยก็อตสปิริตทัชเรียบร้อยแล้ว เขามีพรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือก” เอ็กซ์ควิสิทพูด

 

“พรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือก? แต่เขาเป็นแค่คริสตัลไลเซอร์ เขาไม่มีทางมีพรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือกไปได้ เจ้าคงจะต้องล้อเล่นแน่ๆ หรือไม่อย่างนั้นปี้ซีก็คงจะทำข้อผิดพลาดบางอย่าง? แม้แต่พวกเราเผ่าเวรี่ไฮก็ยังยากจะให้กำเนิดผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือก เผ่าคริสตัลไลเซอร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง… ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาจำเป็นต้องทำการทดสอบ” ชายคนนั้นพูดออกมารัวราวกับเป็นปืนกล

 

หานเซิ่นไม่ได้ให้ความสนใจการพูดของชายคนนั้น เขาเดินเข้าไปหาภาชนะหินและบีบเลือกหยดหนึ่งลงไปให้กับก็อตสปิริตทัช

 

ดวงตาของเอ็กซ์ควิสิทจับจ้องไปที่ก็อตสปิริตทัช ถึงแม้เธอจะพูดออกมาแบบนั้น แต่เธอเองก็อยากรู้เหมือนว่าการทดสอบก่อนหน้านี้มันถูกต้องจริงๆหรือเปล่า การพูดออกไปว่าหานเซิ่นมีพรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือกยังคงเป็นอะไรที่ฟังดูน่าหัวเราะ ดังนั้นเธอจึงอยากให้หานเซิ่นทำการทดสอบเป็นครั้งที่สองเพื่อความแน่ใจ

 

ชายคนนั้นจ้องไปที่ก็อตสปิริตทัชเช่นเดียวกัน เขาไม่เชื่อว่าคริสตัลไลเซอร์คนหนึ่งจะมีพรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือก เขาเชื่อว่ามันต้องอะไรผิดพลาดในตอนที่ปี้ซีทดสอบหานเซิ่น

 

พวกเขาทุกคนจ้องไปที่ก็อตสปิริตทัชอย่างตั้งใจ แต่หลังจากที่ก็อตสปิริตทัชดื่มเลือดเข้าไปแล้ว มันก็หยุดเคลื่อนไหว พวกเขามองดูอยู่สักพัก แต่มันก็ยังคงนิ่งสนิท มันไม่แม้แต่จะลอกเปลือกแม้แต่เปลือกเดียว

 

เอ็กซ์ควิสิทประหลาดใจ แม้แต่ชายคนนั้นก็คิดว่ามันแปลกๆ เพราะไม่ว่าคริสตัลไลเซอร์จะมีพรสวรรค์แย่สักแค่ไหน มันก็ไม่มีทางที่ก็อตสปิริตทัชจะไม่ลอกเปลือกเลย

 

“แปลกจริงๆ นี่มันมีปัญหาบางอย่างกับก็อตสปิริตทัชอย่างนั้นหรอ?”
ชายคนนั้นยื่นมือออกไปหยิบก็อตสปิริตทัชขึ้นมา ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความสับสนขณะที่พูดขึ้นมา “มันก็ไม่มีอะไรผิดปกตินิ มันยังเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไงกัน?”

 

“เจ้าลองให้เลือดมันอีกหยด” เขาหันมาบอกหานเซิ่นหลังจากที่ตรวจเช็คก็อตสปิริตทัชเสร็จแล้ว หานเซิ่นเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงบีบเลือดอีกหยดให้กับก็อตสปิริตทัช

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset