Super God Gene – ตอนที่ 2672

14/1/2020

ตอนที่ 2672 การประลองเริ่มต้น

 

หุบเขาที่เป็นสถานที่จัดการประลองนั้นเป็นแอ่งขนาดใหญ่ในเอาท์เตอร์สกาย ทั้งแอ่งมีรูปร่างเหมือนกับถ้วนขนาดมหึมา มันล้อมไปด้วยภูเขาที่สูงเสียดฟ้า ภูมิประเทศของแอ่งนั้นเป็นอะไรที่ซับซ้อน ตัวไหมทุกคนจะประลองกันภายในหุบเขาแห่งนี้ หลี่เคอเอ๋อและหานเซิ่นไปถึงหุบเขาก่อนที่การประลองจะเริ่มต้นขึ้นอย่างฉิวเฉียด เมื่อเอ็กซ์ควิสิทเห็นพวกเขา เธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ

 

เธอคาดคิดว่าหานเซิ่นจะพ่ายแพ้อย่างน้อยหนึ่งครั้งในการต่อสู้ แต่ถ้าเขาไม่มาเข้าร่วมการประลองเลย คนของเผ่าเวรี่ไฮก็จะเกลียดชังเขายิ่งไปกว่าเดิม

 

เนื่องจากถึงเวลาที่ตัวไหมทุกคนจะต้องเข้าไปในหุบเขาแล้ว ดังนั้นเอ็กซ์ควิสิทจึงไม่ได้ถามอะไรหานเซิ่น เธอปล่อยให้เขาเข้าไปในแอ่งเพื่อร่วมการประลอง

 

ในจังหวะที่หานเซิ่นก้าวเข้าไปในหุบเขา ทั้งหุบเขาก็ถูกปิดผนึกด้วยบาเรีย ใบเสมาจะป้องกันพลังทำลายล้างของผู้เข้าร่วมการประลองเล็ดลอดออกไปจากหุบเขา แต่มันไม่ได้หยุดร่างกายของผู้เข้าประลองจากการเทเลพอร์ตออกมา ตัวไหมสามารถเทเลพอร์ตออกมาจากบาเรียได้ แต่มันจะถือว่าพวกเขาพ่ายแพ้

 

ในตอนที่การประลองระหว่างตัวไหมเริ่มต้นขึ้น มีคนของเผ่าเวรี่ไฮไม่กี่คนเท่านั้นที่มาดูการต่อสู้ มันมีเพียงแค่เจ้านายของตัวไหมทั้งสิบสองเท่านั้นที่จะมาดูด้วยตัวเอง

 

คนของเวรี่ไฮที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์นั้นไม่มีความสนใจการแข่งขันแบบนี้ ส่วนคนอื่นๆพวกเขามีวิธีการจะดูการประลอง มันไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาต้องมาที่หุบเขา

 

มีเพียงแค่เจ้านายของตัวไหมเท่านั้นที่จะมาดูการประลองอย่างใกล้ชิด พวกเขาจำเป็นต้องมาอยู่ใกล้ๆเพื่อจะได้รับประสบการณ์การต่อสู้ของตัวไหม

 

“ในที่สุดมันก็เริ่มต้นขึ้น ตอนนี้ถ้าตัวไหมทั้งสิบเอ็ดคนพบหานเซิ่น พวกเขาก็จะต่อสู้อย่างเต็มที่” หลี่เสวี่ยเฉิงหัวเราะออกมา

 

“แน่นอนอยู่แล้ว พวกเราจงใจทำให้คนอื่นเชื่อว่าหานเซิ่นที่เป็นระดับราชันขั้นที่เก้านั้นเป็นรองเพียงแค่เชลเท่านั้น ตัวไหมคนอื่นที่เป็นระดับครึ่งเทพคงจะไม่พอใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงแม้พวกเขาจะเป็นคนจิตใจดี แต่นี่ก็จะยังคงทำให้พวกเขาเข้าสู่อารมณ์การแข่งขันถูกไหม?” หลี่อวี้เจินหลี่ตาของเขา

 

“หานเซิ่นอาจจะตกรอบซะก่อนที่จะได้ประลองกับเชลด้วยซ้ำ” หลี่เสวี่ยเฉิงพยักหน้าแสดงความเห็นด้วย

 

หลังจากที่หานเซิ่นเข้าไปในหุบเขา เขาก็ไม่ได้รีบร้อนจะไปหาตัวไหมคนอื่นๆ หุบเขาแห่งนี้มันใหญ่โตเหมือนกับดวงดาว แต่สำหรับระดับครึ่งเทพหรือระดับเทพเจ้า สนามประลองแบบนั้นไม่ถือว่าใหญ่จนเกินไป มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่ตัวไหมแต่ละคนจะหาตำแหน่งของตัวไหมคนอื่น

 

แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลที่ปะทุขึ้นข้างหน้า ดูเหมือนว่าใครบางคนจะเริ่มการต่อสู้เรียบร้อยแล้ว

 

“พลังนี่มันของอวี้ซ่านซินหนิ” ทันทีที่หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงพลังนั้น เขาก็รีบตรงเข้าไปในสถานที่ที่เกิดการต่อสู้ขึ้น

 

เนื่องจากจุดที่เกิดการต่อสู้อยู่ไม่ไกล ดังนั้นหานเซิ่นจึงไปถึงที่นั่นอย่างรวดเร็ว ที่นั่นเขาเห็นอวี้ซ่านซินและเอ็กซ์ตรีมคิงระดับครึ่งเทพคนหนึ่งกำลังยืนอยู่บนภูเขาคนละลูก พวกเขามองหน้ากันอย่างนิ่งสนิท สิ่งที่เคลื่อนไหวอย่างเดียวคือพลังของพวกเขาที่กำลังสั่นสะเทือนภูเขารอบๆ

 

หานเซิ่นจดจำคู่ต่อสู้ของอวี้ซ่านซินได้ จากข้อมูลที่เขาได้รับเอ็กซ์ตรีมคิงคนนี้มีชื่อว่ากรู ถึงแม้เขาจะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันกับราชาไป๋ แต่ร่างกายแห่งราชันของเขาก็แข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าคนในราชวงศ์ เขามีพรสวรรค์ระดับเก้าเปลือกและเป็นนักสู้ที่มีประสบการณ์สูง เขาเชี่ยวชาญในการใช้ดาบ

 

ในจังหวะนี้กรูกำลังถือดาบใหญ่อยู่ในมือ ร่างกายของเขาก็พลุ่งพล่านไปด้วยจิตแห่งดาบที่ทรงพลัง และก่อนที่อาวุธของเขาจะเคลื่อนไหว จิตแห่งดาบของเขาก็ตรงเข้าไปหาอวี้ซ่านซินเรียบร้อยแล้ว

 

หานเซิ่นขมวดคิ้ว จิตแห่งดาบของกรูไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้ฝึกมันจนถึงระดับเทพเจ้า กรูเป็นครึ่งเทพที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง ไม่แปลกใจเลยที่คนของเผ่าเวรี่ไฮเลือกเขาเป็นตัวไหม

 

ส่วนพลังของอวี้ซ่านซินเป็นอะไรที่ยากจะหยั่งถึง บางครั้งมันจะคลุ้มคลั่งเหมือนกับไฟ และในบางครั้งมันจะสงบราวกับน้ำนิ่ง มันทำให้เป็นเรื่องยากที่จะระบุว่าเขามีพลังแบบไหนกันแน่

 

‘โชคดีที่เราได้ดูการต่อสู้นี้ มันหมายความว่าเราจะได้สังเกตอวี้ซ่านซินและดูว่าวิถีเอ็กซ์ตรีมอีวิลของเขาทำอะไรได้’ หานเซิ่นยังคงรักษาระยะห่างจากการต่อสู้เพื่อสังเกตการณ์

 

“อวี้ซ่านซิน ข้าได้ยินมาว่าเจ้าถูกเรียกว่าเป็นครึ่งเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล ข้าขอดูหน่อยว่าวิถีเอ็กซ์ตรีมอีวิลของเจ้านั้นพิเศษยังไง” กรูมองไปที่อวี้ซ่านซินอย่างเย็นชาขณะที่พูดออกมา

 

กรูนั้นไม่ชอบอวี้ซ่านซินด้วยเหตุผลง่ายๆเหตุผลเดียว เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นควรจะเป็นหนึ่งในสามเผ่าพันธุ์สูงสุดของจักรวาล แต่พวกเขากลับไม่มีครึ่งเทพคนไหนที่แข็งแกร่งเหมือนอย่างอวี้ซ่านซินของปราสาทนภา ตอนนี้การประลองระหว่างตัวไหมมอบโอกาสให้เขาได้ต่อสู้กับอวี้ซ่านซิน ความจริงแล้วเขาต้องการจะใช้โอกาสนี้เพื่อฆ่าอวี้ซ่านซินซะ

 

“ผู้คนพูดเวอร์กันเกินไป ข้าเชื่อว่าคำพูดเหล่านั้นไม่เป็นความจริง เมื่อเทียบกับเอ็กซ์ตรีมคิงที่เลื่องชื่อแล้ว ข้าไม่โด่ดเด่นอะไร” อวี้ซ่านซินพูดด้วยรอยยิ้ม

 

กรูไม่คิดจะปล่อยอวี้ซ่านซินไปง่ายๆ จิตแห่งดาบของเขาพลุ่งพล่านออกมาขณะที่เขาแกว่งดาบเหล็ก ดาบแสงถูกปล่อยออกไปในทิศทางของอวี้ซ่านซิน

 

การประลองระหว่างตัวไหมในครั้งนี้ไม่อนุญาตให้ใช้สมบัติซีโน่เจเนอิค ดังนั้นดาบใหญ่เหล็กนั่นจะต้องเป็นอาวุธจีโนของกรู ขณะที่ดาบแสงพุ่งผ่านอากาศไป แม้แต่หานเซิ่นก็ยังประหลาดใจกับพลังของมัน วิชาดาบและจิตแห่งดาบของเอ็กซ์ตรีมคิงคนนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าของเขาเลย

 

แต่หานเซิ่นไม่คิดว่าการฟันนี้จะเอาชนะอวี้ซ่านซินได้ เขาจับจ้องไปที่อวี้ซ่านซินโดยต้องการจะดูว่าชายคนนั้นจะรับมือกับการโจมตีนี้ยังไง

 

ร่างกายของอวี้ซ่านซินยังคงไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว ในตอนที่ดาบแสงมาถึง อวี้ซ่านซินก็ยื่นมือทั้งสองข้างออกมาราวกับว่าเขาต้องการจะจับดาบแสงเอาไว้

 

ดาบแสงถูกหยุดไปเมื่อเผชิญกับมือของอวี้ซ่านซิน แต่แรงจากการฟันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ถึงแม้มือของอวี้ซ่านซินจะรับการโจมตีเอาไว้ได้ แต่แรงของมันก็ยังคงส่งร่างกายของเขากระเด็นออกไป

 

ปัง!

อวี้ซ่านซินถูกผลักผ่านบาเรียออกไป และทำให้เขาตกรอบในการประลองระหว่างตัวไหม

 

การประลองระหว่างตัวไหมมีกฎอยู่หลายข้อ แต่มันมีอยู่ข้อหนึ่งที่ผู้เข้าร่วมการประลองทุกคนรู้ดี ซึ่งก็คือเรื่องที่คนที่ออกจากหุบเขาเป็นคนแรกจะได้อันดับสุดท้าย อวี้ซ่านซินถูกผลักกระเด็นออกไปจากหุบเขาในทันทีที่การประลองเริ่มต้นขึ้น และเขาจะได้อันดับที่สิบสองของการประลอง

 

หานเซิ่นรู้สึกมึนงง “นี่อวี้ซ่านซินเป็นบ้าอะไร? กรูแข็งแกร่งมากก็จริง แต่มันไม่มีทางที่อวี้ซ่านซินจะด้อยกว่า เขาถูกส่งกระเด็นออกไปด้วยการโจมตีแบบนั้นได้ยังไง? เขาต้องจงใจให้เป็นแบบนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลย ถึงแม้เขาจะไม่ได้อันดับที่หนึ่ง แต่มันก็ยังมีรางวัลอีกมากมายที่เขาจะได้รับจากการติดอันดับหนึ่งในห้า ทำไมเขาถึงได้ยอมแพ้ง่ายๆแบบนั้น?”

 

กรูเองก็ไม่เชื่อว่าอวี้ซ่านซินจะอ่อนแอแบบนั้นเช่นเดียวกัน ชายคนนั้นถูกส่งกระเด็นออกจากบาเรียไปโดยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

 

แต่อวี้ซ่านซินออกไปจากหุบเขาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นกรูไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้  หลังจากนั้นเขาก็หันมามองที่หานเซิ่นแทน

 

“ถ้าอวี้ซ่านซินขี้ขลาดเกินกว่าจะต่อสู้กับข้าอย่างจริงจัง แบบนั้นเจ้าก็มาต่อสู้กับข้าแทน เจ้าเองก็มาจากปราสาทนภาเหมือนกัน มันเป็นเรื่องดีที่จะทดสอบความกล้าหาญของพวกเจ้า” กรูพูดขณะที่มองไปที่หานเซิ่น

 

หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วขนาดนี้ ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็กลายเป็นคู่ต่อสู้ของกรูไปเรียบร้อยแล้ว

 

แต่หานเซิ่นไม่ได้พยายามจะหนี เขาสามารถถอยไปได้ตราบใดที่ไม่ออกไปจากหุบเขา หานเซิ่นตันสินใจเรียกปืนคู่ของมนตราออกมาแทน

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset