Super God Gene – ตอนที่ 2673

เมื่อเห็นหานเซิ่นเตรียมตัวจะต่อสู้ คนของเผ่าเวรี่ไฮที่มองดูการประลองอยู่ก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นมา ถึงแม้เวรี่ไฮหลายคนจะมั่นใจว่าหานเซิ่นจะพ่ายแพ้ในการประลอง แต่ลึกๆแล้วพวกเขาก็ยังหวังให้หานเซิ่นเป็นผู้ชนะ พวกเขาภาวณาว่าถึงแม้จะไม่มีสมบัติ หานเซิ่นก็ยังคงมีไพ่ตายอย่างอื่นอยู่อีก

 

“ในบรรดาตัวไหมทั้งสิบสอง พลังของกรูถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง เขาถือเป็นคนที่เหมาะสมที่จะตัดสินถึงความแข็งแกร่งของหานเซิ่น” หลี่อวี้เจินดูตื่นเต้นขึ้นมาขณะที่มองไปที่วิดีโอถ่ายทอดสด

 

หลี่เสวี่ยเฉิงดูกังวลและพูด “ตราบใดที่หานเซิ่นไม่ได้อันดับที่หนึ่ง ใครจะได้บัลลังก์อันทรงเกียรตินั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ข้าคิดว่าพวกเราอาจจะชะล่าใจเกินไปกับการเดิมพันนี้ เพราะแม้แต่ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายก็ยังเดิมพันด้วยอัญมณีโอเพ่นสกายว่าหานเซิ่นจะได้อันดับที่หนึ่ง นั่นเป็นอะไรที่แปลก… ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายรู้ว่าการประลองระหว่างตัวไหมในครั้งนี้จะไม่อนุญาตให้ใช้สมบัติซีโน่เจเนอิค แบบนั้นทำไมเขายังเดิมพันข้างหานเซิ่นอีก? ถ้าพวกเราแพ้การเดิมพัน พวกเราจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเรามี”

 

“อย่าได้กังวล มันไม่สำคัญว่าใครจะเดิมพันข้างหานเซิ่น เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเชล” หลี่อวี้เจินพูดราวกับว่าพยายามทำให้ตัวเองความมั่นใจเช่นเดียวกับหลี่เสวี่ยเฉิง

 

ความจริงที่ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายวางเดิมพันข้างหานเซิ่นนั้นทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ

 

ในขณะเดียวกันผู้อาวุโสโอเพ่นสกายยิ้มออกมาขณะที่มองดูหานเซิ่นกับกรูต่อสู้กัน หลี่ฉียวี่ที่เป็นผู้อาวุโสของเผ่าเวรี่ไฮมองไปที่ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายและพูด
“นี่เจ้าเดิมพันว่าหานเซิ่นจะชนะการประลองด้วยอัญมณีโอเพ่นสกายจริงๆอย่างนั้นหรอ? เจ้ารู้ตัวใช่ไหมว่าการประลองในครั้งนี้ถูกฉ้อโกงให้เชลเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบน่ะ?”

 

“ข้ารู้” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายยิ้มและพยักหน้า สีหน้าของเขาไม่สั่นคลอดเลย

 

“ถ้าเจ้ารู้ ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้? เจ้าเพิ่งจะมอบสิ่งที่ล้ำค่าให้กับหลี่เสวี่ยเฉิงและหลี่อวี้เจิน” ผู้อาวุโสฉียวี่มองไปที่ผู้อาวุโสโอเพ่นสกาย

 

ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายหัวเราะและพูด “เจ้ารู้มาโดยตลอดว่าข้าต้องการอีวิลดราก้อนออร์บที่เป็นของพ่อหลี่อวี้เจิน แต่เขาหวงมันอย่างมาก ด้วยเหตุนั้นข้าจำเป็นต้องคิดนอกกรอบ ถ้าหลี่อวี้เจินแพ้การเดิมพันในครั้งนี้ เจ้าคิดว่าเขาจะหาสิ่งที่มีค่าเทียบเท่ากับอัญมณีโอเพ่นสกายได้ด้วยตัวเขาเองอย่างนั้นหรอ? ด้วยเหตุนั้นเขาต้องไปพบพ่อของเขา เขาจะต้องยอมมอบอีวิลดราก้อนออร์บให้กับข้าอย่างไม่ต้องสงสัย”

 

“แต่เชลเข้าร่วมการประลองนี่ด้วย แบบนั้นพวกเขาจะแพ้การเดิมพันได้ยังไง?” ผู้อาวุโสฉียวี่ไม่เข้าใจผู้อาวุโสโอเพ่นสกาย

 

“ถ้าเกิดว่าเชลต่อสู้ได้อย่างไม่เต็มกำลังล่ะ?” ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายยิ้มขณะที่พูดอออกมา

 

“ต่อสู้ได้อย่างไม่เต็มกำลัง? เจ้าหมายความว่ายังไง?” ผู้อาวุโสฉียวี่ถามด้วยความสับสน

 

ผู้อาวุโสโอเพ่นหัวเราะและพูด “จำเรื่องที่เชลไปที่ทะเลสาบปีศาจเพื่อล่าซีโน่เจเนอิคได้ไหม? ข้ามีธุระต้องไปที่นั่นในเวลาเดียวกัน และข้าก็เห็นเชลได้รับของที่มีค่าบางอย่าง”

 

“เขาได้รับอะไรจากทะเลสาบปีศาจ?”
ผู้อาวุโสฉียวี่สงสัย แต่หลังจากนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง “นี่เขาได้รับผลไม้ปีศาจอย่างนั้นหรอ?”

 

ผู้อาวุโสโอเพ่นพยักหน้าและหัวเราะ “ข้าเห็นเชลกำลังถือผลไม้ปีศาจอยู่ในมือ หลังจากนั้นข้าก็มองดูเขากินมันเข้าไป”

 

ผู้อาวุโสมองหุบเขาในวิดีโอด้วยความแปลกใจ เขาพยายามจะมองหาตำแหน่งของเชล และขณะที่เขาทำอย่างนั้น เขาก็พูดขึ้นมา
“นั่นหมายความว่าเชลตกลงมาจากระดับเทพเจ้าอย่างนั้นหรอ?”

 

“แน่นอนอยู่แล้ว ผลไม้ปีศาจเป็นสมบัติจากโลกปฏิสสาร แม้แต่คนที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิดก็ทนต่อผลของมันไม่ได้ เชลถูกลดระดับจากระดับเทพเจ้ามาสู่ระดับราชัน ถึงแม้เชลจะกลายเป็นระดับราชัน แต่ศักยภาพของเขาก็เพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ เขาเป็นมีพรสวรรค์ระดับสิบเปลือก ดังนั้นหลังจากที่กินผลไม้ปีศาจเข้าไป เขาเสียสละระดับเทพเจ้าเพื่อแลกกับพรสวรรค์อีกเปลือกหนึ่ง ถึงแม้พรสวรรค์ระดับสิบเอ็ดเปลือกของเขาจะไม่ใช่ของจริงเหมือนอย่างในตำนาน แต่มันก็เป็นระดับพรสวรรค์ที่หาได้ยากมากๆ”

 

หลังจากหยุดไปชั่วครู่ ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายก็พูดต่อ “ตอนนี้เมื่อเขากินผลไม้ปีศาจเข้าไป มันต้องใช้เวลาอีกนานก่อนที่เขาจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าอีกครั้ง ตอนนี้มันมีโอกาสสูงที่หานเซิ่นจะชนะการต่อสู้ในครั้งนี้”

 

“ถ้าเจ้ารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทำไมเจ้าไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้? ถ้าข้ารู้ ข้าก็คงจะเพิ่มเดิมพันไปอีก ข้าชื่นชอบการสร้างปัญหาให้กับหลี่อวี้เจินและหลี่เสวี่ยเฉิง”

 

ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายยิ้มและพูด “มันยังคงเป็นการเดิมพัน ถึงแม้เชลจะไม่ใช่ระดับเทพเจ้าอีกแล้ว แต่เขายังคงมีจิตใจระดับเทพเจ้า ข้าไม่แน่ใจว่าหานเซิ่นจะเป็นฝ่ายชนะ แถมตัวไหมคนอื่นก็ไม่ใช่พวกที่อ่อนแอเช่นกัน โชคดีที่อวี้ซ่านซินถอนตัวออกจากการประลองตั้งแต่เริ่มต้น ไม่อย่างนั้นโอกาสที่หานเซิ่นจะได้รับอันดับที่หนึ่งก็คงจะน้อยลงไปอีก”

 

ผู้อาวุโสฉียวี่คิดเกี่ยวกับมันและได้ข้อสรุปว่าที่ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายพูดนั้นถูกต้อง ถึงแม้เชลจะไม่ใช่ระดับเทพเจ้าอีกแล้ว แต่หานเซิ่นก็อาจจะไม่ได้รับอันดับที่หนึ่ง ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายเสี่ยงเดิมพันกับมัน แต่ผลของการประลองยังคงไม่แน่นอน

 

จิตแห่งดาบของกรูสั่นสะเทือนทั้งฟ้า ดาบใหญ่ฟันออกไปในทิศทางของหานเซิ่นแบบเดียวกันกับที่ฟันใส่อวี้ซ่านซินก่อนหน้านี้

 

ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีนั้นด้วยตัวเอง เขาก็รู้สึกตัวว่ามันน่ากลัวถึงขนาดไหน

 

ดาบแสงที่พุ่งเข้ามาทรงพลังราวกับว่าทั้งกาแล็กซี่จะถล่มภายใต้น้ำหนักของมัน และหานเซิ่นจะต้องรับการโจมตีนั้นด้วยร่างกายเท่านั้น

 

‘อวี้ซ่านซินใช้มือรับดาบแสงนั่น ความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเราเลย อวี้ซ่านซินเป็นผู้ชายที่น่ากลัวจริงๆ’ หานเซิ่นคิด

 

ในตอนที่ดาบแสงมาถึง ร่างกายของหานเซิ่นก็แว๊บหายไป ตอนนี้การโจมตีของกรูฟันถูกอากาศที่ว่างเปล่า หานเซิ่นใช้ก็อตส์วอนเดอร์เพื่อหลบหลีกมัน

 

หานเซิ่นไปปรากฎตัวอีกด้านหนึ่ง แต่ทว่าทันทีที่เขาปรากฎตัวออกมา เขาก็พบว่าเอ็กซ์ตรีมคิงคนนั้นเทเลพอร์ตมาฟันใส่เขาอีกครั้งหนึ่ง

 

ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงเทเลพอร์ตอีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นในตอนที่เขาปรากฏตัวออกมา เขาก็พบว่าดาบแสงถูกฟันเข้ามาหาเขา เขาเทเลพอร์ตอย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็ยังไม่สามารถสลัดการโจมตีของกรูได้

 

‘แปลกจริงๆ เขาคาดเดาตำแหน่งการเทเลพอร์ตของเราได้ยังไงกัน?’
หานเซิ่นขมวดคิ้ว ก็อตส์วอนเดอร์ของเขาไม่ได้ดีเหมือนอย่างหลี่เคอเอ๋อหรือเอ็กซ์ควิสิท แต่เขาก็สามารถเทเลพอร์ตในระยะสั้นๆได้อย่างเชี่ยวชาญ ในระยะสั้นๆเขาจะไปที่ไหนก็ได้ที่เขาต้องการ

 

แต่กรูสามารถเทเลพอร์ตไล่ตามเขาได้ทัน แค่ความจริงเรื่องนี้ก็มากพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงความร้ายกาจของชายคนนี้

 

หานเซิ่นไม่ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับกรูมากนัก และเขาก็ไม่รู้ว่าชายคนนี้มีพลังแบบไหนกันแน่ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงรู้สึกสับสนเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้

 

“ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น? กรูคาดเดาตำแหน่งที่หานเซิ่นจะเทเลพอร์ตไปได้ยังไงกัน?” หลี่เคอเอ๋อแปลกใจเช่นกัน

 

เอ็กซ์ควิสิทขมวดคิ้วขณะที่เธอพยายามจะวิเคราะห์การต่อสู้ของทั้งสองคน
“ถ้าข้าดูไม่ผิดล่ะก็ กรูไม่ได้คาดเดาตำแหน่งการเทเลพอร์ตของหานเซิ่น แต่เขาตรวจจับหานเซิ่นด้วยพลังอาณาเขตของเขาแทน”

 

“พลังอาณาเขต? อาณาเขตของกรูเป็นธาตุดาบไม่ใช่หรอ?”
หลี่เคอเอ๋อถามขณะที่พยายามนึกเกี่ยวกับมัน ในข้อมูลของกรูนั้นบอกว่าอาณาเขตของเขาเป็นอาณาเขตธาตุดาบ และร่างกายแห่งราชันของเขาก็เป็นธาตุดาบเช่นเดียวกัน พวกมันจะทำให้วิชาดาบของเขาทรงพลังขึ้น

 

“มันเป็นธาตุดาบ แต่มันเป็นอาณาเขตธาตุดาบที่พิเศษ” เอ็กซ์ควิสิทพูด

 

หานเซิ่นยังคงเทเลพอร์ตต่อไป แต่เขาไม่สามารถหนีจากดาบแสงของกรูได้ เขาจึงตัดสินใจเทเลพอร์ตออกไปในระยะที่ไกลขึ้นเพื่อสร้างระยะห่างระหว่างกรูกับตัวเขา

 

ครั้งนี้กรูไม่ได้ไล่ตามมาฟันใส่เขา และหานเซิ่นก็รู้สึกตัวในทันทีว่ากรูคาดเดาการเคลื่อนไหวของเขาได้ยังไง ถ้าการโจมตีของชายคนนั้นมีฟังก์ชั่นการติดตามเป้าหมายโดยอัตโนมัติอย่างที่หานเซิ่นคิดไว้ตอนแรก แบบนั้นการโจมตีของกรูก็จะต้องติดตามเขาไป ไม่ว่าเขาจะเทเลพอร์ตไปไกลสักแค่ไหน

 

“เจ้ามีอาณาเขตที่ทรงพลัง มันเรียกว่าอะไร?” หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่กรู เขาสามารถบอกได้ว่าทั้งหมดนี่เป็นผลจากพลังอาณาเขตของกรู

 

“อาณาเขตซอร์ดฮาร์ท ดาบของข้าจะตรงเข้าสู่หัวใจ ภายใต้พลังของอาณาเขตนี้ ข้าจะสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหน ภายในอาณาเขตของข้าไม่มีเป้าหมายไหนหนีจากดาบของข้าได้ แม้แต่ศัตรูที่ล่องหนก็ยังถูกมองเห็นได้ในอาณาเขตของข้า” กรูพูด

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset