Super God Gene – ตอนที่ 2683

หมัดแรกพุ่งออกไปข้างหน้า และเงาที่ตามหลังมันมาดูเหมือนกับสิงโต หานเซิ่นไม่มีแม้แต่เวลาจะหลบหลีก เงาสิงโตที่น่ากลัวเข้ามาถึงตัวเขาเรียบร้อยแล้ว หานเซิ่นยังคงดูสงบนิ่ง เขาเปลี่ยนมนตราเป็นชุดเกราะเพื่อปกป้องร่างกายของตัวเอง และเขาก็ใช้ก็อตส์วอนเดรอ์เพื่อจะเทเลพอร์ตหนีไป

 

ทันใดนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกราวกับว่ามิติของอวกาศรอบๆตัวถูกปิดผนึก เขาไม่สามารถเทเลพอร์ตไปได้ เขาทำได้แต่มองดูหมัดเงาสิงโตคลั่งตรงเข้ามาหาเขา

 

หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขารวบรวมพลังในกำปั้นและชกหมัดไปปะทะกับหมัดเงาสิงโต

 

แต่หมัดของหานเซิ่นทะเลผ่านหมัดเงาสิงโตไป มันเหมือนกับว่าหมัดเงาสิงโตนั้นเป็นเพียงแค่เงาจริงๆ

 

ในตอนที่หมัดเงาสิงโตถูกตัวของหานเซิ่น มันไม่ได้หนักหน่วงเหมือนอย่างที่เขาคิดเอาไว้ หมัดนั้นเข้าไปในร่างกายของหานเซิ่นและหายไป

 

ตูม!

ตัวตนของหานเซิ่นเปลี่ยนเป็นสีดำ และรูปลักษณ์ของเขาก็บิดเบี้ยวจนกระทั่งเขาเริ่มจะดูเหมือนกับเชล ทั้งร่างกายของเขาถูกกลืนด้วยเปลวไฟสีดำ และเขาก็ดูเหมือนกับคู่ต่อสู้ไม่มีผิด

 

หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขารู้สึกตัวว่าตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร และพลังของเขาก็กลายเป็นธาตุเดียวกันกับเชล นอกจากเรื่องนั้นแล้วมันไม่มีผลทางลบอย่างอื่น และมันก็ไม่ได้สร้างความเสียหายกับเขาเช่นกัน

 

แต่ขณะที่ไฟสีดำลามไปทั่วร่างของหานเซิ่น เชลก็พูดขึ้นมา
“พลังสิงโตปีศาจของข้าไม่ได้มีพลังทำลายล้าง แต่มันจะเปลี่ยนธาตุในร่างกายของเจ้า มันเรียกว่าพลังปีศาจ”

 

“ถ้าเจ้าทำร้ายคู่ค่อสู้ไม่ได้ แบบนั้นพลังปีศาจของเจ้ามีประโยชน์ยังไง?” หานเซิ่นถาม

 

“มันมีพลังอยู่เป็นล้านๆอย่างในจักรวาลนี้ ข้ารับมือกับพลังทุกรูปแบบไม่ได้ แต่ไม่ว่าพลังแบบไหนที่คู่ต่อสู้จะมี ข้าก็แค่เปลี่ยนธาตุของพวกเขาให้เป็นเหมือนกับข้า และเนื่องจากข้าคุ้นเคยกับพลังของตัวเอง มันก็จะไม่มีใครเอาชนะข้าได้” เชลพูด

 

ในตอนที่หานเซิ่นคำนึงถึงเรื่องนั้น เขาก็รู้สึกตัวว่าจริงๆแล้วพลังนี้ของเชลนั้นน่ากลัวขนาดไหน ด้วยระดับในขณะนี้ของเขา พลังของหานเซิ่นไม่สามารถเทียบชั้นกับพลังของเชลได้ ถ้าหานเซิ่นสามารถพึ่งพาธาตุที่หลากหลายและวิชาพิเศษ เขาก็จะยังคงพอมีโอกาสชนะ

 

แต่ตอนนี้เมื่อพลังของเขาถูกเปลี่ยนไปเป็นธาตุที่เชลเชี่ยวชาญ หานเซิ่นก็ไม่มีหวังที่จะชนะ ถึงแม้เขาจะเข้ากับธาตุใหม่นี้ได้เป็นอย่างดี แต่มันก็ไม่มีทางที่เขาจะเชี่ยวชาญมันมากไปกว่าเชล เขาไม่สามารถเอาชนะเชลได้ด้วยพลังของอีกฝ่าย

 

‘ทำไมพลังนี้ของเชลถึงทำให้เรานึกถึงบางสิ่ง?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง

 

แต่เชลไม่ปล่อยให้หานเซิ่นมีเวลาคิด เขาชกอีกหมัดหนึ่งเข้าใส่หานเซิ่น

 

หานเซิ่นเริ่มจะเข้าใจถึงความร้ายกาจของการเปลี่ยนธาตุของเชล ตัวเขาไม่ได้รับความเสียหายทางกายภาพใดๆ และเมื่อเวลาผ่านไปเขาจะทำความเข้าใจธาตุใหม่นี้ได้เพียงจะใช้มันในการต่อสู้ แต่ทว่าคู่ต่อสู้ระดับสูงอย่างเชลนั้นจะไม่ปล่อยให้เขามีเวลาได้ปรับตัวเข้ากับมัน

 

เทเลพอร์ต เทเลพอร์ตไปเรื่อยๆ

 

หานเซิ่นเริ่มจะพึ่งพาเพียงแค่วิชาก็อตส์วอนเดอร์เพื่อปกป้องตัวเองจากเอื้อมมือของเชล เขาไม่สามารถทำการป้องกันหรือโต้กลับได้ การจะพลิกสถานการณ์นั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ

 

หานเซิ่นยังไม่คุ้ยเคยกับพลังใหม่นี้เลยสักนิดเดียว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพลังนี้สามารถทำอะไรได้ และไม่ว่าวิชาจีโนไหนที่หานเซิ่นพยายามจะใช้ เขาก็ใช้ได้แค่พลังในธาตุประหลาดของเชลเท่านั้น

 

“ดูเหมือนว่าหานเซิ่นกำลังจะแพ้” หลี่เสวี่ยเฉิงพูด ในตอนนี้เขาดูมีความสุขมากๆ

 

ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าหานเซิ่นไม่มีโอกาสอีกต่อไป ระดับของเขาต่ำกว่าเชล เขาทั้งอ่อนแอและเชื่องช้ากว่าเชล ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ที่ธาตุของเขากลายเป็นแบบเดียวกันกับของเชล หานเซิ่นจะไปมีหวังได้ยังไงกัน?

 

ถึงแม้คู่ต่อสู้ของเชลจะเป็นระดับเทพเจ้าเหมือนกัน คนๆนั้นก็ไม่สามารถเอาชนะเชลได้ถ้าถูกบังคับให้ใช้ธาตุเดียวกัน

 

พลังปีศาจของเชลเป็นอะไรที่ค่อนข้างลึกลับ การลอกเลียนพลังของคู่ต่อสู้ไม่ถือว่าหายากอะไร แต่พลังของเชลกลับบังคับให้คู่ต่อสู้ลอกเลียนแบบพลังของตัวเอง ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่ไม่ค่อยยุติธรรม

 

ผู้อาวุโสโอเพ่นสกายมีรอยยิ้มแห้งๆ

 

ผู้อาวุโสหลี่ฉียวี่ส่ายหัว “นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงถูกเรียกว่าเป็น ‘คนที่เก่งกาจที่สุดในหมู่คนที่อยู่ระดับเดียวกัน’ ทุกพลังจะมีธาตุที่แพ้ทางอยู่ ไม่ว่าพลังของยอดฝีมือคนนั้นจะแปลกประหลาดสักแค่ไหน มันก็จะมีพลังที่สยบมันได้อยู่เสมอ แต่พลังสิงโตปีศาจของเชลนั้นเพิกเฉยต่อกฎของจักรวาลข้อนั้น”

 

หานเซิ่นใช้พลังทางจิตใจทั้งหมดเพื่อทำความคุ้นเคยกับพลังของเชล แต่เขามีเวลาน้อยเกินไป เขาสามารถใช้พลังใหม่นี้ในขั้นพื้นฐานเท่านั้น การจะใช้มันต่อสู้กับคนอย่างเชลนั้นเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้

 

ปัง!

ครั้งนี้หานเซิ่นเทเลพอร์ตช้าเกินไป และหมัดของเชลก็ถูกเข้าที่แขนของเขา ชุดเกราะมนตรานั้นปกป้องร่างกายของเขาเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นหมัดของเชลก็เกือบจะบดขยี้กระดูกแขนของเขา

 

หานเซิ่นใช้ก็อตส์วอนเดอร์ แต่เชลเองก็สามารถใช้มันได้เช่นกัน และเชลค่อนข้างเชี่ยวในวิชานี้ หานเซิ่นพยายามจะเทเลพอร์ตหนีไปเรื่อยๆ แต่เขาไม่สามารถสลัดการไล่ตามของเชลได้ ยิ่งเวลาผ่านไปเขาก็ได้รับบาดแผลมากขึ้นๆ

 

ปัง!

หานเซิ่นถูกชกใส่ที่อกและเขาก็ถูกส่งกระเด็นออกไปราวกับลูกปืนใหญ่ หานเซิ่นร่วงลงกับพื้นใกล้ๆกับบาร์เรียของหุบเขา ตอนนี้ร่างกายทั้งร่างของหานเซิ่นเต็มไปด้วยบาดแผล และหลายส่วนของชุดเกราะมนตราก็แตกร้าว ซึ่งส่วนที่แย่ที่สุดก็คือบริเวณอกที่เขาเพิ่งจะถูกชกเมื่อครู่นี้

 

ชุดเกราะมนตราไม่สามารถทนรับการโจมตีได้มากกว่านี้ และร่างกายของหานเซิ่นเองก็ไม่สู้ดีเช่นกัน แขนข้างหนึ่งของเขาห้อยอยู่ข้างลำตัว เขารู้สึกราวกับว่ากระดูกทั้งร่างกายของเขาหัก เขาไม่สามารถแม้แต่จะเคลื่อนไหว ขาข้างหนึ่งของเขาก็หักเช่นเดียวกัน เขาได้แค่คุกเข่าข้างหนึ่งอยู่กับพื้น

 

หานเซิ่นไม่สามารถจำครั้งสุดท้ายที่เขาตกอยู่ในสภาพแย่แบบนี้ได้ แม้แต่ในตอนที่เขาถูกดูดพลังจนแห้งโดยโล่เมดูซ่าส์เกซ เขาก็ไม่ได้บาดเจ็บหนักขนาดนี้

 

แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ยังไม่คิดจะยอมแพ้ จริงๆแล้วเขากำลังรู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าที่เคย

 

ความตื่นเต้นนั้นมาจากชุดเกราะมนตรา ถึงแม้ชุดเกราะของเขาจะดูเหมือนกับว่าพร้อมจะแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆได้ทุกเมื่อ แต่จู่ๆก็ดูเหมือนกับว่ามันกำลังจะวิวัฒนาการ

 

เรื่องราวของยีนเป็นวิชาจีโนที่ฝึกฝนได้ยากที่สุดในบรรดาวิชาจีโนทั้งหมดของเขา แต่ภายใต้แรงกดดันจากเชล ดูเหมือนกับว่ามันกำลังจะรวมทั้งเก้าขั้นเป็นหนึ่งเดียว เขากำลังจะกลายเป็นระดับครึ่งเทพ

 

“เกือบแล้ว… อีกเพียงแค่นิดเดียว…” หานเซิ่นสัมผัสได้ว่าเรื่องราวของยีนใกล้จะเลื่อนระดับเต็มทีแล้ว แต่เขายังคงรู้สึกราวกับว่ามันขาดบางสิ่งไป มันเหมือนกับว่าเขาพยายามจะเกาเท้าของตัวเองผ่านถุงเท้า

 

“พวกเรามาจบมันเพียงแค่นี้เถอะ” เชลไม่คิดจะยืดเยื้อการต่อสู้นี้ให้นานเกินกว่าที่จำเป็น ถึงแม้เขาจะยอมรับว่าหานเซิ่นเป็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควร แต่ในตอนนี้หานเซิ่นก็เป็นแค่ระดับราชันขั้นที่เก้าเท่านั้น เขาหวังจะต่อสู้กับหานเซิ่นอีกครั้งในตอนที่หานเซิ่นกลายเป็นระดับเทพเจ้าแล้ว

 

เชลชกหมัดออกไปอีกครั้ง พลังที่น่าสะพรึงกลัวของหมัดเป็นเหมือนกับการคำรามของสิงโตปีศาจ ซึ่งตรงเข้าไปหาหานเซิ่นที่ยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้น

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset