Super God Gene – ตอนที่ 2741

ถ้าคนๆนั้นไม่ได้มีจิตใจที่มั่นคงมากๆ พวกเขาก็จะหลงทางโดยไม่รู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น

 

แต่ในกรณีนี้การหลงทางไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย ในเวลาที่ผู้คนไม่มั่นใจว่าจะเดินไปในเส้นทางไหนในชีวิต พวกเขาสามารถหลงไปกับภาพวาดและเลือกจิตใจหนึ่งเพื่อตอบสนองจุดหมาย สำหรับผู้คนที่ยังไม่ได้เลือกเส้นทางของตัวเอง การหาจิตใจในรูปภาพนั้นจะช่วยเหลือพวกเขาในอนาคต

 

แต่หานเซิ่นนั้นต่างออกไป เขามีเส้นทางของตัวเองเรียบร้อยแล้ว และถ้าเขาปล่อยให้จิตใจของภาพวาดเข้ามาส่งอิทธิพลต่อจิตใจของเขา เขาก็อาจจะหลงทาง

 

หานเซิ่นบังคับให้ตัวเองหลับตาลงและหนีจากจิตใจเหล่านั้น แต่จิตใจทั้งหมดยังคงพยายามจะดึงดูดให้เขามองไปที่รูปภาพ

 

โชคดีที่หานเซิ่นมีจิตใจที่มั่นคงมากๆ เขาสามารถละสายตาจากกำแพง เขาค่อยๆบรรเทาจิตใจของตัวเอง

 

“การมีความสามารถที่จะหันหนีจากกำแพงโบราณนั้นพิสูจน์ว่าจิตใจของเจ้าไม่เลว” เสียงดังขึ้นด้านข้างของหานเซิ่น

 

หานเซิ่นลืมตาขึ้นมาและหันตามเสียงนั้นไป เขาเห็นชายวัยกลางคนกำลังนั่งอยู่บนก้อนหิน ชายคนนั้นกำลังมองมาทางหานเซิ่น

 

ชายวัยกลางมีรูปลักษณ์และเสื้อผ้าที่ดูธรรมดามากๆ แต่มันมีบางสิ่งเกี่ยวกับเขาที่ดึงดูดความสนใจของหานเซิ่น

 

“กำลังพูดกับข้าอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นสบสัน เขาไม่รู้ว่าชายคนนี้เป็นใคร หานเซิ่นหลงใหลในรูปภาพจนเขาเดินมาค่อนข้างไกล เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋ออยู่ด้านหลังเขาไปไกลพอสมควร ดังนั้นมันไม่มีใครคนอื่นที่ชายคนนี้จะพูดด้วยได้

 

เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อถูกดึงดูดโดยจิตใจบนกำแพงจนไม่ได้ให้ความสนใจอะไรอย่างอื่น ดังนั้นพวกเธอจึงไม่ได้สังเกตว่าชายคนนั้นพูดกับหานเซิ่น

 

ชายวัยกลางคนหัวเราะและพูด “นอกจากเจ้าแล้ว ข้าไม่คิดว่าจะมีใครคนอื่นมาจนถึงที่นี่ในครั้งแรก”

 

“นั่นก็ใช่ เพราะยังไงซะอัจฉริยะอย่างข้าก็ถือว่าหาตัวได้ยาก” หานเซิ่นพูดขณะที่ยิ้ม

 

ชายวัยกลางคนดูประหลาดใจ แต่รอยยิ้มของเขากว้างขึ้น เขาก้าวลงจากก้อนหินและมายืนข้างๆหานเซิ่น โดยหันหน้าไปหากำแพงโบราณ
“เวรี่ไฮนั้นจะสัมผัสทุกสิ่งทุกอย่าง ถึงแม้ธรรมชาติของจักรวาลนี้จะซับซ้อนและละเอียดอ่อนมากๆ พวกเราก็สัมผัสได้ถึงหัวใจของทุกๆสิ่ง แต่ทว่ากำแพงโบราณนี้อยู่ที่นี่มาเป็นพันล้านปีโดยไม่มีใครเข้าใจถึงความลับของมัน เจ้ารู้ไหมว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น?”

 

“ข้าไม่รู้” หานเซิ่นตอบอย่างรวดเร็ว ถ้าเขาไม่รู้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะเสแสร้งว่ารู้

 

ชายวัยกลางคนพยักหน้าเมื่อเขาได้ยินคำตอบของหานเซิ่น เขามองไปที่กำแพงโบราณและชี้ไปที่จุดๆหนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“เหตุผลที่ไม่มีใครเข้าใจความลับของมันก็เพราะนี่”

 

หานเซิ่นมองไปยังตำแหน่งที่ชายวัยกลางคนชี้ออกไปและเห็นสัญลักษณ์หนึ่งที่ซ่อนอยู่ในรูปภาพ มันมีดวงตาสามเหลี่ยมอยู่ที่ใจกลางของสัญลักษณ์นั้น และรูม่านตาก็ดูเหมือนกับหยินหยาง

 

“นี่คือเนตรเวรี่ไฮ?” หานเซิ่นถามด้วยความแปลกใจ

 

ชายวัยกลางคนพยักหน้าและพูด “ภาพวาดทั้งหมดนี้แปลกประหลาด ไม่มีใครบอกได้ว่ามันพยายามจะพรรณนาถึงอะไร จุดนี่เป็นจุดเดียวที่ภาพวาดนั้นชัดเจน และมันแสดงถึงอะไรน่ะหรอ? มันแสดงถึงเนตรเวรี่ไฮของเผ่าเวรี่ไฮ ทุกคนเข้าใจในเรื่องนี้ แต่ไม่มีใครบอกได้ว่าทำไมเนตรเวรี่ไฮถึงถูกวาดเอาไว้ที่นี่ และไม่มีใครรู้ว่ามันเชื่อมโยงยังไงกับภาพวาดที่เหลือ เจ้าควรจะใช้นี่เป็นจุดเริ่มต้น แต่ไม่มีใครเข้าใจว่าแท้จริงแล้วมันหมายถึงอะไร”

 

หานเซิ่นมองไปที่เนตรเวรี่ไฮและภาพวาดที่เหลือรอบๆ เขาเองก็คิดว่าการวาดนี้เป็นอะไรที่แปลกมากๆ และเขาก็ไม่สามารถจินตนาการได้ว่ามันหมายถึงอะไรกันแน่ แต่ยังไงซะมันก็ไม่มีใครบอกเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเนตรเวรี่ไฮและส่วนที่เหลือของภาพวาดได้อยู่แล้ว

 

ชายวัยกลางคนละสายตาจากกำแพงโบราณและหันมาพูดกับหานเซิ่น
“ถึงแม้จะไม่มีใครเข้าใจความลับเบื้องหลังของภาพวาดนี้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะเรียนรู้อะไรจากมันไม่ได้ เนตรเวรี่ไฮในภาพวาดนี้เป็นอะไรที่พิเศษมากๆ ความหมายของมันต่างจากส่วนอื่นของภาพวาดโดยสิ้นเชิง ถ้าเจ้าสังเกตมันดีๆ เจ้าอาจจะได้เรียนรู้อะไรอย่างสองอย่าง”

 

“หมายความว่ายังไงที่บอกว่ามันพิเศษน่ะ?”
หานเซิ่นไม่เข้าใจว่าชายวัยกลางคนหมายความว่ายังไง เนื่องจากจิตใจของภาพวาดนี้เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ทุกเส้นในภาพวาดที่กว้างใหญ่นี้จึงต่างกันออกไป แบบนั้นแล้วคนๆหนึ่งจะมองไปที่จุดๆหนึ่งของภาพและกล่าวอ้างว่ามันพิเศษได้ยังไง

 

ชายวัยกลางคนเงียบไป หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “บรรพบุรุษของพวกเราคนนี้เป็นอัจฉริยะที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์จนถึงขีดสุด เขาสัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาวาดภาพที่รวมทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ ถึงแม้จิตใจภายในภาพวาดนี้ดูเหมือนจะเป็นอะไรก็ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่มันก็ถูกสร้างขึ้นโดยการใช้เวรี่ไฮเซ้นส์ จิตใจนี้มาจากความสามารถพิเศษที่รู้จักกันในชื่อเวรี่ไฮฟอร์เก็ตเลิฟ บิ๊กเลิฟและเลิฟเลสส์ จิตใจของภาพวาดนี้ทรงพลังและแฝงอารมณ์ที่หลากหลาย แต่มันไม่ได้รวมถึงอารมณ์ของผู้วาด มีเพียงแค่เนตรเวรี่ไฮที่แตกต่างออกไป มันถูกวาดโดยอารมณ์ที่มาจากบรรพบุรุษคนนั้นโดยตรง”

 

“มันเป็นความรู้สึกแบบไหนกัน?” หานเซิ่นถามด้วยความอยากรู้

 

ถ้าเวรี่ไฮคนนั้นฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์จนถึงขั้นทรูก็อต เวรี่ไฮคนนั้นก็คงจะต้องเข้าใกล้การเป็นหนึ่งกับจักรวาล แม้แต่เอ็กซ์ควิสิทก็แทบจะไร้ความรู้สึก ซึ่งชายคนนี้ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ในระดับที่เหนือมาก หานเซิ่นไม่สามารถจินตนาการได้ว่าอารมณ์แบบไหนกันที่ผู้ชายคนนั้นจะรู้สึกได้ เขาอาจจะไร้ความรู้สึกอย่างสมบูรณ์

 

ถ้าชายคนนั้นยังมีความรู้สึกอยู่อีก นั่นก็จะทำให้หานเซิ่นตกใจอย่างมาก

 

“ข้าบอกเจ้าไม่ได้ ถ้าเจ้าอยากรู้ เจ้าก็ควรจะมองดูมันด้วยตัวเอง” ชายวัยกลางคนพูดพร้อมกับหัวเราะ

 

ความอยากรู้อยากเห็นของหานเซิ่นถูกกระตุ้น เขาต้องการจะตรวจดูจิตใจของเนตรเวรี่ไฮนี่

 

ทันใดนั้นหานเซิ่นก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาหันกลับไปเพื่อจะถามชายวัยกลางคน
“ข้าขอถามชื่อผู้อาวุโสหน่อยได้ไหม?”

 

หานเซิ่นสันนิษฐานว่าชายคนนี้คงจะไม่ได้ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ แต่ถึงเขาจะไม่ได้ฝึก คนของเวรี่ไฮก็สามารถฝึกวิชาจีโนระดับสูงอื่นๆได้ เวรี่ไฮมียอดฝีมืออยู่มากมาย พวกเขาสามารถฝึกวิชาใหม่ได้ดีไม่น้อยกว่าที่พวกที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์

 

“หลี่จื่อ” ชายวัยกลางคนตอบอย่างเป็นกันเอง ดูเหมือนเขาไม่ได้รังเกลียดอะไรที่จะบอกชื่อของตัวเองกับหานเซิ่น

 

“ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำ” หานเซิ่นโค้งคำนับและหันความสนใจกลับไปที่เนตรเวรี่ไฮ

 

ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นมองดูมัน เขาก็สัมผัสได้ว่าจิตใจของมันแตกต่างจากส่วนอื่นของภาพวาดจริงๆ เมื่อหานเซิ่นรู้สึกตัวแบบนั้น เขาก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่าทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงไม่ได้สังเกตเรื่องนี้ มันมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างความหมายของเนตรเวรี่ไฮและส่วนอื่นๆของภาพวาด

 

หานเซิ่นจ้องมองไปที่เนตรเวรี่ไฮ ร่างกายของเขาหยุดนิ่งโดยสมบูรณ์ เขาหยุดนิ่งจนดูเหมือนกับว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของภูมิประเทศ เขาไม่แม้แต่จะกระพริบตา

 

ไม่นานหลังจากนั้น จู่ๆน้ำตาก็เริ่มไหลออกมาจากดวงตาของหานเซิ่น แต่เขายังคงไม่ขยับเขยื้อน เขาจ้องไปที่เนตรเวรี่ไฮ ขณะที่น้ำตาไหลลงมาบนแก้มของเขา น้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆจนเปียกใบหน้าและเสื้อผ้าของเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงมองไปที่เนตรเวรี่ไฮโดยไม่กระพริบตา

 

หลังจากนั้นน้ำตาของหานเซิ่นก็ดูเหมือนจะแห้งเหือดไป ต่อมาดวงตาของเขาก็เริ่มจะมีเลือดไหล น้ำตาสีเลือดไหลลงมาบนแก้มของเขา

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset